ในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ได้มี “ประกาศให้เปิดสภาผู้แทนราษฎร” (ไม่ใช่พระราชกฤษฎีกาตามที่มีการอ้างกัน) โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการและในวันรุ่งขึ้น วันที่ 22 มิถุนายน จึงได้มีการนัดประชุมสภาฯ เมื่อเปิดประชุม ประธานสภาฯ เจ้าพระยาพิชัยญาติได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ก่อนที่ท่านจะเดินทางไปหัวหินเพื่อเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อกราบบังคมทูลให้มีการเรียกประชุมวิสามัญแห่งสภา ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ร้องขอนั้น ท่านได้รับหนังสือติดต่อจากหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ ราชเลขานุการในพระองค์ ว่า “ได้ทรงรับโทรเลขจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ขอลาออกจากตำแหน่งพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออกจากตำแหน่งแล้ว” และได้แจ้งอีกว่า “ในฐานะที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรควรจะได้มีความเห็นกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ผู้ใดสมควรจะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนพระยามโนปกรณ์นิติธาดา” เมื่อท่านได้ไปเฝ้าและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ดำเนินการ เปิดประชุมสภาฯ แล้ว ท่านยังได้กราบบังคมทูลว่า พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้ที่สมควรจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบด้วย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งนายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2476
หลังจากประธานสภาฯได้แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯแล้ว พระยาพหลฯ จึงได้ลุกขึ้นแถลงถึงการยึดอำนาจการปกครองในวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยท่านยอมรับเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อความสงบเรียบร้อยในช่วงเวลาแรกนี้ แต่ขอดำรงตำแหน่งเพียง 10 วันหรือ 15 วันเท่านั้นในวันเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรีได้เสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในการจัดการให้คณะรัฐมนตรีลาออกเพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญได้ ต่อสภาผู้แทนราษฎร และสภาฯได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้บังคับใช้เป็นกฎหมายได้ในวันรุ่งขึ้น นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรียังได้เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชกฤษฎีกาที่ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 ต่อสภาฯด้วย และสภาฯได้ลงมติให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้
ในวันเดียวกันนั่นเอง ประธานสภาฯได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีสมาชิกสภาฯจำนวน 7 นายได้ขอลาออกจากสมาชิกภาพ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้แก่ พระยามโนปกรณ์นิติธาดาพระยาศรีวิสารวาจา พระยาจ่าแสนยบดีศรีบริบาล นายประยูร ภมรมนตรี นายหงวน ทองประเสริฐ นายจรูญ สืบแสง และนายพันเอก หลวงสินาดโยธารักษ์ สำหรับสามท่านแรกนั้นเห็นได้ชัดว่านอกจากพระยามโนฯซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พระยาศรีวิสารวาจาและพระยาจ่าแสนฯ นั้นเป็นรัฐมนตรีที่พระยามโนฯมีความสนิทสนมใกล้ชิดมาก คนที่ 4 นายประยูรนั้นแม้จะเป็นสมาชิกคณะราษฎรก็ตาม แต่ท่านเป็นเลขานุการนายกรัฐมนตรี ท่านจึงลาออกตาม
แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมสมาชิกคณะราษฎร อีกสองท่าน คือ นายหงวน กับ นายจรูญจึงลาออกด้วยในวันที่มีการยึดอำนาจซ้ำในวันที่ 20 มิถุนายน ปรากฏว่า นายหงวนทองประเสริฐ นั้น ดูจะน้อยใจว่าถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงไม่อยากให้กระทบกระเทือนถึงคณะราษฎร ส่วนนายจรูญ สืบแสง อ้างว่ามีเหตุจำเป็น จึงทำให้มีการตีความกันว่าสมาชิกคณะราษฎรทั้งสองท่านนี้ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อภิปรายเล่นงานรัฐบาลมากนั้น อาจถูกคนสำคัญในคณะผู้ยึดอำนาจขอให้ลาออกก็ได้ โดยที่ประชุมได้เลือกเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ พระยาโกมารกุลมนตรี และหลวงสิริราชไมตรี เข้ามาเป็นแทนก่อนเพียง 3 ท่าน ทั้ง 3 นายนี้ได้เข้ามาร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของพระยาพหลฯในวันรุ่งขึ้น คือในวันที่ 24 มิถุนายน คือเจ้าพระยาศรีฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพระคลังพระยาโกมารกุลมนตรีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ และหลวงสิริราชไมตรีสมาชิกคณะราษฎรมาเป็นรัฐมนตรีไม่ประจำกระทรวง
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี