ตัวละครในนวนิยาย กับผู้คนในชีวิตจริงนั้น มีทั้งคนชั่วคนเลวปะปนอยู่กับคนดี..แต่ในบทอวสานของนวนิยายแตกต่างจากชีวิตที่เป็นจริง..เพราะในนวนิยายเสียงสาปแช่งมักจะได้ผล และคนชั่วคนเลวย่อมไม่ตายดี..หากไม่ติดคุกหัวโตก็ต้องมีอันเป็นไปตามบาปตามกรรมที่ตนได้ก่อเอาไว้
นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร มีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ต้องถือว่าโชคดี..เสียงสาปแช่งของผู้คนจำนวนมากในประเทศนี้ไม่สัมฤทธิ์ผล..บางคนก็บอกว่า ที่ทักษิณตายยากตายเย็น..อาจจะเป็นเพราะอย่างที่คนเขาพูดกันว่า—คนดีมักจะตายง่าย ส่วนคนชั่วคนเลวนั้นตายยาก
เวลานี้แม้กระทั่งสื่อก็ยังเหลืออดที่จะใช้คำพาดหัวว่า..“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นคนที่“สันดานไม่เปลี่ยน” เพราะความชั่วร้ายและสันดานขี้โกงของทักษิณเคยเป็นมาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น..เป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่าพอ..ประเภท“ได้คืบก็จะเอาศอก”
ถามว่าในโลกนี้มีใครที่ไหนที่จะโชคดีเหมือน“ทักษิณ ชินวัตร”..โกงชาติโกงแผ่นดินระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ แต่หลังจากที่กลับมา...นอกจากจะได้รับพระราชทานอภัยลดโทษแล้ว คุกก็ไม่ต้องติดแม้แต่วันเดียว..มิหนำซ้ำ ยังได้รับการพักโทษอย่างมีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่นๆ..และเมื่อได้รับการพักโทษ กฎเกณฑ์ที่มีอยู่ของกรมคุมประพฤติก็มิอาจบังคับใช้กับนักโทษผู้นี้ได้
ทันทีที่“ทักษิณ ชินวัตร”กลับเข้ามาในประเทศหลังจากหลบหนีคดีไปอยู่ในต่างประเทศนานกว่า 15 ปี และเปลี่ยนสัญชาติเป็นพลเมืองของประเทศมอนเตเนโกร..ประเทศไทยก็ต้องตกอยู่ในสภาพ“รัฐล้มเหลว”...กระบวนการยุติธรรม ตลอดจนหลักนิติรัฐของประเทศ พังทลายลงอย่างย่อยยับ..อำนาจอิทธิพลของทักษิณใหญ่กว่ากฎหมาย ..นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแทนที่จะเป็นหลัก ก็กลับกลายเป็น“ไม้หลักปักเลน”..ไม่สามารถเป็นหลักให้ประชาชนยึดถือได้
ทั้งนี้ ใครก็รู้ว่า ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม..เป็น“มือไม้”ที่ยอมสนองรับคำบัญชาของ“ทักษิณ ชินวัตร”ในทุกๆ เรื่อง..เปรียบเสมือน“ข้าเก่าเต่าเลี้ยง”ของทักษิณ
ดังนั้น นายที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”ปรารถนาสิ่งใด ก็ต้องบันดาลให้ได้ทุกอย่าง..ดังที่ได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า..ทักษิณนั้นเป็นนักโทษโกงชาติโกงแผ่นดินที่มีอภิสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมายเหนือกฎเกณฑ์ข้อบังคับใดๆ ของประเทศนี้..หากสื่อไปถามเรื่องอันเกี่ยวกับ“นักโทษเทวดา”ที่ชื่อทักษิณ--คำตอบที่ได้รับทั้งจากนายเศรษฐา ทวีสิน และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็คือ“ไม่ทราบ”..อ้ำๆ อึ้งๆ ชนิดที่เรียกได้ว่า ถามนกตอบไม้..ถามเรื่องคนตอบเรื่องกระบือ
ต้องดูกันต่อไปว่า พนักงานอัยการเจ้าของคดีจะว่าอย่างไร..กรณีที่“ทักษิณ ชินวัตร”ได้ยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดเป็นครั้งที่สองเกี่ยวกับคดี“มาตรา 112”..โดยอ้างว่า “พนักงานสอบสวนถูกกดดันข่มขู่จากผู้มีอำนาจ”
ตามข่าวระบุว่า—เมื่อไม่กี่วันก่อนทีมกฎหมายของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ซึ่งนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องและนัดนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลในวันที่ 18 มิถุนายนสัปดาห์หน้า..ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด..เป็นการยื่นเหตุผลเพิ่มเติมคัดค้าน“คำสั่งฟ้อง”ของอัยการสูงสุดที่มีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (อัยการสูงสุดได้ลงนามคำสั่งฟ้องทักษิณเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567)
สำหรับเหตุผลที่ทีมกฎหมายของ“ทักษิณ ชินวัตร” บรรยายไว้ในคำร้องขอความเป็นธรรรมดังกล่าว..ระบุว่า-พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวน ถูกกดดันข่มขู่จากผู้มีอำนาจในยุคนั้น ซึ่งเป็นยุค คสช. เพราะมีการแจ้งความดำเนินคดีนี้กับผู้ถูกกล่าวหาคือทักษิณช่วงหลังจาก คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557..ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่
ดังนั้น..หนังสือร้องขอความเป็น ระบุ “กระบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐานจึงมิชอบด้วยกฎหมาย..และมีความเบี่ยงเบนไปตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ..ประกอบกับคำให้สัมภาษณ์ของทักษิณ..ที่กล่าวกับสื่อเกาหลีใต้ ไม่ได้มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง และมิได้มีถ้อยคำหมิ่นประมาท, ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย..จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112”
ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อจากนี้..อัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณาว่า-คำร้องขอความเป็นธรรมของ“ทักษิณ ชินวัตร”..ฟังขึ้นหรือไม่ และมีน้ำหนักมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งฟ้องได้หรือไม่..หากมีน้ำหนักหรือมีมูลพอที่จะพิจารณา อัยการสูงสุดก็สามารถจะเลื่อนนัดวันส่งตัวผู้ต้องหาฟ้องศาลได้..จากเดิมที่นัดไว้ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้
อย่างไรก็ตาม การยื่นร้องขอความเป็นธรรมของ“ทักษิณ ชินวัตร”ต่ออัยการสูงสุดครั้งนี้..จึงมิอาจทำให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ว่า..ทักษิณต้องการจะประวิงเวลาออกไป เหมือนกับครั้งแรกที่อ้างว่า“ป่วยติดโควิด”..ทำให้พนักงานอัยการต้องเลื่อนนัดการส่งตัวฟ้องศาลจากวันที่ 29 พฤษภาคมมาเป็นวันที่ 18 มิถุนายนดังที่กล่าว
เพราะโดยข้อเท็จจริง..หากนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร มีหลักฐานอยู่ในมือจริง..ว่า“พนักงานสอบสวนถูกกดดันข่มขู่จากผู้มีอำนาจ”..ทำไมจึงไม่ระบุไปพร้อมกับการยื่นขอความเป็นธรรมครั้งแรก..แต่กลับมายื่นอีกครั้งหลังจากที่“นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องในคดีนี้เสร็จสิ้นแล้ว
ประการสำคัญที่สุด ถ้าหากหลักฐานชิ้นนี้มีอยู่จริง..“ทักษิณ ชินวัตร”สามารถที่จะนำไปหักล้างระหว่างการพิจารณาคดีในศาลได้..นี้จึงเห็นได้ชัดว่า“กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา”..ทักษิณยื่นคำร้องของความเป็นธรรมครั้งที่สอง..ก็เพื่อต้องการจะซื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้...ก่อนจะต้องเปลี่ยนสถานภาพจาก“ผู้ต้องหา”เป็น“จำเลย”ในคดีมาตรา 112
บรรทัดนี้ต้องย้ำหัวตะปูเป็นการตอกฝาโลงว่า...ทักษิณ ชินวัตร เป็น“อสัตบุรุษ”..เป็นบุคคลซึ่งขาด“กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม”ที่สะอาด..เฉกเช่นที่”วิญญูชน”ทั่วไปพึงมี !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี