ในขณะที่อำนาจและอิทธิฤทธิ์ของนายทักษิณ ชินวัตร กำลังแผ่ปกคลุมการเมืองไทยอย่างหนาแน่น จนมีผู้กล่าวขวัญว่ากำลังเดินตามเส้นทางเดียวกันกับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ซึ่งอาจกระทบต่อพระบรมเดชานุภาพและฐานะของสถาบันพระมหากษัตริย์
นั่นเป็นความหวาดหวั่นที่ไกลจากความจริงมาก และไกลจากความเข้าใจพื้นฐานของเรื่อง เพราะในกัมพูชานั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกล้มไปก่อนแล้วโดยน้ำมือของ
นายพลลอน นอล นายทหารขายชาติขี้ข้าต่างประเทศที่ลืมพระคุณของสถาบันของพระมหากษัตริย์ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของกัมพูชาอย่างหน้าตาเฉย ครั้นถูกเขมรใหม่ล้มล้างอำนาจไปแล้วและสถาปนาอำนาจของนายฮุนเซนขึ้นเหนือกัมพูชา ท่านนายกฯฮุนเซนก็รับฟังความปรารถนาของปวงชนชาวกัมพูชาให้ฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หลังจากนั้นก็ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งมั่นคงให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมเสาหลักของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามธรรมเนียมมาแต่โบราณ คือส่งเสริมให้มีการสถาปนาฐานันดรศักดิ์ของพระบรมวงศานุวงศ์เป็นจำนวนมาก ส่งเสริมให้มีการสถาปนาสมณศักดิ์แก่บรรดาพระสงฆ์ของกัมพูชาเพื่อเป็นพื้นฐานค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างกว้างขวางและมั่นคง รวมทั้งส่งเสริมให้มีการสถาปนาบรรดาศักดิ์แก่ขุนนางข้าราชการที่มีความดีความชอบแก่บ้านเมือง
จากนั้นก็มีการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ขุนนางข้าราชการกัมพูชาหลายท่านมีบรรดาศักดิ์ขึ้น รวมทั้งท่านฮุนเซนด้วย โดยท่านมีบรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ซึ่งถ้าเทียบกับของไทยก็อาจจะใกล้เคียงกับตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ในรัชกาลที่ 5
สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ได้ทำนุบำรุงค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ของกัมพูชาอย่างยิ่งใหญ่ ได้ฟื้นฟูปราสาทพระราชวังตามแบบอย่างของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งได้ฟื้นฟูโบราณราชประเพณีต่างๆ ของราชสำนักกัมพูชาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนกล่าวได้ว่าประวัติศาสตร์ของราชวงศ์กัมพูชานั้นไม่เคยมีขุนนางคนใดที่จงรักภักดีและทุ่มเทพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เสมอด้วยท่านฮุนเซนเลย ดังนั้น ใครที่จะเอานายทักษิณ ชินวัตร ไปเปรียบเทียบกับท่านฮุนเซนก็ควรจะเปรียบเทียบด้วยความรู้เรื่องจริง และถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีงามสำหรับบ้านเมือง
แต่ที่มีปัญหากระทบนายทักษิณ ชินวัตร มากที่สุดก็คือปัญหาทางกฎหมาย ซึ่งตกทอดคาราคาซังมาหลายปีแล้ว และเป็นปัญหาใหญ่ที่จะต้องฝ่าฟันไปอีกนานเท่าใดก็ไม่รู้ นั่นก็ต้องถือว่าเป็นวิบากกรรมของนายทักษิณชินวัตร ที่ประพฤติตนให้เป็นที่หวาดกลัวของคนอื่น ดังที่นายทักษิณ ชินวัตร เคยพูดกับนายเสนาะ เทียนทอง เองว่า วัวตาบอดไม่กลัวเสือก็เพราะมองไม่เห็นเสือ ซึ่งคลาดเคลื่อนไปจากคำพังเพยเดิม ซึ่งมีว่าลูกวัวไม่กลัวเสือ เพราะลูกวัวนั้นไม่รู้จักเสือว่าเสือกินวัว
ดังนั้น พฤติกรรมหลายอย่างของนายทักษิณ ชินวัตร ที่มองข้ามเรื่องนี้จึงทำให้ผู้คนหวาดกลัวในหลายประการ และเมื่อบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นแล้วก็เหมือนคนกลัวเสือ จึงต้องคิดฆ่าเสือเสียก่อน นี่จึงกล่าวว่าเป็นวิบากกรรมที่จะต้องคิดอ่านแก้ไขประการใดก็ต้องเร่งรีบคิดเอาเอง
เรื่องหนึ่งซึ่งคาราคาซังตกทอดมาก็คือ การพูดจาให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อหลายปีก่อน และเป็นเหตุให้กองทัพบกแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 112 และกฎหมายคอมพิวเตอร์ มีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานอยู่หลายปี และในที่สุดคณะกรรมการพิจารณาคดีของสำนักงานอัยการสูงสุดและอัยการสูงสุดก็มีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ทุกข้อกล่าวหา แต่ยังไม่ได้อ่านคำสั่งให้ผู้ต้องหาทราบเนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ เรื่องจึงคาราคาซังมาจนถึงบัดนี้
เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามาประเทศไทย อัยการสูงสุดก็มีคำสั่งอายัดตัวในคดีอื่นไว้ และถือว่านายทักษิณ ชินวัตร ถูกอายัดตัวไว้ในคดีนี้ ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร ได้ขอความเป็นธรรมให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม และสำนักงานอัยการสูงสุดก็อนุญาตให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมได้ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงอัยการสูงสุดเป็นท่านปัจจุบันนี้
และมีการนัดฟังคำสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. ปรากฏว่าอยู่ดีๆ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตระเวนเหนือใต้ไปทั่วก็ได้ให้ทนายความไปยื่นคำร้องขอเลื่อนการฟังคำสั่งออกไปโดยอ้างว่าป่วยเป็นไวรัสโควิด-19 ในท่ามกลางเสียงร่ำลือว่ามีการวิ่งเต้นจนมีการพลิกคำสั่งอัยการสูงสุดท่านเดิมลือกระฉ่อนกันไปทั้งประเทศ
ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้คงอยู่ในสายตาของสำนักงานอัยการสูงสุดว่าถ้าขืนเป็นเช่นนี้ก็จะเกิดความเสียหายต่อเกียรติภูมิ ดังนั้น จึงมีการแถลงข่าวว่าไม่ว่านายทักษิณ ชินวัตร จะมาฟังคำสั่งหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีการเปิดคำสั่งอัยการสูงสุดที่สั่งคดีนี้และปิดผนึกอยู่
และในวันนัดหมายคือวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น. สำนักงานอัยการสูงสุดก็มีการแถลงคำสั่งของอัยการสูงสุดว่าได้สั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตามมาตรา 112 และข้อกล่าวหาอื่นทุกข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้มาฟังคำสั่ง จึงไม่สามารถนำตัวไปฟ้องศาลในวันนี้ได้ ดังนั้นจึงมีคำสั่งนัดยื่นคำฟ้องในวันที่ 18 มิถุนายน ศกนี้ ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกอายัดตัวไว้จะต้องไปพบพนักงานอัยการเพื่อนำตัวขึ้นฟ้องศาลตามวันเวลาดังกล่าว
แต่ดูจากลีลาทั้งหลายแล้วก็พอจะเข้าใจได้ว่าอาจมีการยื่นขอประกันตัวต่อศาลล่วงหน้า ซึ่งถ้าศาลอนุญาตให้ประกันตัว ก็คงมีการไปพบพนักงานอัยการและรับ
คำฟ้องในวันนัดหมาย แต่ถ้าหากศาลสั่งไม่อนุญาต ซึ่งหมายความว่าเมื่อยื่นคำฟ้องแล้วศาลจะออกหมายขังนายทักษิณ ชินวัตร ไว้ในเรือนจำ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องหนักใจมากเรื่องหนึ่ง
เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่า ยี่ต๊อก หรือหลักปฏิบัติของศาลในคดีความผิดตามมาตรา 112 นั้น ส่วนใหญ่ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว จนกระทั่งจำเลยบางคนเสียชีวิตไปแล้ว หากจะมายกเว้นให้เฉพาะรายนี้ ไม้ขีดที่คุณบุ้งจุดทิ้งไว้ก็อาจจะลุกลามเผาเมืองได้ ปัญหาหนักใจนี้ก็ต้องถือว่าเป็นวิบากกรรมอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขกันอย่างไรต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี