ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้กล่าวเตือนพรรคก้าวไกลด้วยว่า..“ก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัย คู่กรณีไม่สมควรแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคม..อันอาจจะกระทบต่อการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาล”
ขณะที่พรรคก้าวไกล..โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ได้แถลงเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ก่อนหน้าที่จะมีการยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 มิถุนายนว่า..พรรคก้าวไกลจะเปิดแถลงเกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้รวมทั้งเผยแพร่เอกสารคำชี้แจงข้อกล่าวหาที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด..ในวันที่ 9 มิถุนายน
“โดยแนวทางในการต่อสู้คดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมนูญ..เราตั้งใจจะแถลงในวันนั้นทีเดียว ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ทำเต็มที่ในสิ่งที่เราทำได้..เพื่อยืนยันแนวทางการต่อสู้คดีของเรา” พริษฐ์ วัชรสินธุ-โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าว
สำหรับคดีนี้..ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 โดย กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล..เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้อง) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..และเข้าลักษณะการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จากคำร้องดังกล่าว..กกต.จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค..และห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่..หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง..หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค
อนึ่ง กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ถูกร้องให้เพิกถอนสิทธิ์มีทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย..นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, นายชัยธวัช ตุลาธน, นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์, นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล, นายปดิพัทธ์ สันติภาดา, นายสมชาย ฝั่งชลจิตร, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, นางสาวเบญจา แสงจันทร์, นายอภิชาติ ศิริสุนทร และนายสุเทพ อู่อ้น
ไปดูกันต่อว่า..ตามที่ กกต.อ้างว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..และเข้าลักษณะการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั้น..มีรายละเอียดอย่างไร
หลักฐานที่ กกต.อ้างก็คือ--คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 โดยศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า..การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2)..เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียง..เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังชี้ว่า..การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เป็นจุดเริ่มต้นของการเซาะกร่อนบ่อนทำลายให้สถาบันชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง..เข้าลักษณะของการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..และเป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน
พร้อมกับคำวินิจฉัยดังกล่าว..ศาลรัฐธรรมนูญยังได้สั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เลิกดำเนินการใดๆ..ทั้งการยกเลิกหรือการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 และให้เลิกแสดงความคิดเห็น พูด เขียน พิมพ์ โฆษณาและสื่อความหมายเพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทำอยู่และที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
นั้นคือที่มาของการยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล ของ กกต. และหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องของ กกต.เพื่อให้ยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567..พรรคก้าวไกลได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามาแล้วถึง 3 ครั้ง..และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการชี้แจงทั้ง 3 ครั้ง-ครั้งละ 15 วัน..ซึ่งในที่สุดพรรคก้าวไกล ก็มิอาจดิ้นหรือพยายามจะ“ยื้อ”เวลาเพื่อต่ออายุของตนต่อไปได้อีก..จึงได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา
ขนาดยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 มิถุนายน..แทนที่จะเปิดแถลงเกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้ รวมทั้งเผยแพร่เอกสารคำชี้แจงข้อกล่าวหาเสียทีเดียวในวันนั้น..พรรคก้าวไกลก็ยังส่อแสดงนัยอันเป็นสัญลักษณ์ที่มีวาระซ่อนเร้นต่อ“สถาบัน”..ด้วยการใช้วันที่ 9 มิถุนายนเป็นวันแถลงข่าว..มิหนำซ้ำนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังได้เปิดเผยถึงแนวทางคำชี้แจงข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกลที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ—ว่ามีอยู่ 8 ทาง
ดูจากตัวเลขที่เป็นสัญลักษณ์..แม้พรรคก้าวไกลจะอำพรางซ่อนเร้นอย่างไร ก็คงจะไม่ผิดไปจากนี้...คือวันที่ 9 มิถุนายน เป็น“วันสวรรคต”ของในหลวงรัชกาลที่ 8 (9 มิถุนายน 2489)
เป็นการกำหนดวันที่คาบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 2475 ของ“คณะราษฎร” และ“กรณีสวรรคต”ของในหลวงรัชกาลที่ 8 ซึ่งนายปรีดี พนมยงค์ อดีตเจ้าของ“บ้านอองโตนี”ในประเทศฝรั่งเศส-เกี่ยวพันด้วย
จึงกล่าวได้ว่า..ทุกการเคลื่อนไหวของ“พรรคก้าวไกล”นั้น..ไม่ผิดไปจากที่ศาลรัฐธรรมนูญท่านวินิจฉัยว่า--“เป็นจุดเริ่มต้นของการเซาะกร่อนบ่อนทำลายให้สถาบันชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง..เข้าลักษณะของการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี