เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย. 2567) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางยกฟ้อง คดีเกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
เป็นกรณีที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง
ขอให้เพิกถอนประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ฉบับลงวันที่ 24 พ.ค. 2565
และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนที่มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและ หลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิมตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563
ศาลปกครองสูงสุด ยกฟ้อง ระบุว่า ประกาศเชิญชวนฯ และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนฯ ข้างต้น ไม่มีลักษณะประการใดที่จะทำให้เป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลังจากนี้ จับตาว่า รฟม.จะดำเนินการเซ็นสัญญากับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ในฐานะผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดให้กับภาครัฐเมื่อใด และมหากาพย์นี้
จบแน่หรือยัง?
1. ประเด็นปัญหาหลักที่นำไปสู่ข้อพิพาท ความขัดแย้ง จนเกิดการฟ้องร้อง แล้วโครงการที่ล่าช้ามานาน
จนกระทั่งงานโยธาของรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนฝั่งตะวันออก สร้างเสร็จแล้ว แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการระบบเดินรถ เพื่อเดินรถให้บริการประชาชนต่อไปได้ เพราะการประมูลหาผู้เดินรถนั้น ถูกรวมอยู่ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนฝั่งตะวันตก ที่มีข้อพิพาทนี้นั่นเอง
โดยกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่เป็นประเด็นปัญหากันนี้ คือ เส้นทางเชื่อมกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร จากย่านบางขุนนนท์ ฝั่งธนบุรี ผ่าน รพ.ศิริราช ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ข้ามเข้าสู่ฝั่งพระนคร โดยผ่านใต้ดินเกาะรัตนโกสินทร์ จากนั้นไปทางตะวันออก ผ่านย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก-บางกะปิ) จนไปสุดสายที่ ถ.สุวินทวงศ์ ย่านมีนบุรี รวมระยะทาง 35.9 กิโลเมตร
จะมีเส้นทางอุโมงค์ลอดใต้ดิน 27 กิโลเมตร และยกระดับ 8.9 กิโลเมตร
ต้นเหตุ เกิดจากการปรับรื้อ แก้ไขทีโออาร์ประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม “กลางอากาศ”
นำมาสู่การฟ้องร้องกันเป็นมหากาพย์
2. ยังมีเรื่องที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมีมติเห็นชอบเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเอกสารประกวดราคาใหม่ (TOR) เป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงน่าเชื่อว่าจะมีการกีดกันการเสนอราคา อันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2542
ในส่วนนี้ กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการสืบสวน
ทั้งการสอบข้อมูลจากผู้ร้อง หรือนายศรีสุวรรณ จรรยา
ทั้งการให้ถ้อยคำในรายละเอียดที่เกี่ยวกับความผิดปกติในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเอกสารประกวดราคาใหม่ (TOR) ในเรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาผู้ชนะการประมูลและมติคณะรัฐมนตรี จากผู้บริหาร BTSC
และยังเชิญนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรฟม.และผู้เกี่ยวข้อง มาให้ถ้อยคำในรายละเอียดที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเอกสารประกวดราคาใหม่ (TOR) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และในประเด็นต่าง ๆ ตามที่คณะพนักงานสืบสวนต้องการทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมด้วย
รายงานข่าวก่อนหน้านี้ ระบุว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ได้เห็นชอบส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต้องติดตามต่อว่า เรื่องนี้ด้วย จะจบลงอย่างไร
3. ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ซึ่งเคยตั้งข้อสังเกตและเสนอแนะเกี่ยวกับปมส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้านบาท
ล่าสุด ให้ข้อคิดว่าด้วยเรื่อง “รถไฟฟ้าสายสีส้ม บทเรียนที่ต้องเรียน” ระบุว่า
“รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี สร้างเสร็จแล้วในปี 2566 แต่ยังเปิดใช้ไม่ได้
น่าเห็นใจประชาชนคนที่เฝ้ารอคอยจะใช้รถไฟฟ้าสายนี้ยิ่งนัก
อะไรเป็นเหตุให้ไม่สามารถเปิดใช้รถไฟฟ้าสายนี้ได้ตามกำหนดในเดือนมีนาคม 2567 ต้องติดตาม !
1. “ความสูญเสีย” จากการไม่สามารถเปิดรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกได้
แม้ว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกจะเสร็จแล้วก็ตาม แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากไม่มีผู้เดินรถ ซึ่งการประมูลหาผู้เดินรถตลอดทั้งสายถูกผูกรวมกับการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย แต่การประมูลดังกล่าวมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ ทำให้ยังไม่สามารถหาผู้เดินรถได้
การเปิดรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกล่าช้า จะทำให้ประเทศเสียหายเท่าไหร่?
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกรณีเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกล่าช้า พบว่าประเทศจะเสียหายสูงถึง 4.3 หมื่นล้านบาท/ปี ประกอบด้วย
(1) ค่าดูแลรักษา (Care of Works) โครงสร้างงานโยธาส่วนตะวันออก 495 ล้านบาท/ปี
รฟม.จะต้องเสียค่าดูแลรักษาโครงสร้างงานโยธาส่วนตะวันออกซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว ประกอบด้วยสถานียกระดับ 7 สถานี เป็นเงิน 103 ล้านบาท/ปี และสถานีใต้ดิน 10 สถานีเป็นเงิน 392 ล้านบาท/ปี รวมเป็นเงิน 495 ล้านบาท/ปี
(2) ค่าเสียโอกาสเก็บค่าโดยสารจากรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก 1,764 ล้านบาท/ปี
รฟม.ประเมินว่าจะเก็บค่าโดยสารส่วนตะวันออกในปีแรกที่เปิดให้บริการได้ 1,764 ล้านบาท/ปี ซึ่งถ้าเปิดช้าจะทำให้เสียโอกาสได้รับค่าโดยสารจำนวนนี้
(3) ค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ 40,644 ล้านบาท/ปี
รฟม.ได้ประเมินค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากการประหยัดเวลาการเดินทางการประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้ยานพาหนะ และการลดมลพิษ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 40,644 ล้านบาท/ปี
ทั้งนี้ เดิม รฟม.มีแผนจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกในเดือนมีนาคม 2567 แผนใหม่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้เร็วสุดในปี 2570 ล่าช้าไปถึง 3 ปี ทำให้ประเทศเสียหายถึง 1.3 แสนล้านบาท
ถามว่า “ความสูญเสียอันใหญ่หลวงนี้ ใครจะรับผิดชอบ ?”
2. “บทเรียน” จากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก
การไม่ยึดมั่นในเกณฑ์ประมูล ยอมเปลี่ยนตามการร้องขอของผู้ซื้อเอกสารสำหรับคัดเลือกเอกชน (RFP) เพียงรายเดียวที่ขอให้เปลี่ยนด้วยข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น ทั้งๆ ที่ รฟม.ได้ใช้เวลาศึกษามาอย่างละเอียดรอบคอบถึงเกือบ 2 ปี
แต่สุดท้ายกลับล้มการประมูล แล้วกลับมาใช้เกณฑ์เดิม
แสดงให้เห็นว่า เกณฑ์เดิมนั้นดีอยู่แล้ว แต่เกณฑ์ใหม่ที่ได้รับการเปลี่ยนตามการร้องขอนั้นไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการฟ้องร้องหลายคดี เป็นเหตุให้โครงการล่าช้า
เหล่านี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกในการประมูลในอนาคต อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก “สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ใช้” ก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาล นับเป็น “บทเรียนที่ต้องเรียน”
3. “ผลพลอยได้” จากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก
การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ทำให้เกิด“ผลพลอยได้” สำหรับการประมูลโครงการอื่นในอนาคตทั้งของ รฟม. และหน่วยงานอื่น(หากโครงการอื่นจะยึดถือเป็นโมเดล) ดังนี้
(1) หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลได้หลังจากปิดขายเอกสารสำหรับคัดเลือกเอกชน (RFP) แล้ว โดยเป็นไปตามการร้องขอของบริษัทที่ซื้อ RFP แม้ว่าการเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลจะทำให้เกิดผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ก็ตาม
(2) หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถล้มการประมูลได้ด้วยเหตุผลว่าจะทำให้การประมูลเสร็จเร็ว (แต่สุดท้ายกลับล่าช้า) แม้ว่าการล้มการประมูลจะทำให้เกิดผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ก็ตาม
(3) เมื่อเปิดการประมูลครั้งใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้เกณฑ์ประมูลใหม่ซึ่งถูกเปลี่ยนตามการร้องขอของผู้เข้าประมูล สามารถกลับไปใช้เกณฑ์ประมูลเดิมได้ สรุปได้ว่าเกณฑ์ประมูลสามารถเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้
(4) การประมูลครั้งใหม่ หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติของผู้เข้าประมูลได้ แม้ว่าการเปลี่ยนคุณสมบัติจะทำให้เกิดผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ก็ตาม และแม้ว่าจะทำให้ผู้รับเหมาทั้งโลกที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหลือแค่ผู้รับเหมาไทยเพียง 2 รายเท่านั้นก็ตาม
(5) การประมูลครั้งใหม่ หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติของผู้นำกลุ่มบริษัทที่ยื่นประมูลได้ แม้ว่าการเปลี่ยนคุณสมบัติจะทำให้เกิดผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ก็ตาม
(6) การประมูลครั้งใหม่ หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเพิ่มคะแนนผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคให้สูงขึ้น (เดิมก็สูงอยู่แล้ว) ได้ และสูงกว่าโครงการอื่นที่ก่อสร้างในพื้นที่เดียวกัน ใช้เทคนิคการก่อสร้างเหมือนกันได้ แม้ว่าการเพิ่มคะแนนจะทำให้เกิดผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ก็ตาม
(7) การประมูลครั้งใหม่ หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถให้เงินสนับสนุนแก่เอกชนที่ชนะการประมูลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการประมูลครั้งแรกได้ แม้จะเกิดข้อครหาว่าเป็นการประมูลที่ไม่ช่วยปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติก็ตาม
4. สรุป
ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการประมูล หวังว่าจะสามารถช่วยให้ รฟม.เร่งเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกได้ภายใน 3 ปี หลังจากลงนามในสัญญา
และจะสามารถก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
ทำให้ รฟม.สามารถเปิดให้บริการเดินรถตลอดทั้งสายได้ภายในปี 2573 (เดิม รฟม.วางแผนจะเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2569)
แต่อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าจะต้องมีผู้รับผิดชอบกรณีเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกล่าช้าไปถึง 3 ปี สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติถึง 1.3 แสนล้านบาท
หมายเหตุ : ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง”
ข้อคิดข้างต้นนี้ ควรที่ผู้เกี่ยวข้องจะนำไปพิจารณาประกอบการดำเนินการเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี