วันอังคารที่ผ่านมา หนึ่งวัน..ก่อนที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงการณ์เรื่อง นายทักษิณจะถูกสั่งฟ้องคดี มาตรา 112 หรือไม่ผมเห็นกระทู้ในโลกออนไลน์อันหนึ่งเขียนว่า....เมืองไทยถึงจุดเสื่อมสุดแล้วยัง เพราะว่าคนทำผิดไม่ติดคุก....วันถัดมา ภายหลังมีข่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผมก็เห็นคำว่า...#ไม่มียางอาย....วิ่งขึ้นติดเทรนด์สามอันดับแรกในทวิตเตอร์หรือเอ็กซ์ตลอดทั้งวันพุธที่ผ่านมา
ครับ....ผมเชื่อว่า ถ้าสังคมไทยมี “เนติบริกร” ที่มี..ยางอาย..คนทำผิดก็ต้องติดคุก และเมืองไทยก็คงยังมาไม่ถึงจุดเสื่อมได้ขนาดนี้...
ความจริงแล้ว คำว่า “เนติบริกร” โดยรูปศัพท์นั้นไม่ใช่คำที่มีความหมายเชิงลบแต่ประการใด ไม่เช่นนั้นคุณวิษณุคงไม่เอามาตั้งเป็นชื่อหนังสือของตัวเองว่า “เรื่องเล่าจากเนติบริกร”ด้วยความภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังคำว่าเนติบริกรได้กลายเป็นคำที่มีความหมายในทางลบไปอย่างน่าเสียดาย อันหมายถึงบุคคลผู้เข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมือง โดยให้บริการทางกฎหมายแก่ผู้ที่มีอำนาจไม่ว่าจะมาจากการปฏิวัติ รัฐประหารหรือการเลือกตั้งก็ตาม ทำให้เนติบริกรกลายเป็นอาชีพสำหรับผู้ร่ำเรียนมาทางกฎหมายที่ไม่สนใจรับผิดชอบชั่วดี จริยธรรม ศีลธรรมใดๆขอเพียงได้ใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อบรรลุเป้าหมายหรือผลประโยชน์ของตนและพรรคพวกเป็นสำคัญ
ตัวคุณวิษณุเอง ก็ได้รับสมญานามจากนักข่าว ในการตั้งฉายารัฐมนตรีประจำปี 2545 ว่า... เนติบริกร ทนายหน้าหอ(2548) ศรีธนญชัยลอดช่อง (2562) ไฮเตอร์เซอร์วิส (2563) เครื่องจักรซักล้าง (2565) ตามลำดับ สมญานามเหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงความหมายแฝง สะท้อนความคิดและทัศนคติที่คนทั่วไปมีต่อคุณวิษณุได้เป็นอย่างดี
จะว่าไปแล้ว ไวพจน์หรือคำพ้องความหมาย (synonym) ของฉายาหรือสมญานามเหล่านี้ ล้วนมีที่มาจากคำว่า “ทนายโจร”ที่ชาวบ้านมักใช้เรียก ทนายที่แก้ต่างให้แก่จำเลยผู้กระทำผิดจริงๆ
ทนายโจร หรือ Devil’s advocate ในภาษาอังกฤษมีที่มาจากภาษาละตินว่า “advocatus diaboli” มีความหมายว่า “ผู้เถียงให้กับฝ่ายมาร” และโดยความหมายดั้งเดิมที่ใช้แล้วก็เหมือนกับคำว่า “เนติบริกร” กล่าวคือไม่ได้มีความหมายในเชิงลบแต่ประการใด
คำนี้มีที่มาจากศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก กล่าวคือ ในระบบคริสตจักรโรมันคาทอลิก ถ้าจะมีการแต่งตั้งให้บาทหลวงท่านใดให้มีสมณศักดิ์เลื่อนชั้นเป็นนักบุญ (saint) ภายหลังจากที่ได้มรณภาพไปแล้ว ก็จะต้องมีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาคนหนึ่ง เรียกว่า Devil’s advocate หรือ “ผู้เถียงให้กับฝ่ายมาร” เพื่อโต้เถียงในเชิงคัดค้านโดยอ้างหรือหาข้อบกพร่อง ความไม่ดีต่างๆ ของบาทหลวงท่านนั้น หรือถ้ามีการอ้างถึงสิ่งอัศจรรย์ ปาฎิหาริย์อันเกิดขึ้นจากบาทหลวงท่านนั้น บุคคลคนนี้ก็จะมีหน้าที่ตรวจสอบการกล่าวอ้างดังกล่าว
กล่าวอย่างรวบรัด หน้าที่ของบุคคลนี้ก็คือพยายามหาความชั่วร้ายหรือความเป็นซาตานในตัวบาทหลวงท่านนั้น ซึ่งถ้าหาพบหรือพิสูจน์ได้ว่าบาทหลวงท่านนั้นมีดีเอ็นเอ (DNA) ของซาตานอยู่ ท่านก็จะไม่ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นชั้นให้เป็นนักบุญภายหลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปแล้ว
แต่ต่อมาคำว่า Devil’s advocate ก็ถูกเอามาใช้ในความหมายว่าเป็น ทนายปีศาจบ้าง ทนายโจรบ้าง และวิวัฒนาการไปเรื่อยตามยุคสมัยจนถึงสมญานามต่างๆ ของ
คุณวิษณุดังที่กล่าวมาข้างต้น
เมื่อพูดถึงคำว่า “ทนายโจร” ก็ทำให้ย้อนไปนึกถึงบทสัมภาษณ์ของนักกฎหมายอาวุโสท่านหนึ่ง ที่คนทั่วไปยังกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ โดยที่ไม่ต้องรีบไปล้างมือให้หายมัวหมองสกปรก เหมือนกับที่ต้องจำใจรับไหว้นักกฎหมายหลายคนที่เป็นเนติบริกรรับใช้ผู้มีอำนาจที่ขาดจริยธรรมอยู่ในขณะนี้ ท่านเคยดำรงตำแหน่งทั้งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุด
บทสัมภาษณ์นี้เป็นสาระน่ารู้ มีประโยชน์ในวงการนักกฎหมาย โดยมีความตอนหนึ่งที่อ่านแล้ว รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ก็คือข้อความที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่า
“......ต่อให้คุณเก่งทางกฎหมาย แต่คุณไม่มีจิตใจที่เป็นธรรม นักกฎหมายนี่นะครับ ยิ่งเก่งเท่าไหร่ ถ้าไม่มีคุณธรรมยิ่งกว่าโจร คือสามารถทำให้อะไร เป็นอะไรได้หมด ทำขาวเป็นดำดำเป็นขาว นักกฎหมายที่ไม่สุจริต ผมเชื่อว่าอย่างนั้นนะถ้าไม่มีคุณธรรม โจรยังดีกว่า.........”
ครับ...ที่ว่าสะเทือนใจก็เพราะข้อความนี้เป็นข้อเท็จจริง...จริงๆ
และอีกช่วงหนึ่งท่านได้ให้คติในการสอนกฎหมายไว้ว่า
“.... เพราะการใช้อำนาจทางกฎหมาย ทำจนในที่สุด ผิดเป็นถูก อันนี้อันตรายที่สุด ประโยคแรกที่ผมสอนนักศึกษามากว่า 30 ปี เรียนกฎหมายไป ต้องเรียนไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ใช่เรียนไป เพื่อใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ เพราะว่าอันตรายที่สุดเลย นักฎหมายถ้าไม่มีความเป็นธรรม ยิ่งกว่ามหาโจร....”
ครับ..ยิ่งกว่าโจรและมหาโจร...
การสอนกฎหมายที่ว่าต้องเรียนไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมนั้นคือการ “ศึกษาอบรม” ความสำคัญอยู่ที่การ “อบรม” ที่ยากยิ่งกว่าการให้ “ศึกษา” เสียอีก
เพราะการศึกษาเป็นเพียงการสอนให้มีความรู้ มีความรู้ในเรื่องกฎหมาย
แต่การ “อบรม” เป็นการสอนให้มี “ความคิด”ที่ถูกต้อง
การมีความรู้ในด้านกฎหมาย ยิ่งเก่งมากเท่าไหร่ แต่ปราศจากความคิดที่ถูกต้อง คือ “หายนะ” ของชาติบ้านเมือง เช่นที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
ปรากฏการณ์ของเนติบริกร หรือผู้เถียงให้กับฝ่ายมาร(Devil’s advocate) ทำให้นักกฎหมายประเภทนี้ถูกประณามและได้รับฉายาที่ฟังแลัวรู้สึกสะเทือนใจในวงการวิชาชีพนักกฎหมาย
แม้ฉายาที่ว่านั้น จะมุ่งไปยังนักกฎหมายบางคนที่เป็นทาสรับใช้ผู้มีอำนาจ นักการเมือง เผด็จการทหารหรือนายกรัฐมนตรีที่ขาดจิตสำนึกในจริยธรรม มิได้หมายถึงนักกฎหมายทุกคน แต่การได้รับฉายาเช่นนี้ ย่อมกระทบกระเทือนวงการวิชาชีพของนักกฎหมาย
ปัญหาสำคัญ จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้มีนักกฎหมายประเภทนี้
การสอนและให้คติอย่างที่ท่านอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุดทำมาแล้วกว่า 30 ปี นั้นถูกต้องที่สุด และก็เชื่อว่าในปัจจุบันก็มีอาจารย์อีกหลายท่านได้สอนอย่างนี้เช่นเดียวกัน
ในคณะนิติศาสตร์หลายแห่งก็ได้มีการสอน “หลักวิชาชีพของนักกฎหมาย” ของท่านศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทย์อันเป็นคัมภีร์คุณธรรมของนักกฎหมาย ที่ได้สอนโดยตัวของท่านเองและอาจารย์อีกหลายท่าน ภายหลังที่ท่านอาจารย์จิตติ ได้ถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว
แต่คัมภีร์คุณธรรมของนักกฎหมายเล่มนี้ยังเป็นอกาลิโกอยู่
นักกฎหมายที่ยิ่งกว่ามหาโจรเกือบทุกคนก็ได้เคยเรียนวิชานี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่น่าเศร้าอีกเรื่องหนึ่งก็คือ.....พวกยิ่งกว่าโจรหรือมหาโจรบางคนเหล่านี้ แทนที่จะถูก “อัปเปหิ” ออกไปจากวงการนักกฎหมาย โดยเฉพาะในคณะนิติศาสตร์ กลับถูกกราบเรียนเชิญมาสอนนักศึกษากฎหมายในคณะนิติศาสตร์ บางคนถึงขนาดเป็นผู้บรรยายพิเศษในวิชา“หลักวิชาชีพของนักกฎหมาย” อีกด้วยครับ
ดร.ธิติ สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี