ประเทศไทยวันนี้..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ-ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ..ไม่มีใครหรืออำนาจไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่า“นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร”อีกแล้ว
“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนักโทษก็เป็น“นักโทษเทวดา”..มีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมายเหนือกฏระเบียบที่มีสำหรับบังคับใช้กับนักโทษเด็ดขาดทั่วไปทุกคน..ซึ่งต้องถูกจำคุกภายหลังจากที่ศาลพิพากษาตัดสินลงโทษ..แต่สำหรับทักษิณถึงมีโทษก็ไม่ต้องติดคุกในเรือนจำ..ได้รับการพักโทษก็ไม่ต้องติดกำไลEM..ไปไหนมาไหนได้สะดวกเหมือนประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่นักโทษ..มิหนำซ้ำยังเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างเทวดาด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
เมื่อตกเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 ปรากฏว่านักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรก็เป็น“จำเลยเทวดา”อีกเช่นกัน.. คือนอกจากจะไม่ต้องไปพบพนักงานอัยการก่อนที่พนักงานอัยการจะนำตัวไปส่งฟ้องศาลแล้ว..ทักษิณก็สามารถดิ่งตรงจาก“บ้านจันทร์ส่องหล้า”ไปที่ศาลอาญาได้เลย..อีกทั้งเมื่อถึงศาล..ยังได้รับการอำนวยความสะดวกมีการเปิดประตูข้างให้ทักษิณเข้าไปในศาลแทนที่จะขึ้นบันไดหน้า..เนื่องจากทักษิณไม่ต้องการพบกองทัพสื่อมวลชนที่แห่ไปรอทำข่าว
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งคำถามไปถึงโฆษกศาลยุติธรรมไว้ในเฟซบุ๊กของตนเมื่อวันที่ 19มิถุนายนที่ผ่านมาว่า..เวลาหนึ่งชั่วโมงกับสี่สิบหกนาทีก่อนที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรจะได้รับการประกันตัวนั้น..ทักษิณถูกควบคุมตัวอยู่ที่ไหน
เพราะโดยปกติทั่วไปที่ไม่ใช่“จำเลยเทวดา”..เมื่อศาลประทับรับฟ้องแล้วจำเลยจะต้องถูกพาตัวออกจากห้องพิจารณาคดีไปขังรวมกับจำเลยคนอื่นๆระหว่างรอประกันตัวในห้องขังใต้ถุนศาล..ใต้ถุนศาลที่ว่านี้เป็นห้องขังที่มีลูกกรงเหล็กกั้นทุกด้าน..โดยที่จำเลยรวมทั้งผู้ต้องหาตลอดจนผู้ถูกคุมขังที่อยู่ในเรือนจำและถูกนำตัวมาขึ้นศาลต้องนั่งรวมกันอยู่ในห้องนี้..และบางคนก็ถูกตีตรวนอยู่ในชุดนักโทษ
เชื่อว่า“จำเลยเทวดา”ที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร..คงได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นๆ แน่นอน..เนื่องจากในชีวิตนี้หัวเด็ดตีนขาดคนอย่างทักษิณก็ไม่ยอมติดคุกที่มีลูกกรงกั้น..เพราะถือว่านี้คือ“ความซวย”..ที่จะต้องกลายเป็น“ขี้คุกขี้ตะราง”ทั้งโดยนิตินัยและพฤตินัยไปจนชั่วชีวิต
หากดูตามไทม์ไลน์ที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติตั้งคำถามในเฟซบุ๊ก..เพื่อขอคำตอบจากโฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ก็จะพบว่า..ในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เวลา 08.56 น. ศาลอาญาได้รับฟ้องนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..เป็นจำเลยในคดีความผิดมาตรา 112 และคดีกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์..ซึ่งเป็นเวลาที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงต่อสาธารณะ
ดังนั้น ก็เท่ากับว่านักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ถูกควบคุมตัวโดยอำนาจของศาลอาญาตั้งแต่เวลา 08.56 น. จนกระทั่งได้รับการประกันตัวเมื่อเวลา 10.42 น.
“อนุมานได้ว่า--คุณทักษิณน่าจะอยู่ในความควบคุมของศาล อย่างน้อยที่สุดประมาณ 1 ชั่วโมง 46 นาที..คำถามที่ผมจะถามท่านโฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม คือ..ช่วงเวลาที่คุณทักษิณถูกควบคุมตัวประมาณ 1 ชั่วโมง 46 นาทีนั้น..ถูกควบคุมตัวที่ห้องควบคุมของศาลหรือถูกควบคุมตัวที่ห้องไหน..เป็นการควบคุมเหมือนบุคคลทั่วไปหรือไม่..หากไม่เหมือนกัน..ท่านโฆษกสำนักงานศาลยุติธรรมจะอธิบายความแตกต่างนี้อย่างไร” นี้คือคำถามที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ถามนายสรวิศ ลิมปรังษี ซึ่งเป็นโฆษกศาลยุติธรรมคนปัจจุบัน..พร้อมกันนี้นายนิพิฏฐ์ยังชี้แจงด้วยว่า..คำถามดังกล่าว--เป็นการถามโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 27
ตามไปดูต่อว่าบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (พ.ศ.2560) มาตรา 27 ซึ่งอยู่ในหมวด 3 ว่าด้วย“สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย”เขียนไว้อย่างไร..พบว่าบทบัญญัติตามมาตรานี้เขียนไว้ว่า..“บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย..มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน..ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน”
นอกจากนี้ในมาตรา 27 ยังบัญญัติไว้ด้วยว่า..“การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล..ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด..เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ..สภาพทางกายหรือสุขภาพ-สถานะของบุคคล-ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม..ความเชื่อทางศาสนา..การศึกษาอบรม..หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ..หรือเหตุอื่นใด จะกระทำมิได้”
เชื่อว่า-นายสรวิศ ลิมปรังษี ซึ่งเป็นโฆษกศาลยุติธรรม คงกล้าหาญพอที่จะตอบคำถามของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ..และต้องตอบด้วยความซื่อสัตย์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบด้วย..ในฐานะที่ศาลยุติธรรมเป็นที่พึ่งแรกและที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน..ตามที่ประชาชนยึดมั่นว่าศาลยุติธรรมเป็นองค์กรที่ดำรงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรม..และเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วยความเท่าเทียม
และก็เชื่อมั่นว่า-นายสรวิศ ลิมปรังสี คงไม่เลี่ยงที่จะตอบคำถามในประเด็นนี้..เพราะขนาดเรื่องเล่าของนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดีเกี่ยวกับ“ถุงขนมภาคสอง 2พันล้าน”ที่เกิดขึ้นในประเทศสารขัณฑ์..นายสรวิศยังได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า...คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.)ได้เสนอให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสดับตรับฟังข้อเท็จจริง..เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นในเรื่องนี้ตามขั้นตอนแล้ว
ดังนั้น กรณีการควบคุมตัวนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ระหว่างรอประกันตัว..ซึ่งเหตุเกิดในประเทศไทยและอยู่บริวณใต้ถุนศาลยุติธรรม..จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นแต่ประการใดที่จะ“สดับตรับฟังและชี้แจงข้อเท็จจริง”..เพราะใต้ถุนศาลไม่ได้อยู่ในเมืองมายาเหมือนประเทศสารขัณฑ์..ที่เป็นฉากสมมุติจากภาพยนตร์เรื่อง“TheUgly American”ของฮอลลีวูด
ขอเตือนไว้ตรงนี้ด้วยว่า—นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรนั้น..ใครที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยการทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่..มักจะมีอันเป็นไปต้องติดคุกติดตะรางกันทุกคน..อย่างน้อยคนหนึ่งที่เห็น ก็คือ..นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุลซึ่งทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่..ระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ..สมัยรัฐบาลหุ่นเชิด“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล..คนอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเดียวกับ“ทักษิณ ชินวัตร” และเป็นอดีต สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี2563..ถูกพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีในปี 2560 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง..กรณีออกหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ให้แก่ทักษิณที่เป็นนักโทษหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ..ว่าเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชก
าร..ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โดยหลังจากพนักงานอัยการยื่นฟ้องได้หนึ่งปี..ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯได้มีคำพิพากษาตัดสินเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 สั่งจำคุกนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล 2 ปี ไม่รอลงอาญา..ทั้งนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯชี้ว่า..จำเลยคือนายสุรพงษ์กระทำผิดตามฟ้อง..และจำเลยมีเจตนาช่วยผู้ต้องโทษ(ทักษิณ ชินวัตร)ให้หลบหนี..เป็นการบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
ฉะนั้น..ใครที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ“น.ช.ทักษิณ ชินวัตร”..ด้วยการกระทำที่มิชอบและประพฤติผิดต่อตำแหน่งหน้าที่..จงระวัง !บาปกรรมนั้นมีจริง—และคุกก็มีอยู่จริงในชาตินี้ด้วย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี