แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn การจะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินหมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง อันนี้ก็เคยบอกว่าความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอจะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2540)...
nn งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ผ่านวาระแรกของการพิจารณาโดยที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ด้วยคะแนน 311 ต่อ 175 เสียง ใช้เวลาอภิปรายวาระที่ 1 รวม 3 วัน...
nn ข้อสังเกตประการสำคัญคืองบฯ ปี 2568 มีการตั้งงบเงินกู้ชดเชยการขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 8.65 แสนล้านบาท โดยจะดันให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 63.37 เปอร์เซ็นต์ต่อ GDPซึ่งใกล้จะชนกรอบเพดานหนี้มากเข้าไปอีก ส่วนปัญหาเศรษฐกิจเรื่องสำคัญของไทยคือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีภาระหนี้สินสูงกว่าร้อยละ 91.3 ต่อ GDP โดยยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบ รวมถึงปัญหาธุรกิจ SMEs มากกว่า 3.2 ล้านราย โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดนี้เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบธนาคาร ทำให้ต้องกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ที่คิดดอกเบี้ยโดยไม่เป็นธรรม ทำให้ SMEs จำนวนมากต้องปิดกิจการลง...
nn งบฯปี 2568 ยังคงเป็นงบประมาณแบบขาดดุล โดยข้ออ้างของการทำงบฯ ขาดดุลก็เพื่อทำให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ให้สามารถเติบโตต่อไปได้ และคาดว่าเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจะไหลจากภาครัฐไปสู่เอกชน และคาดว่าจะทำให้เกิดคำสั่งซื้อสินค้า บริการ และมีเงินหมุนเวียนในระบบอย่างต่อเนื่อง ขอย้ำว่าข้อความข้างบนมาจากปากของนายกรัฐมนตรี ส่วนคำอ้างดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่ ก็ต้องตามดูกันต่อไป...
nn ฝ่ายค้าน อย่างพรรคก้าวไกลมองการจัดทำงบฯ รายจ่ายปี 2568 ว่าไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และยังมีความพยายามเบียดบังเอางบฯ ไปใช้เพื่อทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ให้ลุล่วง โดยไม่นำพาว่าจะทำให้ขาดงบฯ สำหรับพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านการพัฒนาระบบการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ทันสมัย การจัดทำงบฯ แบบนี้ทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงมาก หากเกิดวิกฤตใดๆ ขึ้นมาในอนาคต...
nn ก้าวไกลยังบอกด้วยว่า พบเงื่อนงำเรื่องงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ มีความซ้ำซ้อนกัน โดยระบุว่ามีการใช้งบฯ ในโครงการซ้ำซ้อนกัน 662 ล้านบาท โดยโครงการที่ซ้ำซ้อนกันแล้วใช้งบฯ โดยไม่น่าจะโปร่งใสคือ โครงการที่อ้างว่าใช้สำหรับต่อต้านการแพร่ระบาดยาเสพติด ของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข โดยพบว่าใช้งบแบบต่างคนต่างทำ โดยไม่มีการบูรณาการงาน และพบว่ามีบางโครงการก็ใช้งบฯ ซ้ำซ้อนกัน เช่น โครงการที่อ้างว่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และโครงการต่อต้านการทุจริต และพบด้วยว่าหน่วยงานที่ตั้งงบฯ ซ้ำซ้อนกันคือสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และกรมประชาสัมพันธ์ โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีด้วยกัน...
nn ชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหาร STARK หนึ่งในผู้ต้องหาคดีทุจริต บมจ. STARK ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ข้อหาตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหายักยอกทรัพย์ รวมถึงข้อหาฟอกเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 14,778 ล้านบาท ถูกนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2567 หลังจากถูกจับตัวได้ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยคดีนี้ DSI จะเป็นเจ้าภาพ ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ที่ถูกฉ้อโกงทรัพย์จะได้รับเงินคืนหรือไม่ ก็ต้องตามดูกันต่อไป แล้วก็มีเสียงวิพากษ์ว่าการเข้าไปโกงกินในตลาดหลักทรัพย์ไทยจะยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่การควบคุมบังคับและดูแลโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมตลาดหลักทรัพย์ยังทำหน้าที่ได้เพียงแค่ตามจับคนร้าย โดยไม่สามารถสร้างมาตรการป้องกันคนโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนคนเล่นหุ้นที่ถูกฉ้อโกงก็ต้องทำใจ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่...
nn ประเด็นทุจริตการซื้อเครื่องออกกำลังกาย เช่น ลู่วิ่งไฟฟ้า และจักรยาน โดยกรุงเทพมหานครก็ยังคงอึมครึมต่อไป แม้จะเห็นการ acting โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะออกมาโฆษณาชวนเชื่อว่า จะปราบปรามการทุจริตทั้งปวงที่เกิดจากน้ำมือของเจ้าหน้าที่และพนักงานของกรุงเทพมหานคร ตอนนี้เท่าที่นักข่าวสายอาชญากรรมตามติดเรื่องทุจริตนี้ ก็พบว่ามีตัวการเข้าไปเกี่ยวข้องดังนี้ บริษัท วาล็อค สปอร์ต อีควิปเม้นท์ จำกัด บริษัท ชนะพัฒน์ คอนสตรัคชัน แอนด์ ซัพพลาย จำกัด และพบว่ามีชื่อของ สรวิชญ์ศรีรัตนพัฒน์ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท วาล็อคฯ ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญาซื้อขายอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายหลายรายการ มูลค่าหลายสิบล้านบาทให้กับกรุงเทพมหานคร แล้วยังพบชื่อ สรวิชญ์ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ชนะพัฒน์ฯ ด้วย โดยบริษัท ชนะพัฒน์ฯ เป็นบริษัทคู่สัญญาขายครุภัณฑ์ เช่นตู้เสริมโครงสร้างวางอุปกรณ์ออกกำลังกายให้กรุงเทพมหานคร วงเงิน 498,000 บาทโดยใช้วิธีการทำสัญญาแบบเฉพาะเจาะจงกับกรุงเทพมหานคร...
nn สรวิชญ์ มีอายุ 28 ปี ในวันที่เขาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท วาล็อคฯ เมื่อปี 2564 และยังพบว่านามสกุลศรีรัตนพัฒน์ คือนามสกุลของอดีตผู้บริหารรายหนึ่งที่มีตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ในช่วงปี 2564 เมื่อเจาะลึกเข้าไปดูเนื้อในบริษัท วาล็อคฯ พบว่าเป็นบริษัทคู่สัญญาค้าขายเครื่องออกกำลังกายกับ กทม. ช่วงปี 2565-2567 วงเงินกว่า 65 ล้านบาท และพบว่าเมื่อปี 2566 บริษัท วาล็อคฯ เป็นคู่สัญญาขายทุ่นลอยน้ำและอุปกรณ์ยึดต่อท่าเทียบเรือ 2 ชุด วงเงิน 4.99 ล้านบาท...
nn ปิดท้ายด้วยธุรกิจของธีรัตถ์ รัตนเสวี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดย ธีรัตถ์ วนเวียนอยู่กับ Voice TV มาตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ Voice TV ปิดตัว มาวันนี้ ธีรัตถ์ คือผู้ดำเนินรายการคุยกับเศรษฐา ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT หรือช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ จริงๆ แล้วต้องบอกว่า ธีรัตถ์ มีธุรกิจหลายตัว อาทิ ธุรกิจด้านผ่อนคลายสบายตัว แบบถูกเนื้อต้อง ลูบๆ คลำๆ ตัวได้ ระหว่างคนให้บริการกับคนรับบริการ และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยธุรกิจหลังนี้ทำกับสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มาล่าสุดพบว่า ธีรัตถ์ ทำธุรกิจกับเลี้ยบ-สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ปัจจุบันเป็นทีมงานด้าน soft power ของ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยธีรัตน์ กับ เลี้ยบตั้งบริษัท คิด เคลื่อน ไทย จำกัด เมื่อ 22 มิถุนายน 2563 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาททำธุรกิจให้คำปรึกษาทางธุรกิจ จัดอบรมสัมมนา ให้ความรู้ และขายปลีก โดยสองคนนี้ถือหุ้นคนละ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ถือหุ้นโดยธนิดา วงศ์กาฬสินธุ์ (ธนิดาเป็นกรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์) และพบว่าธีรัตถ์ ยังถือหุ้นบริษัท ว๊าก กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 30 มีนาคม 2566 ทุน 1 ล้านบาท เป็นธุรกิจอาหาร ขนม เบเกอรี ในสระบุรี โดยธีรัตน์ถือหุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ และมีชื่อเป็นกรรมการบริษัท และล่าสุดพบว่า ธีรัตถ์ เปิดบริษัท คำดี จำกัด เมื่อ 21 พฤษภาคม 2567 กับ ลักขณา ปันวิชัย หรือคำ ผกา ทุน 1 ล้านบาท โดยถือหุ้นบริษัทคนละ 50 เปอร์เซ็นต์ บริษัทรับผลิตงานด้านจัดสร้าง ผลิต รับจ้างผลิต และจำหน่ายภาพยนตร์ ละคร สารคดี สารคดีข่าว สปอตโฆษณา จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ซื้อ ขาย จำหน่ายสินค้า ที่ตั้งบริษัทคือ 340 ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ที่เล่าให้ฟังนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ต้องการบอกว่าทำมาหากินเก่งจังเลย ขอชื่นชมที่พรรคเพื่อไทยไม่ทอดทิ้งธีรัตถ์...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี