ผลการสอบสวนสองบิ๊กตำรวจครบสี่เดือนมีผลสรุปออกมาตามที่ ดร.วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีแถลง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนเมื่อวานนี้..ฟังแล้ว ถ้าหากว่าหน่วยงานแห่งนี้เป็นธุรกิจห้างร้านเอกชน..มีแต่ต้องยุบบริษัททิ้งอย่างเดียว..ขืนประกอบกิจการต่อไป--เจ๊งแน่
เพราะไม่เพียงแต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ซึ่งจะได้รับการย้ายกลับไปนั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.ตามเดิม หลังจากถูกย้ายข้ามาฟากมานั่งตบยุงใน“สุสานคนเป็น”ที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา..จะเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ถูกย้ายข้ามฟากมาแขวนไว้ที่ทำเนียบรัฐบาลพร้อมกันกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และเวลานี้ถูกให้ออกจากราชการเป็นการชั่วคราวไปแล้ว เท่านั้น..แต่ทีมงานหรือลูกน้องของทั้งสองบิ๊กตำรวจก็ยังขีดเส้นแบ่งข้างถือหางตาม“นาย”ด้วย
และเหตุแห่งความแย้งนั้น ก็หาใช่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันกันทำความดี..แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ได้มาจากการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะผู้ถือกฎหมาย“รีดไถ-ตีเมืองขึ้น”..คนไทยในประเทศนี้ต่างก็รู้กันดีว่า“หวย-บ่อน-ซ่อง”ที่มีอยู่แทบจะทุกตรอกซอกซอย..และคู่สังคมไทยมานานตราบจนทุกวันนี้นั้น..ตำรวจล้วนมีผลประโยชน์ทั้งสิ้น
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปเป็นโลกของยุคดิจิทัล..ตำรวจไทยก็ยังพัฒนาช่องทาง“หากิน”ได้อีก..ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเรื่อง“บัญชีม้า”จากการพนันออนไลน์..ดังที่สองบิ๊กตำรวจ คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล..มีปัญหาขัดแย้งกันจนต้องถูกย้ายเข้าไปอยู่ใน“สุสานคนเป็น”..ซึ่งก็เพราะ“เงินสกปรก”จากการพนันที่ว่านี้
การย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับไปนั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร.ตามเดิม..จากที่ ดร.วิษณุ เครืองาม แถลงว่า“เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรสอบสวนอีกแล้ว”..ก็เหมือนกับว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น..ทั้งๆ ที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็มีแผลเหวอะหวะเช่นกัน..โดยเวลานี้มีผู้ร้องให้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตรวจสอบ..จากหลักฐานเส้นทางการเงินเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์..ซึ่งพบว่า มีการโอนเข้าไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จำนวนหลายร้อยล้านบาท
ดร.วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี...แถลงไว้ชัดเจนว่า เหตุที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และในฐานะที่เป็นประธานการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ได้ย้าย“สองบิ๊กตำรวจ”ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน..ก็เพราะเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ..ซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่ของกระบวนการยุติธรรม..จนทำให้ประชาชนไม่มั่นใจ--และไม่พอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ผลสรุปของคณะกรรมการสอบสวนที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน..มีนายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตอัยการ เป็นกรรมการ..และมี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีต รอง ผบ.ตร. เป็นกรรมการและเลขานุการ..รวมทั้งมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีกหลายชุดเพื่อสอบพยานกว่า 50 คน ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล..โดยใช้เวลาสอบสวน 4 เดือน..จากที่ ดร.วิษณุ เครืองาม แถลง--สรุปได้ดังนี้
“1.ผลการตรวจสอบพบว่ามีความขัดแย้ง และความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นจริง..มีความขัดแย้งในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสูง กลาง เล็ก..ทุกฝ่าย ไม่ว่าเป็นเหตุบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่..กลายเป็นคดีความ..เรื่องร้องเรียนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
“2.เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวพันกับบุคคล 2 คน คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล..ทีมงานก็พลอยเกิดความขัดแย้งไปด้วย..คดีที่เกี่ยวพันกับบุคคลเหล่านี้..ก็คือคดี 140 ล้าน หรือ“คดีเป้รักผู้การฯ เท่าไหร่”, คดีกำนันนก, คดีมินนี่, คดีพนันออนไลน์บีเอ็นเค..และมีคดีย่อยอีก 10 กว่าคดีที่อยู่ตาม สน.ต่างๆ..รวมทั้งในศาลคดีอาญาทุจริตภาค 7 และส่วนกลาง..ความขัดแย้งบางเรื่องเพิ่งเกิด..บางเรื่อง 10 ปีมาแล้ว จนเกิดเป็นคดีเหล่านี้ขึ้นมา”
“3.เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องส่งเรื่องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องรับผิดชอบไป..บางเรื่องส่งให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ ศาล”
“4.บางเรื่องเกี่ยวพันกับนอกกระบวนการยุติธรรมก็คือองค์กรอิสระ ได้แก่ ป.ป.ช. ซึ่งรับไปดำเนินการแล้ว..เวลานี้คดีมีเจ้าของรับดำเนินการอยู่แล้วทั้งสิ้น..ไม่มีคดีที่ตกค้างอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก..อาจจะมีตกค้างที่โรงพักก็ว่ากันไป..หรือจะมีตกค้างที่ ป.ป.ช., อยู่ที่ดีเอสไอ, ปปง. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) หรืออะไรก็ตาม..มีเจ้าของรับผิดชอบไปแล้วทั้งนั้น”
“5.ก็มาสู่ข้อสรุปว่า..เมื่อพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567..ต่อมา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์..เพียงผู้เดียวกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในตำแหน่งเดิม..โดยในวันที่ 18 เมษายนวันเดียวกันนั้น มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์..และตามด้วยคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน..ซึ่งตรงนี้ต้องขีดเส้นใต้ไว้ เพื่ออธิบายต่อไป”
เรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ ดร.วิษณุ เครืองาม ขีดเสีนใต้ไว้ ก็คือ..ตามที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกามีมติ 10 ต่อ 0 เห็นว่า..เป็นการกระทบสิทธิของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์..เนื่องจาก ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ การให้ออกจากราชการไว้ก่อน..ต้องทำโดยการเสนอแนะของคณะกรรมการสอบสวน..คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงแนะนำให้ไปแก้ไขให้ถูกต้อง..ดังนั้น สถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในขณะนี้..จึงอยู่ระหว่างการนำกราบบังคมทูลฯ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต้องตรวจสอบว่าถูกต้องตามขั้นตอนระเบียบกฎหมายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ถูกส่งกลับไปทำหน้าที่เดิมในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ..ตามที่ ดร.วิษณุ เครืองงาม ได้แถลงว่า..ไม่มีอะไรให้สอบสวนอีกแล้ว..อีกประการหนึ่งก็เพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ถูกย้ายมาพร้อมกันได้ถูกส่งกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปก่อนแล้ว..ดังนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็สมควรต้องถูกย้ายกลับเช่นกัน..จึงน่าเป็นห่วงว่า เมื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้กลับไปนั่งที่เดิม..ใครจะรับประกันได้ว่า ทีมงานหรือลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์..จะไม่ถูก“คิดบัญชี”ย้อนหลัง..เพราะเวลานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หลุดจากวงจรอำนาจไปแล้ว
หรือในอีกทางหนึ่ง ถ้าหากทั้งสองฝ่ายเจรจาหย่าศึกปรองดองกันได้..ก็อาจเป็นไปได้ว่า จะกลายเป็นการปรองดองเพื่อหากินกันอย่าง“บูรณาการ”ต่อไป..แบบ“วิน -วิน”ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เพราะตราบใดที่ยังไม่มีการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติกันอย่างจริงจังชนิดถึงรากถึงโคน..อำนาจและผลประโยชน์ของคนใน“ยุทธจักรสีกากี”ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง..และยังคง“รีดไถ-ตีเมืองขึ้น”กันต่อไปได้อีกเหมือนเดิม !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี