ปัจจุบัน การซื้อขายสลากผ่านแพลตฟอร์มเอกชน รายใหญ่สุด โจ๋งครึ่มที่สุด ก็คือ “ลอตเตอรี่พลัส”
ขายในราคาที่บังคับรวมค่าบริการ 105 บาทต่อใบ ซึ่งแพงกว่า 80 บาทต่อใบ ผิดกฎหมาย
แต่ใช้กลวิธีการตลาด การโฆษณาชวนเชื่อ ชักจูงให้คนมาซื้อแต่ละงวดหลายล้านใบ
มีการทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอย่างอุกอาจ เงินหมุนเวียนสะพัด งวดละหลายร้อยล้านบาท
ในฐานะสื่อมวลชนที่ตามติดเรื่องนี้ มาตั้งแต่ยุคกองสลากพลัส ขอสรุปเรื่องราว ดังนี้
1. คุณประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 กระทรวงฯได้มีหนังสือขอปิดกั้นเว็บไซต์ “ลอตเตอรี่พลัส” ไปที่ศาล
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 ศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ปิดกั้นเว็บไซต์ “ลอตเตอรี่พลัส.com” และ “lotteryplus.co.th”
โดยรัฐมนตรีดีอีเปิดเผยเพิ่มเติมว่า
“ศาลเห็นว่า แพลตฟอร์มดังกล่าว เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการเล่นการพนันและเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล
โดยมีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดอาญาตามกฎหมาย ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
จึงมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ตามคำร้องของพนักงานเจ้าหน้าที่
โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๐
...ขอเตือนประชาชน ศิลปินดาราและผู้มีชื่อเสียงทั้งหลาย พยายามหลีกเลี่ยงและอย่าเข้าไปยุ่งกับเว็บไซต์ลอตเตอรี่ออนไลน์ผิดกฎหมาย เพราะอาจทำให้สูญเสียเงิน และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
หากต้องการซื้อลอตเตอรี่ ขอให้ซื้อกับแพลตฟอร์มของรัฐ หรือแพลตฟอร์มที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น” - รมว.ประเสริฐกล่าว
2. ด้านลอตเตอรี่พลัส ปรากฏว่า ยังเปิดขายต่อไปตามปกติ
ล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ (19 พ.ค. 2567) คนทั่วไปก็ยังสามารถเข้าเว็บไซต์ดังกล่าวได้ตามเดิม
โดยเพจ ลอตเตอรี่พลัส ระบุว่า
“เรายังไม่ได้รับคำสั่งตามที่กล่าวอ้างในสื่อ
หากเป็นไปตามนั้นจริง ทางเราต้องขอต่อสู้ทุกกระบวนการตามกฎหมาย
เพื่อยืนยันความถูกต้องของเรา เพราะเราทำธุรกิจโดยสุจริตมีสลากจริงทุกใบ สามารถตรวจสอบได้”
นอกจากนี้ ยังโฆษณาประชาสัมพันธ์ขายสลากผ่านเว็บไซต์และแอปนกพลัส ของลอตเตอรี่พลัส
ยิ่งกว่านั้น ยังประกาศแจ้งหมายเลขบัญชีสำหรับรับโอนเงินเพื่อซื้อสลากจากลอตเตอรี่พลัสอย่างโจ๋งครึ่ม เปิดเผยต่อสาธารณะ ท้าทายหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายด้วย
“...ลอตเตอรี่พลัสของแท้เช็กได้ตามนี้!
เพจลอตเตอรี่พลัส ของจริงมีเพจเดียว ยอดถูกใจ 1.5 ล้านมีผู้ติดตาม 2.4 ล้าน
บัญชีไลน์ นกพลัส มีผู้ติดตาม 2.6 ล้าน
ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ผ่าน 2 ช่องทางเท่านั้น 1. https://lotteryplus.co.th 2. แอปฯ นกพลัส
หมายเลขบัญชีของลอตเตอรี่พลัส มีบัญชีเดียว ธนาคาร กสิกรไทยเลขบัญชี 154-1-82583-1 ชื่อบัญชี บจก.ลอตเตอรี่พลัส
...โหลดแอปนกพลัสได้เลยที่นี่ https://nokplus.app/nokplu...”
3. น่าสงสัยว่า นับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. ที่ศาลมีคำสั่งปิดแพลตฟอร์มลอตเตอรี่พลัส จนถึงปัจจุบัน
ผ่านไปเกือบ 3 วันแล้วที่ศาลมีคำสั่งปิด
เหตุใดยังไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาล (ตามที่ รมว.ดีอีเปิดเผยเอง) ?
การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้ารัฐดังกล่าวนั้น เกิดผลประโยชน์แก่เอกชนที่ยังกระทำการขายสลากโดยผิดกฎหมายต่อไป และสุ่มเสี่ยงจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนที่ยังโอนเงินเข้าบัญชีข้างต้นเพื่อจะซื้อสลากจากแพลตฟอร์มดังกล่าวต่อไปด้วย
อย่าลืมว่า เรื่องเดิม กองกำกับการ 1 ตำรวจ ปคบ.ได้ส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อพิจารณาดำเนินการระงับหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์บนแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ลอตเตอรี่พลัสออกจากระบบคอมพิวเตอร์ โดยพิจารณาอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และดำเนินการระงับหรืออายัดบัญชีธนาคารที่ใช้ในการรับเงินของผู้กระทำความผิดดังกล่าวด้วย
เหตุใด บัญชีธนาคารที่ใช้ในการซื้อขายสลากโดยผิดกฎหมายนั้น ยังสามารถดำเนินการได้อย่างอิสรเสรี ปล่อยให้ใช้โฆษณารับโอนเงินซื้อสลากต่อไปอีกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
ใครจะต้องรับผิดชอบ? ใครจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีโทษจำคุกร้ายแรง หรือไม่?
4. เมื่อศาลชี้ว่า การขายสลากของลอตเตอรี่พลัสเข้าข่ายผิดกฎหมาย ตามที่ รมว.ดีอีกล่าวข้างต้นแล้ว
หน่วยงานรัฐ นอกจากจะต้องปิดกั้นเว็บไซต์ “ลอตเตอรี่พลัส.com” และ “lotteryplus.co.th” แล้ว ก็สมควรต้องปิดแพลตฟอร์มของลอตเตอรี่พลัสที่ดำเนินการขายสลากในลักษณะเดียวกันด้วยหรือไม่?
เพราะปัจจุบัน ลอตเตอรี่พลัสได้โหมประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าย้ายไปทำการซื้อสลากผ่านช่องทางใหม่ คือ แอปนกพลัส
ผู้มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบตามกฎหมาย จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ได้หรือไม่?
5. เปรียบเทียบง่ายๆ
สมมุติว่า ปิดเว็บไซต์ที่ขายคลิปโป๊แล้ว แต่จะยังปล่อยให้เจ้าเดียวกัน ทำเหมือนกัน แต่เปลี่ยนไปขายคลิปโป๊ผ่านแอปฯ ได้หรือไม่?
ถ้าปล่อยเช่นนั้น ก็ไม่ต่างกับ “การละครน้ำเน่า”
พฤติกรรมของเอกชนที่กระทำเช่นนี้ นับว่าอุกอาจ ท้าทายไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ส่อเจตนาค้าขายผิดกฎหมายต่อไป ทั้งที่ถูกดำเนินคดีแล้ว อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอื่นที่ร้ายแรงกว่าเดิม
6. รู้ทันลอตเตอรี่พลัส
การปิดแพลตฟอร์มลอตเตอรี่พลัสตามกฎหมาย ฝ่ายผู้ประกอบการลอตเตอรี่พลัส ย่อมมีสิทธิไปต่อสู้คัดค้านตามกระบวนการกฎหมายเช่นกัน
ระหว่างนี้ หากประชาชนต้องการซื้อสลากผ่านออนไลน์ ก็ซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตัง ในราคา 80 บาท โดยไม่มีการบังคับจ่ายค่าฝากเก็บเพิ่มเติม
สลากที่เคยซื้อขายผ่านลอตเตอรี่พลัส ก็ไม่ได้หายไปจากระบบ ยังคงหมุนเวียนขายอยู่ในระบบนั่นเอง
สลากที่ถูกรางวัล ก็ไม่ได้ลดหายไปไหนเช่นกัน
งวดล่าสุด สลากที่ถูกรางวัลผ่านแอปเป๋าตัง มีรางวัลที่ 1 มากถึง 24 ใบ เป็นเงินรวมถึง 144 ล้านบาท
ในจำนวนนี้ มีผู้ถูรางวัลที่ 1 คนเดียว มากถึง 12 ใบ รับเงินรางวัลไปคนเดียวมากถึง 72 ล้านบาท
ที่ผ่านมา ลอตเตอรี่พลัสใช้กลวิธีการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ หว่านล้อม ล่อตาล่อใจ ด้วยกลวิธีแยบแยล
เพื่อดึงดูดให้ผู้คนยอมเสียเงินซื้อสลากเกินราคา 80 บาทผ่านแพลตฟอร์ม (อ้างว่ามีค่าฝากเก็บสลากอีกใบละ 25 บาท)
กลวิธีสำคัญ อาทิ
6.1 ใช้คนดัง ดารา นักร้อง อินฟลูฯ โปรโมทการขาย กระตุ้นให้คนมาซื้อ โดยบอกกล่าวว่าถูกรางวัลต่างๆ นานา
ทั้งๆ ที่ การขายสลากฯ ต้องห้ามโฆษณาตามกฎหมาย (โดยเฉพาะเป็นเอกชนที่ทำเพื่อผลกำไรส่วนตัว)
ล่าสุด รัฐมนตรีดีอีได้เตือนคนดัง อินฟลูฯ มิให้ยุ่งเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดังกล่าวแล้ว หากยังมีใครเข้าไปช่วยโฆษณา สมควรจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
6.2 ใช้เงินสดๆ เอามากองเป็นตั้งๆ สร้างภาพ ล่อตาล่อใจ
ใช้สื่อออนไลน์ เครือข่าย นำไปขยายต่อ โหมกระพือคนถูกรางวัล โฆษณาว่ารางวัลที่หนึ่งมีทุกงวด กระทำซ้ำๆ ย้ำๆ เหมือนเป็นการสะกดจิต เกิดภาพจดจำ
ทำให้คนจำนวนมากหลงเข้าใจผิดว่าซื้อสลากผ่านเอกชนรายนี้ แล้วจะโชคดีกว่าที่อื่นๆ
6.3 ใช้การมอบรางวัลรวดเร็ว ไม่มีหัก ณ ที่จ่าย โดยหอบเงินสดๆไปมอบถึงบ้าน แล้วโฆษณาเผยแพร่ออกไป
กลวิธีนี้ อาจเรียกว่า “เอากุ้งฝอยไปตกปลากะพง”
ปกติ ถ้าผู้ถูกรางวัลไปขึ้นเงินกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะต้องถูกหักค่าอากร ณ ที่จ่าย 0.5%
สมมุติว่า โชคดี ถูกรางวัลที่หนึ่ง 6 ล้านบาท ก็จะถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย 30,000 บาท
การที่ลอตเตอรี่พลัสสร้างภาพว่าใจปา จ่ายเต็ม ก็เป็นการตลาดที่ใช้ต้นทุนแค่ 30,000 บาท ช่วยประหยัดให้ “เฉพาะผู้ถูกรางวัล” แต่สำหรับ “ผู้ซื้อทุกคน” จะต้องจ่ายเงินให้ลอตเตอรี่พลัสในราคาเกินกฎหมายกำหนดไปถึง 105 บาทต่อใบ
เท่ากับ ส่วนที่เกินกว่ากฎหมายที่ลอตเตอรี่พลัสได้รับสูงถึง 25 บาทต่อใบ
คิดดูดีๆ ลอตเตอรี่พลัสได้จาก “ผู้ซื้อทุกคน” สมมุติว่างวดละ 2 ล้านใบ ก็จะเป็นเงินส่วนเกินถึง 50 ล้านบาท สามารถเอาเศษเสี้ยวของเงินส่วนเกินตรงนี้มาโปรยหว่านทำการตลาดล่อตาล่อใจได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำไป
ส่วนการที่แอปเป๋าตังคิดค่าธรรมเนียม 1% “เฉพาะจากคนถูกรางวัล” ความจริง ก็ช่วยให้ “ผู้ซื้อทุกคนไม่ต้องเสียค่าบริการ”
ลองคิดดีๆ ... กลายเป็นว่า หากซื้อผ่านเป๋าตัง เฉพาะผู้โชคดีส่วนน้อยที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 1% ของเงินรางวัล
แต่ถ้าซื้อกับลอตเตอรี่พลัส ใบละ 105 บาท เท่ากับ “ทุกคน”ต้องเสียค่าบริการภาคบังคับ ขณะที่ “เฉพาะผู้โชคดีถูกรางวัลบางคน (ส่วนน้อย)” ที่ได้รับสมนาคุณไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจากเงินรางวัล
ทั้งๆ ที่ เมื่อโชคดีถึงขนาดได้เงินรางวัล ย่อมจะมีความพร้อมจ่ายมากกว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ถูกรางวัล
แบบนี้ จะเห็นชัดว่า แพลตฟอร์มขายสลากเอกชน มีการใช้การตลาดแยบยลอย่างไร
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี