เขียนเรื่องความชั่วความเลวของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ก่อเวรก่อกรรมเอาไว้นอกเหนือจากเรื่องโกงชาติโกงแด่นดินแล้ว..ยิ่งมองย้อนกลับไประหว่างปี 2544-2549 ที่ทักษิณครองอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย..หยิบมาเขียนเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ไม่จบ
เรื่องที่นักโทษเทวดาผู้นี้โกหกบิดเบือน..โดยทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมยื่นต่ออัยการสูงสุดเป็นครั้งที่สองเกี่ยวกับคดีมาตรา 112 ซึ่งนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้ลงนามมีความเห็นสั่งฟ้อง“ทักษิณ ชินวัตร”ไปแล้วเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา..และทางพนักงานอัยการได้นัดทักษิณเพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลชั้นต้นในวันที่ 18 มิถุนายนสัปดาห์หน้า โดยระบุว่า“พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนคดี ถูกกดดัน ข่มขู่จากผู้มีอำนาจในยุคนั้น ซึ่งเป็นยุค คสช.”นั้น
ไม่ทันชั่วข้ามคืนความจริงก็ได้ปรากฏ..เมื่อนายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงโดยโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของตนเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า..“ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่า ในฐานะเป็น อสส. ในขณะนั้น..ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีอาญานอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20..ไม่เคยมีใครสั่ง ข่มขู่ โน้มน้าว ชักจูง ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวนครับ”
นอกจากนี้ นายตระกูล วินิจนัยภาค ยังได้โพสต์แสดงความเห็นภายหลังจากโพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวไปก่อนหน้านั้นว่า “ท่าน อสส. พงษ์นิวัฒน์ เป็นคนสั่งฟ้อง หลังจากที่ผมเป็นคนสั่งให้มีการสอบสวนดำเนินคดีนี้ ครับ “
อธิบายความตรงนี้ ก็คือ หลังจากนายตระกูล วินิจนัยภาค เกษียณราชการไปแล้ว..เมื่อ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร ขึ้นมาเป็นอัยการสูงสุดต่อจากนายตระกูล..ก็ได้มีความเห็นสั่งฟ้องนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 19 กันยายน 2559..แต่ด้วยเหตุที่คดีนี้เป็นคดีอาญาที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร..ประกอบกับผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศ จึงมิอาจนำตัวขึ้นฟ้องศาลได้..ทำให้คดีนี้ต้องยืดเยื้อยาวข้ามปีจนตกมาอยู่ในมือของนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน
และภายหลังจาก“ทักษิณ ชินวัตร”กลับเข้ามาในประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 คดีนี้จึงเดินหน้าต่อได้..โดยผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมด้วยตนเอง กระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนความการสอบสวนเพิ่มเติม...อัยการสูงสุดคนปัจจุบันจึงได้มีความเห็นสั่งฟ้องทักษิณดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
สรุปแล้วงานนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งเป็นคนที่มีสันดานชอบใส่ความกล่าวหาคนอื่นเพื่อยกหางให้ตนเองดูดี..ได้ถูกอดีตอัยการสูงสุดที่ทำคดีนี้ตั้งแต่ต้น“จับแก้ผ้า”ให้เห็นอย่างล่อนจ้อน..ทักษิณนั้นโกหกตลบตะแลงกับมวลชนคนเสื้อแดงและข้าทาสบริวารที่เป็นนักการเมือง“ในคอก” รวมทั้งลูกหลานในครอบครัวจนเคยตัว..แต่คราวนี้ถูกจับโกหกได้ซึ่งหน้า..เพราะคนที่ทักษิณพาดพิงด้วยคำพูดจาพล่อยๆ เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงยังมีชีวิตอยู่
วันที่ 18 มิถุนายน 2567 นี้..คงไม่มีปาฏิหาริย์ใดที่จะมาหยุดยั้งไม่ให้มีการนำตัวนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นฟ้องศาลได้..เพราะดูรูปการณ์แล้ว หนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ทีมทนายของทักษิณ ยื่นเป็นครั้งที่สองนี้..นอกจากคนทั่วไปจะเห็นว่าเป็นการซื้อเวลาเพื่อประวิงคดีให้เนิ่นนานออกไปแล้ว..พนักอัยการก็ย่อมต้องเห็นเช่นกัน
ดังที่นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า..“ถ้าหนังสือร้องขอความเป็นธรรมมีเนื้อหาแค่การปฏิเสธ ว่าไม่ได้กระทำผิด..หรือให้พิจารณาหลักฐานพยานเก่าที่เคยสอบสวนมาแล้ว ยื่นเพื่อเป็นการประวิงเวลาคดี..ทางพนักงานอัยการก็มีอำนาจสั่งยุติการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมได้ และผู้ต้องหาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสั่งฟ้องของศาลต่อไปตามกำหนด”
ย้อนเหตุการณ์เป็นการบันทึกให้เห็นโดยทั่วกันอีกครั้งว่า..คดีนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และเพื่อเป็นการเตือนความจำสำหรับนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..ว่าตนเองได้พูดอะไรไว้ จึงทำให้เกิดคดีความ
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักพระธรรมนูญ กองทัพบก เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง“ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ฐานความผิดหมิ่นประมาทและหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 326 และ 328..หลังจากทักษิณได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศและกล่าวปาฐกถาในการประชุมระดับผู้นำ“The 6th Asian Leadership Conference” ที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2558..ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเห็นว่ามีเนื้อหากระทบต่อความมั่นคงและเกียรติภูมิของไทย
คำสัมภาษณ์ของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ถูกฟ้องนั้น..มีคลิปความยาว 1.32 นาที ได้ถูกนำมาแผยแพร่ต่อสาธารณะในเวลาต่อมา..ความบางตอนที่ทักษิณพูด..ว่าอย่างนี้-- "ก็เที่ยวนี้..ก็..ทหารก็จะฟังองคมนตรี เพราะตอนที่เขาไม่ต้องการให้เราอยู่..เขาก็ให้สุเทพ (เทือกสุบรรณ) ออกมา และให้ทหารเข้ามาช่วย..เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร..ผมก็เลยคุยกับนายกฯ ปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ว่าเหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมา"...และนอกจากนี้ก็ยังมีบางช่วงที่ได้กล่าวพาดพิงไปถึงในหลวงรัชกาลที่ 9
และจากคำพูดพล่อยๆ ด้วยความอาฆาตแค้น คสช.ของ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เหมือน“สุนัขขี้เรื้อน”ถูกน้ำร้อนลวก..จึงนำมาสู่การแจ้งความดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์..ซึ่งหลังจากนั้นทักษิณก็ถูกกระทรวงการต่างประเทศของไทยยกเลิกหนังสือเดินทาง..จนกระทั่งถูกถอดยศ“พันตำรวจโท” และถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า รวมทั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลอื่นตามมา
วันนี้ถึงแม้“ทักษิณ ชินวัตร”จะยังมีชีวิตอยู่..แต่คดีมาตรา 112 ก็ได้กลายเป็นบ่วงกรรมที่ทำให้ทักษิณต้องตกอยู่ในสภาพ“ตายทั้งเป็น”..อย่างน้อยกว่าคดีนี้จะถึงที่สุดในชั้นศาลฎีกา ก็คงจะกินเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี..ถึงวันนั้นทักษิณก็กลายเป็นผู้สูงอายุในวัย 80 ปี
ทางเดินของคนนั้น..เมื่อถึงบั้นปลายชีวิต มีทางสายเดียวเท่านั้นที่ใครก็มิอาจเลือกได้—อยู่ที่ว่าจะตายในคุก หรือตายตามอายุขัย ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี