ประเทศไทยในยุครัฐบาลผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล และมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นชิดนั้น..คิดอะไรไม่ออกก็โยนความผิดให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หรือไม่ก็เล่นใหญ่กว่านั้น โดยพูดซ้ำๆ เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง..ว่าประเทศไทยสูญเสียโอกาสตั้งแต่ทหารเข้ามาทำรัฐประหารยึดอำนาจ..ลากยาวตั้งแต่รัฐบาล“หุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูก คสช.ยึดอำนาจในปี 2557 ไปจนถึงปี 2549 ซึ่งรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่มีนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ถูก คมช.ยึดอำนาจ
10 เดือนรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นั้นเหลวเป๋วไร้น้ำยา..ข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน โรงงานเจ๊ง หุ้นดิ่ง นักลงทุนต่างชาติถอนการลงทุน..ตัวเลขเศรษฐกิจของปีนี้ที่สภาพัฒน์เคยสรุปไว้ชัดเจนที่สุด ว่าจีดีพีไตรมาสแรกของปี 2567 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 เท่านั้น
ขณะที่การขยายตัวในภาคการเกษตรและหมวดอุตสาหกรรมลดลง..รวมทั้งการส่งออกสินค้าและบริการ และการบริโภคอุปโภคขั้นสุดท้ายของเอกชนก็ชะลอลงด้วย..โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนของรัฐบาลลดลงถึงร้อยละ 46.0
เหตุที่การลงทุนของรัฐบาลลดลง ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ไหน..เป็นเพราะรัฐบาลมัวแต่“จะเอาให้ได้”กับโครงการแจกเงิน“ดิจิทัล วอลเล็ต”..คอยจ้องจะปล้นเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแผ่นดินให้ได้ในวงเงิน 5 แสนล้านบาทอย่างเดียวเท่านั้น..ทำให้การลงทุนในโครงการต่างๆ ต้องหยุดชะงักตามไปด้วย
เมื่อไม่มีการลงทุน การจ้างงานก็ไม่เกิด และประกอบกับการขยายตัวในภาคการเกษตรและหมวดอุตสาหกรรมก็ลดลง รวมทั้งการส่งออกสินค้าและบริการ ตลอดจนการบริโภคอุปโภคก็ชะลอลงด้วย..จึงพูดได้คำเดียวว่า“ฉิบหาย”แน่—มีแต่ตายกับตาย
อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นั้น สิ้นท่าจริงๆ..ช่วงระยะเวลา 10 เดือนกว่า ภาพของเศรษฐา ทวีสิน เปรียบเสมือน“แมลงวัน”ตัวหนึ่งที่บินพล่านไปทั่ว..หากไม่ออนทัวร์ไปต่างประเทศด้วยการถลุงเงินแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน ก็เดินสายออกต่างจังหวัด..ทำทีไปดูงาน เป็นการสร้างภาพให้เห็นว่า..เป็นนายกรัฐมนตรีที่ขยันขันแข็งเอาการเอางานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เรียกว่าแทบจะไม่เคยอยู่ติดทำเนียบรัฐบาล แม้แต่วันหยุดก็ไม่เคยอยู่ติดบ้าน..เหมือน“ช้างโซ่ขาด” พอโซ่ขาดก็วิ่งเตลิดเปิดเปิงอย่างเดียว ไม่ดูหน้าดูหลัง”..ถามว่า แล้วอย่างนี้นายเศรษฐา ทวีสิน จะเอาเวลาที่ไหนมานั่งเซ็นเอกสารที่นายกรัฐมนตรีจะต้องลงนามอนุมัติ หรือนั่งพินิจพิจารณาว่าแต่ละกระทรวงทบวงกรมมีข้อติดขัดประการใดที่นายกรัฐมนตรีควรจะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา..เพื่อให้งานเดินไปได้สำเร็จลุล่วง
สรุปก็คือ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแค่“นายกฯหุ่นเชิด”..และเต้นไปเต้นมาตามบทที่มีคนกำกับให้เท่านั้น..ส่วนงานประจำในหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี..มีคนทำให้และคอยคิดแทนให้เสร็จสรรพอยู่ข้างหลัง
ล่าสุดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์..ปรากฎว่านายเศรษฐา ทวีสิน อ้างว่าป่วยติดโควิด หลังจากเดินสายไปติดตามความคืบหน้าการพัฒนาท่าอากาศยานหัวหินเป็นท่าอากาศยาน“เพชรหัวหิน” ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์..โดยที่มีคนจับตาว่า นายเศรษฐามักจะให้ความสนใจเรื่องการท่องเที่ยวและสนามบินที่“บริษัทแสนสิริ”มีโครงการในจังหวัดนั้นๆ..ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต เชียงใหม่ หรือหัวหิน ซึ่งไม่ต่างจากสมัย“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ของบริษัทในเครือชินฯกับโครงการของรัฐอยู่ตลอดเวลา
โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล แถลงเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ได้พบแพทย์ หลังจากมีอาการป่วย อ่อนเพลียเล็กน้อย ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา..และผลการตรวจของแพทย์ พบว่าติดโควิด ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่า น่าจะติดเชื้อโควิดมาสักระยะเวลาหนึ่ง หรือตั้งแต่วันศุกร์ที่มีอาการ..แพทย์จึงให้พักรักษาตัว จนกว่าจะหายและไม่แพร่เชื้อ โดยคาดว่าวันพุธที่ 19 มิถุนายนนี้จะกลับมาปฏิบัติราชการได้ตามปกติ
และในค่ำวันเดียวกับที่โฆษกรัฐบาลแถลง..นายเศรษฐา ทวีสิน ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก“เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin” เป็นการย้ำเรื่องนี้ว่า..“ขออนุญาตลาป่วยเนื่องจากติดโควิดครับ..รู้สึกอ่อนเพลียตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา พอมีอาการไข้เล็กน้อย เลยมาตรวจเพื่อความสบายใจ..ขออภัยท่านที่มาใกล้ชิดช่วงที่ผ่านมาครับ จะรีบรักษาตัวให้หาย และกลับไปทำงานตามปกติโดยเร็วที่สุดครับ”
เท่ากับว่าลาหยุดในวันที่ 17-18 มิถุนาย และจะกลับมาทำงานตามปกติในวันที่ 19 มิถุนายน โดยจะไปร่วมประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ของรัฐบาล..ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรกระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน
การป่วยติดโควิดของนายเศรษฐา ทวีสิน ครั้งนี้..คนทั่วไปไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่เชื่อว่าเป็นการ“ป่วยการเมือง”..เหมือนที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เคยใช้เป็นข้ออ้างว่าป่วยติดโควิดเพื่อเลี่ยงการนัดไปฟังคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการก่อนหน้านี้มาแล้ว และเหตผุลที่นายเศรษฐา ทวีสิน อ้างว่าติดโควิดเป็นการ“ป่วยการเมือง”..น่าจะมีอยู่สองเรื่อง
เรื่องแรก--ต้องการเลี่ยงตอบคำถามสื่อทั้งคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน เอง เกี่ยวกับการตั้ง“ทนายถุงขนม-พิชิต ชื่นบาน”เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมพิจารณาในวันที่ 18 มิถุนายนวันนี้ และ อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับคดีมาตรา 112 ของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่พนักงานอัยการนัดนำตัวส่งฟ้องศาลในวันที่ 18 มิถุนายนเช่นกัน
ฉะนั้น เพื่อไม่ต้องตอบคำถามอะไรมาก ก็แกล้งป่วยการเมืองเสียเลย..ง่ายดี อีกทั้งประเทศนี้ ตกอยู่ในยุคศีลธรรมเสื่อม เป็นยุคที่คนชั่วคนเลวขึ้นมามีอำนาจ..ผู้มีอำนาจจะโกหกมดเท็จอย่างไรก็ได้ แม้ว่าประชาชนจะไม่เชื่อก็ตาม เพราะไม่มีใครทำอะไรได้..เนื่องจากกลไกกระบวนการยุติธรรมก็ง่อยเปลี้ยเสียขา ระบบนิติรัฐก็ล้มเหลว..หรือแม้แต่การตรวจสอบฝ่ายบริหารของพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรคก้าวไกลเป็นหลัก ก็พึ่งพาไม่ได้
และก็ช่างประจวบเหมาะ อะไรจะบังเอิญถึงขนาดนั้น..เมื่อนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดป่วยการเมืองติดโควิด..นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ก็เรียกตัวนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าพบที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ที่“บ้านจันทร์ส่องหล้า”ในช่วงเช้าวันที่ 17 มิถุนายนทันที..จึงเท่ากับเป็นการประกาศให้ชาวโลกรับรู้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก..ว่านายกฯตัวจริงเสียงจริงของประเทศนี้คือใคร
นี้ก็เป็นปมเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุน และย้ายฐานการผลิตไปในประเทศอาเซียนที่เป็นเพื่อนบ้านของไทย ไม่ว่าจะในอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม หรือสิงคโปร์..เพราะประเทศไทยในยุคนี้—เชื่อมั่นอะไรไม่ได้เลยสักเรื่องเดียว
เรียกว่า“จริงเป็นเท็จ..เท็จเป็นจริง” อยู่และดูกันต่อไปว่า..สุดท้ายใครจะวิบัติฉิบหาย-คนชั่วคนเลวหรือชาติบ้านเมือง ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี