ประเทศต่างๆ นั้น ต่างมีระบบการเมืองการปกครองที่แตกต่างกัน การขึ้นสู่ตำแหน่งหน้าที่ผู้ปกครองบริหารประเทศก็มีหลายวิธีการ ไม่ว่าจะผ่านการเลือกตั้ง การจัดตั้ง หรือการคัดเลือก อย่างใดก็ตาม ซึ่งก็คงไม่มีความสำคัญเท่ากับว่าเมื่อได้เข้ารับตำแหน่ง มีอำนาจหน้าที่แล้ว ผู้ปกครองจะมีสติปัญญา และฝีไม้ลายมือแค่ไหน?
ที่ผ่านมาในสังคมไทย ฝ่ายที่สูญเสียอำนาจบริหารไป ก็มักจะกล่าวอ้างว่า ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนฝ่ายตนนั้นไม่มีความสามารถเท่า จึงทำให้ประเทศชาติถดถอยอีกด้วย บางครั้งก็มีการอ้างว่าฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยนั้นจะบริหารราชการบ้านเมืองได้ดีกว่าฝ่ายอำนาจนิยม
บัดนี้สังคมไทยเราก็มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบ 2 ขั้นตอน คือการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป โดยประชาชนพลเมือง เป็นการเลือกตั้งระดับที่ 1 แล้วก็มีการเลือกตั้งระดับที่ 2 เพื่อสรรหานายกฯ ในรัฐสภาและจึงได้มาซึ่งตัวนายกรัฐมนตรีนามว่า นายเศรษฐาทวีสิน กล่าวได้ว่า คณะรัฐบาลนี้มีความชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง ซึ่งเมื่อเริ่มก่อตั้งรัฐบาล ประชาชนพลเมืองไทยต่างมีความคาดหวังว่า ชีวิตของพวกเขาจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้า
เมื่อเริ่มบริหารประเทศ ฝ่ายรัฐบาลได้โหมประโคมข่าวเรื่องโครงการปลดหนี้นอกระบบ โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล โครงการค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยพลังประเพณีวัฒนธรรมเป็นพลังที่นุ่มนวลอ่อนโยน (Soft Power) โครงการเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งในเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมออกแบบ อุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ก็ยังได้เดินทางทั้งภายใน และภายนอกประเทศอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย กลายเป็นข่าวคราวครึกโครม สร้างความหวังยิ่งๆ ขึ้น แต่ทว่าการบริหารราชการกลับดูสับสนอลเวง เช่น ใครเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง? แล้วทำไมบุคคลบางคนถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ? พร้อมด้วยคำอธิบายว่าหากทุกสิ่งทุกอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์กติกา แล้วทำไมจึงไปเอาบุคคลที่มีประวัติด่างพร้อยมาเข้าร่วมในคณะรัฐบาล? และทำไมถึงเอาบุคลากรที่ด้อยประสบการณ์ ด้อยความนึกคิดและจิตสำนึกทางการเมืองเข้าร่วมในคณะรัฐบาล? จนในภาพรวมทั่วๆ ไปองค์ประกอบคณะรัฐบาลโดยเฉพาะคณะรัฐมนตรีไร้สีแสงแห่งปัญญา วิสัยทัศน์และความนึกคิด และอีกหลายๆ คนก็กลับมามีตำแหน่งเสมือนผีดิบฟื้นคืนชีพ จึงเป็นเรื่องของการตอบแทนการให้รางวัล มากกว่าที่จะมาร่วมมือร่วมใจกันทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง
และเมื่อดูตัวเลขต่างๆ แล้ว ก็เป็นที่น่าวิตก จะเป็นตัวเลขถัวเฉลี่ยการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยที่ต่ำสุดในบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน การส่งออกก็ยังซบเซา การลงทุนจากต่างประเทศก็ยังจับต้องอย่างแน่ชัดไม่ได้ แต่ข่าวคราวโดยทั่วไปก็คือ นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจต่อเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย มากกว่าไทย
เมื่อไปไถ่ถามชาวบ้าน พ่อค้ารายเล็กรายย่อยทั่วไป ก็จะมีคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้าวของวัตถุดิบแพงขึ้น ผู้คนใช้จ่ายอย่างตระหนี่ การค้าขายโดยทั่วไปยังไม่คึกคักเท่าที่ควร ซึ่งจะไปอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดีเพราะโรคระบาดโควิด-19 ก็คงจะไม่ได้แล้ว
ทั้งนี้ หากการบริหารราชการสำเร็จลุล่วงด้วยดีประเทศก็ควรจะต้องมีสถิติตัวเลขเป็นสำคัญ และจะต้องมีการปรึกษาหารืออย่างลึกซึ้งกว้างขวาง และต่อเนื่องซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้เพราะตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายคนติดอยู่กับการเดินทางภายในและภายนอกประเทศดังกล่าว ไม่มีเวลานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและโต๊ะประชุม งานการของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญและใหญ่โตที่จะต้องมีการปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง มิใช่เป็นแค่ดำริ หรือความคิดอ่านฉับพลันของตัวนายกรัฐมนตรี อีกทั้งการเดินทางต่างๆ และการให้สัมภาษณ์หลังการเดินทางนั้นมักจะไร้ข้อมูลสถิติ หรือผลการศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ จึงไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นผลงาน เพราะจะมีลักษณะของการปรากฏตัว และการพูดจาแบบเพ้อเจ้อขายฝันมากกว่า
โดยองค์รวมแล้ว เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี การเตรียมการ เตรียมจิตใจก็มิได้มีมา ซึ่งก็จัดได้ว่าเป็นความล้มเหลวตั้งแต่ต้นทาง แต่ประเทศจะคงอยู่กับกลุ่มผู้บริหารและสภาพการณ์แบบนี้ไม่ได้ สังคมไทยไม่สมควรที่จะต้องอยู่กับสภาพการณ์นี้
สังคมไทยควรจะต้องมีผู้นำที่มีคุณภาพ ทั้งขีดความสามารถ ทั้งประสบการณ์ ทั้งจิตสำนึก และความรักชาติบ้านเมืองอย่างจริงจัง
หากฝ่ายการเมืองแก้ปัญหาการบริหารราชการบ้านเมืองไม่ได้ หาคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีฝีมือไม่ได้ ก็ควรจะหลีกทาง และเปิดทางให้ประชาชนพลเมืองได้พิจารณาถวายคืนพระราชอำนาจแด่องค์พระมหากษัตริย์ เพื่อทรงแต่งตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมาบริหารราชการแผ่นดินแทน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี