แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn ในการจะทำสิ่งไรก็ตาม ประการแรกจำเป็นต้องรักษาแรงผลักดันในการทำงาน ที่เคยมีอยู่นั้นไว้ให้มั่นคงเสมอ เพื่อเป็นเครื่องกระตุ้นเตือน แล้วจึงนำเอาความละเอียดรอบคอบ ความระมัดระวัง กับทั้งเหตุผลอันถูกแท้ที่เกิดมีขึ้นภายหลังมาประกอบเข้าด้วยเพื่อช่วยให้สามารถตัดสินการกระทำทั้งปวงได้อย่างถูกต้องเที่ยงตรง และว่องไว ก็จะทำให้การกระทำทุกอย่างได้ผลสมบูรณ์เต็มเปี่ยม ถ้าทุกคนพยายามดำเนินตามหลักปฏิบัตินี้อย่างเคร่งครัดแล้ว ก็เป็นอันหวังได้ว่าจะได้ประสบความสำเร็จ และความเจริญมั่นคงในชีวิตต่อไปอย่างแน่นอน... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 15 กรกฎาคม 2520)...
nn คอการเมืองไทยจับตามองวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะวันดังกล่าวมีสี่เรื่องสำคัญ คือคดีมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดจะส่งทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยไปฟ้องศาลอาญา และยังมีอีกสามกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ คือการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาที่กำลังเป็นประเด็นปัญหา เรื่องที่สองคือการพิจารณายุบพรรคก้าวไกล และสามคือการถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง แต่ต้องบอกก่อนว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะยังไม่ตัดสินหรือพิพากษาคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 18 มิถุนายน และศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่พิจารณาพิพากษาคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรีเช่นกัน เพราะฉะนั้น เรื่องที่ร้อนที่สุดของวันที่ 18 มิถุนายนคือ เรื่องอัยการสูงสุดฟ้องทักษิณคดีมาตรา 112 รอดูก็แล้วกันว่าทักษิณจะไปพบอัยการสูงสุดหรือไม่ แต่ต้องไม่ลืมว่าทักษิณไม่ยอมไปพบอัยการสูงสุดมาแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม โดยอ้างว่าติดเชื้อโควิด-19 ก็ดูแล้วกันว่า 18 มิถุนายน ทักษิณจะใช้ลูกไม้อะไรอีก...
nn เรื่องที่วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์ใน facebook กล่าวถึงขบวนการถุงขนมมูลค่าสองพันล้านบาท โดยพาดพิงไปถึงอัยการบางคนในประเทศสารขัณฑ์ โดยกล่าวว่ามีบริษัททำธุรกิจกาสิโน เตรียมเงิน 2 พันล้านบาท เพื่อให้อัยการบางคนทำสำนวนคดีอ่อนๆ เพื่อช่วยเหลือคนบางคนที่เกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ โดยบอกว่าเมื่ออัยการทำสำนวนคดีอ่อนยวบ ก็เท่ากับชงเรื่องให้ศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาได้ง่ายๆ...
nn แต่ที่สำคัญคือวรงค์ยังกล่าวไปถึงเรื่องการตั้งทนายความถุงขนมสองล้านบาทไปเป็นรัฐมนตรีด้วย วรงค์ยังบอกอีกว่ามีคนระดับตำแหน่งอธิบดีของหน่วยงานด้านยุติธรรมรายหนึ่งบินไปฮ่องกงด้วยสายการบินสายหนึ่งจากประเทศตะวันออกกลาง โดยบอกว่าคนดังกล่าวเดินทางจากไทยไปฮ่องกงเมื่อ 23 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.20 น. แต่ที่เด็ดกว่าคือระบุว่าไปกับเมียอีกคนหนึ่ง (เลยมีคำถามว่าแล้วคนคนนั้นมีเมียกี่คนกันแน่) แล้วเดินทางกลับไทย 27 พฤษภาคม 2567 ด้วยสายการบินของประเทศตะวันออกกลางประเทศหนึ่ง โดยกลับเข้าไทยเวลาเที่ยงคืนครึ่ง แล้ววรงค์ยังบอกด้วยว่าเมียคนที่เดินทางไปฮ่องกงกับอัยการรายนั้น คือหลานสาวของอดีตประมุขตุลาการรายหนึ่ง เมื่อวรงค์พูดแบบนี้ ก็ทำให้คนในวงการยุติธรรมหลายรายของประเทศสารขัณฑ์บอกกับธรรมกรว่า เรื่องนี้น่าสนใจเพราะวรงค์มี inside แบบลึกจริงๆ...
nn แม้กรรมาธิการไอซีที ของวุฒิสภา จะมีความเห็นชัดเจนว่า สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ มีลักษณะต้องห้าม และขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง กสทช. แต่ถึงกระนั้น สรณ ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป...
nn มีข่าวว่ามีคนคนหนึ่งไปคุยเรื่องการขาดคุณสมบัติของสรณกับพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา แต่ดูแล้วยังไม่เหฺ็นว่าพรเพชรจะดำเนินการอะไรในเรื่องนี้ คือไม่ส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ก็เลยมีคำถามว่าพรเพชรไม่เห็นผลการประชุมของกรรมาธิการไอซีที วุฒิสภา ในประเด็นคุณสมบัติของสรณหรือ...
nn ขอย้ำว่ามติที่ประชุม กมธ. ไอซีที วุฒิสภา ชี้ขาดว่าสรณขาดคุณสมบัติ แต่มีข่าวหลุดออกมาอีกว่าพรเพชรบอกว่ารู้เรื่องนี้จากข่าว แต่ยังไม่ได้รับรายงาน จึงไม่ทราบรายละเอียด จึงต้องรอเรื่องชัดๆ ก่อน...
nn เมื่อสรณยังคงค้างอยู่บนตำแหน่งประธาน กสทช. ได้ ทั้งๆ ที่กรรมาธิการไอซีที วุฒิสภา ฟันธงว่าขาดคุณสมบัติ ก็ทำให้สรณยังคงมีอำนาจใน กสทช. ดังนั้นในระยะหลังๆ นี้จึงมีกรรมการ กสทช. กลุ่มอาจารย์รายหนึ่ง เดินเข้าไปหาสรณ แล้วแสดงบทเสมือนว่าขอเข้าข้างสรณ เพราะรู้ว่าเกมนี้สรณจะยังอยู่ในตำแหน่งประธาน กสทช. อีกนานพอสมควร เพราะในเมื่อพรเพชรไม่ส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ก็จึงถูกดองต่อไป เรื่องนี้บอกได้สั้นๆ ว่า สวัสดีความเศร้าในองค์กรอิสระที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ส่วนบุคคล...
nn หลัง Voice TV ทีวีในเครือคนครอบครัวทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย ประกาศปิดตัวเพราะขาดทุนบักโกรกมานานก็มีการวิจารณ์โดยสาธารณชนว่า และแล้ว Voice TV ก็จะเข้าไปอยู่ในทีวีของกรมประชาสัมพันธ์ กรมฯ ที่อยู่ในการบังคับบัญชาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะทีวีช่องนี้ถูกรัฐบาลทุกชุดคุมได้ ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะกรมประชาสัมพันธ์คือกระบอกเสียงของรัฐบาล ดังนั้น ใครเป็นรัฐบาลก็เข้าไปคุมกรมประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด...
nn ล่าสุด สุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ บอกว่าการดึงคนจัดรายการจาก Voice TV ไปทำรายการในทีวีของกรมฯ เป็นเรื่องปกติ เพราะกรมฯ จัดผังรายการไปตามสถานการณ์ และดู rating ของรายการเป็นเครื่องประกอบการพิจารณา เมื่อสุดฤทัยอ้างแบบนี้ ก็เลยมีคำถามจากคนทำรายการทีวีกลุ่มที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล และไม่ปลื้มพฤติกรรมการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ว่่า แล้วทำไมกรมประชาสัมพันธ์ไม่ให้โอกาสคนทำรายการทีวี Blue Sky ของประชาธิปัตย์ หรือคนจากช่องทีวีของผู้จัดการไปทำรายการในทีวีของกรมฯบ้าง...
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องเงินเดือนสูงๆ ที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยไทยได้รับ มีคำยืนยันว่าอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เงินตอบแทนปีละ 6 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 5 แสนบาท ส่วนรองอธิการบดีของจุฬาฯ ที่มีเป็นฝูง ล่าสุดมี 9 คนได้ค่าตอบแทนเดือนละ 2 แสนบาท พร้อมรถประจำตำแหน่ง ส่วนเงินตอบแทนของผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาฯ ที่มีมากมายจนเห็นแล้วขนลุก คือยุคนี้มีผู้ช่วยอธิการบดี 25 คน ข่าวว่าได้ค่าตอบแทนพิเศษเดือนละหลายหมื่น แต่ตัวเลขยังไม่ชัดเจน เลยขออนุญาตไม่ลงตัวเลขชัดๆ ในวันนี้ แต่จะมาบอกเล่าให้ทราบเมื่อมีตัวเลขชัดเจนแล้ว ส่วนผู้ได้กินตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักต่างๆ ในจุฬาฯ ได้เงินพิเศษเดือนละ 7 หมื่นบาท แต่คณบดีของคณะใหญ่ๆ ที่มีจำนวนนิสิตแต่ละชั้นปีมากๆ จะได้เงินรวม 3.2 แสนบาทต่อเดือน คณบดีคณะกลางๆ ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 3.2 แสนบาท และคณบดีคณะเล็กๆ ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 1.5 แสนบาทส่วนหัวหน้าภาควิชาต่างๆ ได้เงินเพิ่ม 2 หมื่นบาทต่อเดือน...
nn เห็นแบบนี้แล้ว เข้าใจหรือยังว่าทำไมจึงมีหัวคะแนนในการสรรหาอธิการบดี จุฬาฯ เพราะหัวคะแนนจะได้รับเงินตอบแทนที่งดงามมากเช่นนี้นี่เอง เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก็ตามดูได้เลยว่าใครเป็นหัวคะแนนให้อธิการบดีบ้าง มีข่าวว่าหัวคะแนนบางรายไม่ได้รับการต่อสัญญาเป็นอาจารย์ในบางคณะ เพราะไม่ทำตำแหน่งวิชาการให้ได้ตามเกณฑ์ของคณะ ดังนั้นคณะก็จึงเลิกจ้าง แต่หัวคะแนนรายดังกล่าวก็มีทางออกด้วยการไปกินตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักในจุฬาฯ ก็ได้ค่าตอบแทนไปเดือนละ 7 หมื่น นี่คือความจริงในจุฬาฯ ยุคหัวคะแนนล่ำซำ อู้ฟู่...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี