แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...■■ นอกจากสติปัญญาแล้ว ทุกคนสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีสัจอธิษฐาน หรือมีใจจริงอย่างหนักแน่นต่อภาระหน้าที่และกิจการทั้งปวงของตนที่มีอยู่ วิธีตั้งความจริงใจที่ถูกต้องนั้น คือต้องใช้สติปัญญาพิจารณาให้เห็นว่าสิ่งนั้นๆ เป็นประโยชน์และเป็นธรรมแท้จริงโดยแน่ชัดก่อนจึงตั้งสัจจะที่จะปฏิบัติโดยเต็มกำลัง ถ้ามิได้พิจารณาจนเห็นประโยชน์เห็นความถูกต้องเป็นธรรมแน่ชัดก่อนแล้ว ก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะปลงใจตั้งสัจจะอย่างใดลงไปในสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอาจเกิดโทษทุกข์และความเสียหายอันประมาณมิได้ขึ้นในภายหลัง... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 15 กรกฎาคม 2521)...
■■ แม้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยว่าพรรคก้าวไกลจงใจล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในความคิดเห็นโดยรวมของคอการเมืองไทยต่างก็มีความเห็นไปในทำนองว่าพรรคก้าวไกลจะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพฤติเหตุและพฤติกรรมต่างๆ นานาของพรรคก้าวไกลบ่งบอกชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมตั้งแต่อดีตแสดงและสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าต้องการรักษาหรือต้องการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอย้ำว่าพฤติเหตุและพฤติกรรมต่างๆ ในอดีตของพรรคก้าวไกลถูกบันทึกไว้ใน digital footprint เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าคนของพรรคก้าวไกลจะพยายามแก้ตัวอย่างหนักด้วยข้ออ้างใดๆ ก็ตาม ก็ไม่สามารถลบล้างสิ่งที่ถูกบันทึกไปแล้วได้ อย่าลืมว่า กรรมหรือการกระทำคือเครื่องแสดงเจตนาที่ชัดเจนที่สุด เพราะฉะนั้น ต่อให้โกหกว่าไม่มีเจตนา แต่ทว่าการกระทำมันชี้ชัด มันก็คือการยืนยันว่าผู้กระทำมีเจตนาอย่างไร...
■■ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2567 สาธารณชนจะเห็นชัดเจนว่าพรรคก้าวไกล ได้เล่นบทเพื่ออ้างว่าตนเองไม่ได้ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยส่งตัวแสดงหลักคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปเล่นบทนำด้วยการพูดแล้วชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อโน้มน้าวผู้คนให้เชื่อว่าก้าวไกลไม่ได้จงใจล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในวันดังกล่าวนั้น หลายคนสังเกตเห็นการแต่งกายของพิธาว่าเน้นเรื่อง style การแต่งกายมาก ซึ่งนับได้ว่าเน้น fashion มากจริงๆ โดยเฉพาะการเลือกเสื้อเชิ้ตขาวคอปกตั้ง แบะกระดุมคอลงมาสองเม็ด แล้วแสดง acting เสมือนอยู่บนเวทีละครส่วนเรื่องราวที่พูดนั้นก็อ้างความดีเข้าพรรคฯ ทั้งสิ้น แล้วโยนความผิดให้คนอื่นทั้งหมด ทั้งๆ ที่การกระทำทั้งหมดมาจากพฤติกรรมที่พรรคก้าวไกลจงใจกระทำขึ้นต่างกรรมต่างวาระ...
■■ แล้วต้องบอกว่าในยามที่พรรคก้าวไกลต้องการจะทำให้ตัวเองรอดพ้นจากการถูกยุบพรรค ก็พบด้วยว่าพรรคก้าวไกลใช้กลอุบายสารพัดชนิดเพื่อจูงใจคนที่พรรคยังเชื่อว่าสามารถจูงใจได้ เช่น การนำเสนอภาพยนตร์ของพรรคก้าวไกล แล้วโฆษณาชวนเชื่อว่าบัตรเข้าชมภาพยนตร์ขายดีมาก คนดูแน่นโรงแต่ในความจริงคนไปชมไม่มากเหมือนที่ก้าวไกลพยายามโฆษณาชวนเชื่อ โดยอาจจะกล่าวได้ว่าไม่มีคนให้ความสนใจมากนัก...
■■ ก้าวไกลยังแสดงการท้าทายคำขอของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญขอให้งดเว้นการทำให้สังคมเกิดความสับสนก่อนถึงวันพิจารณาคดียุบพรรค โดยขอให้พรรคงดการแสดงความเห็นใดๆ ในเชิงชี้นำสังคม หรือทำให้สังคมเกิดความสับสน แต่พรรคก้าวไกลก็ยังคงกระทำการในสิ่งที่ศาลฯ ขอมิให้กระทำ นี่คือเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่าก้าวไกลดิ้นเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกพิจารณายุบพรรคอย่างสุดแรงเกิด ทั้งๆ ที่ปากก็บอกว่าไม่กลัวการยุบพรรค เพราะยุบไปพรรคก็ไม่ตาย โดยอ้างว่าไม่สามารถยุบอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลได้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงคำว่าอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ไม่เชื่อก็ลองกลับไปดูว่า สส.ของก้าวไกลสักกี่คนที่เห็นว่าพรรคก้าวไกลมีอุดมการณ์ แล้วหากจะให้ชัดเจนก็ต้องรอดูว่าเมื่อพรรคก้าวไกลถูกศาลสั่งยุบพรรคแล้ว จะเห็น สส. ก้าวไกลไหลไปอยู่พรรคอื่นมากมายสักเพียงใด แล้วจะประจักษ์ชัดว่าเน้นอุดมการณ์หรือแสวงหาความอุดมสมบูรณ์เฉพาะตัวเอง...
■■ นักโทษชาย (ผู้ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษแบบสุดพิเศษ) ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงคนป่า แต่ไม่บอกตรงๆ ว่าคนป่าที่เขากล่าวถึงนั้นชื่อเรียงเสียงใด แต่ถึงไม่เอ่ยชื่อชัดๆ คอข่าวการเมืองไทยก็รู้ดีว่านักโทษชายทักษิณหมายถึงใคร ถามว่าทำไมนักโทษชายทักษิณกล่าวถึงแต่ไม่พูดชื่อให้ชัด เป็นเพราะว่านักโทษชายทักษิณกลัวคนป่าหรือ คำตอบคือไม่น่าจะกลัว แต่เพียงต้องการเขย่าคนป่าเท่านั้น ส่วนคนป่าก็รู้ว่าถูกเขย่า แต่ก็ปล่อยให้เขย่าไป เพราะความหวังของคนป่าที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีมันเลือนรางมาก แต่หากเกิดคนป่าได้เป็นนายกรัฐมนตรีขี้นมาจริงๆ คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดน่าจะเป็นคนขายแป้งมันที่ออสเตรเลียสั่งห้ามเข้าประเทศ เพราะคนขายแป้งมันเกาะเรือไว้ทั้งสองแคม ทั้งแคมฝั่งนักโทษชายทักษิณและฝั่งคนป่า (รอยต่อ)...
■■มีคำถามว่านักโทษชายทักษิณจะหนีคดีอาญา มาตรา 112 ไปอยู่ต่างประเทศอีกหรือไม่ ตอบว่ายังไม่น่าจะหนีในตอนนี้ เพราะวันที่ 18 มิถุนายน อัยการสูงสุดจะนำตัวนักโทษชายทักษิณไปสั่งฟ้องคดีที่ศาล แต่คอการเมืองเชื่อว่าศาลจะให้ประกันตัวอย่างแน่นอน แล้วกว่าจะพิจารณาคดีจนแล้วเสร็จก็คงจะใช้เวลาอีกนานพอสมควร เพราะฉะนั้น ยังไม่จำเป็นต้องรีบหนีในช่วงนี้ แต่หากศาลพิจารณาว่ามีความผิดจริงแล้วต้องโทษจำคุก วันนั้นแหละที่นักโทษชายทักษิณจึงค่อยคิดใหม่ว่าจะยอมติดคุกแบบเท่ๆ หรือจะหนีคดีไปต่างประเทศอีก แล้วไม่ต้องกลับ...
■■รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน พยายามสร้างคะแนนนิยมให้ตนเองด้วยการออกหวยสารพัดชนิด ล่าสุด คณะรัฐมนตรีอนุมัติหวยสามตัว ในขณะที่กระทรวงการคลังก็ออกหวยสำหรับคนชรา โดยอ้างว่าเป็นหวยแห่งการออมทรัพย์เมื่ออายุครบ 60 ปีแล้วจะได้เงินคืน แต่ไม่บอกชัดๆ ว่าคืนอย่างไร แล้วรัฐบาลก็ไม่บอกให้ชัดว่าจะเอาเงินที่ได้ไปทำอะไร ดังนั้น จึงมีคำถามจากคนที่ไม่เห็นด้วยกับการมอมเมาคนด้วยหวยสารพัดชนิดว่า รัฐบาลเศรษฐาต้องการมอมเมาคนด้วยหวย โดยไม่เน้นการสร้างงานจริงๆ จังๆ ในภาค real sector หรือ รัฐบาลที่มีปัญญาและมีความรับผิดชอบไม่มอมเมาคนให้ลุ่มหลงในอบายมุข แต่รัฐบาลที่ปราศจากความรับผิดชอบจะมอมเมาคนให้ตกเป็นทาสอบายมุขทั้งปวง...
■■ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐาทวีสิน เข้ามาบริหารประเทศไทย หุ้นไทยก็ตกลงทุกวัน ตกลงมาเป็นลำดับ จนถึงทุกวันนี้ดัชนีหุ้นไทยตกหนักที่สุดในรอบ 4 ปี นักลงทุนต่างชาติขนเงินออกจากตลาดหุ้นไทยทุกวัน ส่วนนักลงทุนไทยที่มีปัญญาขนเงินไปเล่นหุ้นในตลาดต่างประเทศก็พากันถอนเงินจากตลาดหุ้นไทยไปเช่นกัน การทึ่หุ้นไทยตกต่ำมากเช่นนี้ เกิดมาจากนักลงทุนไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาล แต่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อ้างว่า หุ้นขึ้น หุ้นตกไม่เกี่ยวกับการเมือง คนที่รู้ทันภูมิธรรมจึงโต้กลับว่า ไม่รู้บ้างหรือว่านักลงทุนเขาไม่เชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาลเศรษฐา จึงทำให้ดัชนีหุ้นดิ่งเหวทุกวัน ส่วน เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังคงบอกแบบโยนความผิดว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดีเพราะดอกเบี้ยแพง แบงก์ชาติไม่ลดอัตราดอกเบี้ย สรุปว่าทั้งสองภูมิ คือ ภูมิธรรม และ เผ่าภูมิ ยังคงมองแบบเข้าข้างตัวเองว่ารัฐบาลไม่ผิดแต่แบงก์ชาติผิด รัฐบาลทำดี แต่แบงก์ชาติคือตัวถ่วงความเจริญของเศรษฐกิจ ใช่หรือไม่...
■■ มีคำถามทิ้งท้ายถึงคุณผู้อ่านแนวหน้าว่า คุณเชื่อว่าการสมัคร สว. ครั้งล่าสุดนี้ ผู้สมัครทุกคนสมัครด้วยความสุจริต ไม่มีการฮั้ว ไม่มีการจ้างวาน ใช่หรือไม่ แล้วคุณเชื่อว่า กกต. ทำหน้าที่ในการควบคุมดูแลการเลือกตั้งอย่างเต็มความสามารถและซื่อสัตย์สุจริต ใช่หรือไม่ ขอถามว่า กกต. ตอบได้ไหมว่าทำไมจึงมีคนสมัคร สว. แล้วได้คะแนนศูนย์เป็นจำนวนไม่น้อย ถามว่ามีใครบ้างที่ยอมลงทุน 2,500 บาท ไปสมัคร สว. แล้วไม่ลงคะแนนเลือกตัวเอง...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี