สภาผู้แทนราษฎรถูกปิดไป 81 วัน ถึงวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 คณะทหารทหารบก ทหารเรือได้ประกาศยึดอำนาจการปกครองประเทศ เพื่อเปิดสภาผู้แทนราษฎร มีความดังนี้
“ด้วยคณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดิน ณ บัดนี้ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ โดยเริ่มต้นปิดสภาผู้แทนราษฎร แล้วงดใช้รัฐธรรมนูญ คณะทหารบก ทหารเรือ จึงได้ดำเนินการเพื่อให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ขอประกาศให้ราษฎรประชาชนทั้งหลายอย่ามีความตระหนกตกใจ จงช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
คณะนี้ได้จัดการไปแล้ว คือ ได้โทรเลขกราบบังคมทูลพระกรุณาไปยังพระราชวังไกลกังวล หัวหิน ตามนัยที่กล่าวมาแล้ว กับได้ให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และได้แจ้งให้กระทรวง ทบวงการ ดำเนินราชการไปเช่นเคย ทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วไปแล้ว”
ประกาศฉบับนี้ลงชื่อพระยาพหลฯหลวงพิบูลสงคราม และหลวงศุภชลาศัย โดยคณะผู้ยึดอำนาจได้มีโทรเลขทูลราชเลขานุการในพระองค์ เพื่อขอให้การทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นได้แปรพระราชฐาน ไปประทับอยู่ ที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน เพื่อขอให้ราชเลขานุการในพระองค์กราบบังคมทูลเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบ
“ด้วยบัดนี้ ความจำเป็นกระทำให้คณะทหารบก และทหารเรือต้องเข้ายึดอำนาจการปกครองไว้ โดยมีความประสงค์แต่เพียงจะให้เปิดสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ฉะนั้น ขอให้นำความกราบบังคมทูลทรงทราบใต้ฝ่าละอองพระบาท ธุลีพระบาทว่า คณะทหารบกกับทหารเรือ ยังคงซื่อตรงจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท”
ทั้งนี้ พระยาพหลฯเอง ยังได้มีหนังสือกราบบังคมทูลไปด้วยในวันเดียวกันความว่า
“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลพระกรุณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ที่จำต้องให้คณะรัฐมนตรีชุดเก่าลาออก และจะรีบเปิดสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อยเวลานี้ข้าพระพุทธเจ้าได้จัดการและขอรับรองว่า จะไม่มีอะไรที่ทรงหนักพระราชหฤทัย คณะทหารบก ทหารเรือ และพลเรือนที่เข้าทำการยึดอำนาจคราวนี้ ยังซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดีอยู่ และขอพระราชทานให้ทรงดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของชาติอยู่ตามเดิม”
ในวันเดียวกันสมาชิกสภาฯจำนวน26 นาย ได้ยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ ขอให้ท่านนำความกราบบังคมทูลให้เรียกประชุมสภาฯ ท่านจึงได้ติดต่อพระยาพหลฯ และได้รับมอบให้เป็นผู้ไปกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หัวหิน ท่านจึงเดินทางไปพร้อมด้วยหนังสือกราบบังคมทูลเพื่อขอให้เปิดสภา
“ด้วยเมื่อวันที่ 20 เดือนนี้ สมาชิกแห่งสภาผู้แทนราษฎรรวม 26 นาย ได้ยื่นคำร้องต่อข้าพระพุทธเจ้าให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา เพื่อขอให้ส่งเรียกประชุมวิสามัญแห่งสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 32 โดยพลัน ให้เปิดสภาฯ เรียกประชุมวิสามัญ ตามรัฐธรรมนูญต่อไป ข้าพเจ้าได้แนบสำเนาคำร้องของสมาชิกแห่งสภาผู้แทนราษฎรทูนเกล้าฯ ถวายมาด้วยแล้ว”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงให้เปิดสภาฯได้ตามที่ได้กราบบังคมทูล
“ถึง เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
หนังสือลงวันที่ 21 เดือนนี้ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวม 26 นาย ยื่นคำร้องขอให้เรียกประชุมวิสามัญแห่งสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 32 โดยพลัน
ท่านเห็นเป็นการสมควรที่จะให้เปิดสภาเรียกประชุมวิสามัญมานั้น ทราบแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็นความจำเป็นก็อนุญาตให้เปิดประชุมได้ตามความประสงค์”
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี