ก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูในวงการเมืองว่า ได้มีการจับมือกันระหว่างฝ่ายสีแดง นำโดย นายทักษิณ ชินวัตร กับฝ่ายสีน้ำเงินและสีเขียวเข้ม นำโดย นายทหารนอกประจำการ เพื่อต่อกรกับฝ่ายสีส้มที่นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังจากนั้นสังคมไทยก็ได้เห็นการกลับสู่มาตุภูมิของนายทักษิณ ชินวัตร อย่างอบอุ่น สง่างาม พร้อมกับโอบอุ้มห้อมล้อมดูแลเยี่ยงไข่ในหินของฝ่ายรัฐบาลและหน่วยราชการ และนายทักษิณ ชินวัตรก็เริ่มแสดงตัว มีบทบาทเพิ่มขึ้นเป็นลำดับอย่างโจ่งแจ้ง ชนิดไม่มีความตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด
ในการนี้ ทั้งฝ่ายสีน้ำเงิน และสีเขียวเข้ม ต่างก็ฝากความหวังไว้อย่างมาก กับความสำเร็จในอดีตของนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับความเชื่อที่ว่า นายทักษิณนั้น ยังมีกำลังวังชา มีวิสัยทัศน์ สามารถให้ข้อคิดอ่านที่ปราดเปรื่อง และอิทธิพลเครือข่ายที่ยังอยู่ในความทรงจำของชาวประชาว่านายทักษิณ ชินวัตร จะกลับมากู้สถานการณ์กับการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับให้กับฝ่ายสีส้มในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566
ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร จะทำการแบบนักมายากลพร้อมไม้วิเศษที่จะเอาชัยชนะกลับมาและปราบฝ่ายสีส้มให้อยู่หมัดได้จริงหรือไม่ เราก็ต้องพินิจพิจารณาจุดอ่อนจุดแข็งของนายทักษิณกันสักหน่อย
ณ วันนี้ นายทักษิณ ไม่มีรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 และลูกน้องเครือข่ายอยู่ในกองทัพอีกแล้ว ซึ่งรวมทั้งฝ่ายตำรวจอีกด้วย ในขณะที่กองทัพเสื้อแดงก็ได้กระจัดกระจาย แกนนำหลายคนก็ตีจาก หรือไม่ก็ล้างมือกันไป ที่เหลือๆ อยู่ทั้งภายในพรรคเพื่อไทย และตั้งมั่นอยู่นอกพรรคเพื่อไทย ก็ล้วนแต่ชราภาพยิ่งขึ้น และหลายๆ คนยังมีความรู้สึกถูกทอดทิ้ง ลืมเลือน โดยเฉพาะพวกที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ในขณะเดียวกัน นายทักษิณ ก็ได้นำเอาลูกสมุนแต่อดีตกลับเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ ภายในคณะรัฐบาล และภายในรัฐสภา แต่พวกเขาต่างก็อยู่ในวัยชราภาพ และไฟไม่ร้อนแรงเหมือนเดิม ที่สำคัญก็คือ เมื่อกลับมามีตำแหน่งเป็นเสนาบดี ก็ดูจะพูดจาไม่อยู่ในร่องในรอย ขาดอุดมการณ์และเป้าหมายจัดได้ว่านายทักษิณขาดกลุ่มผู้ร่วมงานทางปัญญา และที่สำคัญก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ ที่นายทักษิณจะเชื่อมโยงและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวได้ คือดูยังไม่สามารถที่จะเจาะป้อมปราการของฝ่ายสีส้ม เพื่อดึงเสียงคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวมาทางฝ่ายตน อีกทั้งก็ยังไม่มีวี่แววที่จะจัดตั้งกลุ่มยุวชนเสื้อแดง
เมื่อดูจะไม่มีความสามารถในการที่จะเข้าถึงและมีฐานเสียงในหมู่ชนคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาว โอกาสที่การจับมือลับดังกล่าวจะประสบความสำเร็จในการเอาชนะ ปิดหนทางของฝ่ายสีส้มได้ก็ดูจะริบหรี่ ในขณะที่ฝ่ายสีน้ำเงิน และสีเขียวเข้ม จะมุ่งใช้มาตรการทางกฎหมาย หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว ก็ดูจะไปไม่ไหว เพราะได้รับการต่อต้านจากสาธารณชนเป็นการทั่วไป และหมิ่นเหม่ต่อการถูกประณาม คว่ำบาตรจากวงการประชาคมโลกด้วย
ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า การจับมือลับนั้นคงจะไปไม่รอด และถ้าจะทายใจนายทักษิณ ก็เป็นไปได้ว่าฝ่ายสีแดงจะสละเรือจากฝ่ายสีน้ำเงิน และสีเขียวเข้มแล้วโดดไปขึ้นเรือของฝ่ายสีส้มในที่สุด ซึ่งเมื่อร่วมกันฐานเสียงฐานการเมืองก็จะแข็งแกร่งน่าเกรงขาม อีกทั้งเยื่อใยของความสัมพันธ์ส่วนตัวก็มีอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ผ่านตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ และตระกูลลิ้มเจริญรัตน์ ที่ใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร อีกทั้งทั้งสีแดงและสีส้มก็ดูมีอุดมการณ์ร่วม เช่น การตีกรอบและควบคุมฝ่ายกองทัพ หรือพวกสีเขียวเข้ม หรือมองในมุมกว้างฝ่ายสีแดง สีส้ม ร่วมกันเป็นฝ่ายอำมาตย์ใหม่ ก็อยากจะคว่ำฝ่ายสีน้ำเงินและสีเขียวเข้มที่เป็นฝ่ายอำนาจดั้งเดิม
แล้วฝ่ายอำนาจดั้งเดิมจะทำอย่างไร?
คำตอบง่ายๆ ก็คือ เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ตอบสนองประชาชน และเลิกคิดแต่เรื่องอำนาจของตนเอง และควรจะมีความหนักแน่นและเปิดใจที่จะพูดจากับฝ่ายสีส้มกันเสียแต่บัดนี้
ส่วนโอกาสที่สีแดงกับสีส้มจะจับมือกัน ดูอย่างผิวเผินก็พอเข้าท่า แต่ฝ่ายสีส้มไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องพึ่งพาฝ่ายสีแดง เพราะมีอนาคตที่ดีและไกลกว่า และการจะเข้าไปข้องแวะกับฝ่ายสีแดงแต่อย่างใดก็จะมีปัญหากับคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวอย่างแน่นอน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี