ทำไมคณะราษฎรจึงจงใจโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ แล้วแย่งชิงพระราชอำนาจจากกษัตริย์ จนนำไปสู่เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่ระบบที่ถูกอ้างว่าเป็นการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เนื่องจากเพราะเห็นว่าประเทศสยามนั้นมีรัฐธรรมนูญแล้ว แต่จนแล้วจนรอดจนบัดนี้ ก็ยังคงมีคำถามว่า ตกลงแล้วสยามในวันวาน หรือไทยในวันนี้เคยมีประชาธิปไตยจริงๆ หรือ หากเคยมีจริงๆ ไหนลองตอบให้ชัดว่ามีในช่วงไหน เวลาใดบ้าง
แน่นอนว่าในช่วงก่อนก่อเหตุยึดอำนาจนั้นคณะราษฎรไม่พอใจที่กษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจมากล้น แล้วยังทรงดำรงสถานะที่สูงส่งเหนือคนต่างๆ บนแผ่นดินสยาม แต่หากจะพิจารณาจริงๆ แล้ว คณะราษฎรก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยขุนน้ำขุนนางทั้งสิ้น ไม่เห็นจะมีคนธรรมดาสามัญ หรือคนระดับชาวบ้านเข้าไปร่วมเป็นคณะราษฎรแม้แต่คนเดียว มิหนำซ้ำ คณะราษฎรยังได้อภิสิทธิ์เกินคนทั่วไปบนแผ่นดิน เพราะว่าได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่ำเรียนในยุโรป เพราะว่ากษัตริย์ทรงส่งไปเรียน ดังนั้นก็จะพบว่าในความจริงน้ั้น คณะราษฎรก็มีความเป็นอยู่สูงส่งและพิเศษกว่าชาวบ้านทั่วไป
สำหรับข้ออ้างหนึ่งที่คณะราษฎรใช้เพื่อแย่งชิงพระราชอำนาจจากกษัตริย์ ก็คือเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันของคนบนแผ่นดินสยาม เพราะคณะราษฎรเห็นแล้วเข้าใจว่ากษัตริย์ทรงมีความมั่งคั่งร่ำรวยมากล้นมหาศาล เพราะฉะนั้น ก็ต้องชิงทั้งพระราชอำนาจและพระราชทรัพย์ของกษัตริย์ แล้วพยายามดึงอำนาจรัฐไปไว้ในกำมือของตนเอง แล้วพยายามลดพระราชอำนาจและลดพระราชสถานะของกษัตริย์ลงให้จงได้ แล้วคณะราษฎรก็ยกสถานะของตนเองขึ้นไปจนเรียกได้ว่าทำตัวเทียมเจ้าก็ไม่ปาน บางรายทำตัวเหนือกว่าเจ้าด้วยซ้ำไป ทั้งๆ ที่ต้นกำพืดของสมาชิกคณะราษฎรหลายรายก็ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ แต่เมื่อได้เถลิงอำนาจแล้ว บางรายทำตัวยิ่งกว่าเจ้าแท้ๆ เสียอีก
การแย่งชิงอำนาจจากกษัตริย์โดยคณะราษฎร ก็คือการต่อสู้ทางการเมืองรูปแบบหนึ่ง เพราะคณะราษฎรต้องการอำนาจรัฐ เมื่ออำนาจรัฐอยู่ในพระหัตถ์กษัตริย์ คณะราษฎรก็จำเป็นต้องแย่งชิงแล้วลิดรอนพระราชอำนาจลง เพื่อให้คณะราษฎรมีอำนาจรัฐมากขึ้นโดยไม่ต้องการแบ่งปันการมีอำนาจรัฐกับกษัตริย์ เพราะอำนาจรัฐมีจำกัด ไม่สามารถแบ่งปันกันได้ ดังนั้น คณะราษฎรก็จึงต้องลิดรอนพระราชอำนาจ แล้วดึงอำนาจรัฐให้ไปอยู่ในกำมือของตนเอง เพราะเมื่ออำนาจรัฐอยู่ในมือของคณะราษฎรแล้ว ความมั่งคั่งความอู้ฟู้ก็จะตกอยู่ในมือของผู้มีอำนาจรัฐรายใหม่ ซึ่งบางคนก็วิจารณ์ว่าเมื่อปล้นชิงอำนาจจากกษัตริย์ได้แล้ว คณะราษฎรบางรายก็ทำเสมือนสถาปนาตนเองขึ้นเป็นเจ้าในราชวงศ์ใหม่ แต่เนื่องจากกำพืดเดิมไม่ใช่เจ้าแท้ๆ ก็จึงเป็นได้แค่เจ้ากำมะลอ
ถามว่าในเมื่อคณะราษฎรจงใจแย่งชิงพระราชอำนาจจากกษัตริย์ แล้วเหตุใดกษัตริย์จึงจะต้องยอมปล่อยให้คณะราษฎรแย่งชิงอำนาจไปจากพระองค์ ถามต่อไปว่าการที่กษัตริย์จะทรงรักษาพระราชอำนาจไว้ เป็นเรื่องผิดตรงไหน ก็เพราะใครต่อใครก็ต้องหวงแหงอำนาจด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีทางที่ใครจะยอมปล่อยให้อำนาจหลุดจากมือไปโดยง่าย ดังจะเห็นได้ว่าคณะราษฎรเองก็แย่งชิงอำนาจกันเองตลอดเวลา จนสุดท้ายก็แตกแยกจนกลายเป็นศัตรู โดยหลายรายต้องหนีกระเซอะกระเซิงไปตายนอกแผ่นดินไทย
ทุกวันนี้ สังคมไทยมีความเห็นเรื่องคณะราษฎรและเรื่องกษัตริย์ต่างๆ นานา แล้วแต่ว่าใครจะเชื่อว่าฝั่งไหนดีกว่ากัน แต่ความเชื่อที่ปราศจากปัญญาภูมิความรู้
เพราะไม่ยอมค้นคว้าหาความจริง ก็ย่อมเป็นสิ่งน่าสังเวช เราจะเห็นว่าฝั่งคณะราษฎรยังคงพยายามบอกว่าคณะราษฎรดีเลิศ หาความเลวทรามไม่พบ แล้วพยายามบอกว่ากษัตริย์คือความเลวร้ายของสังคม แล้วเยินยอว่าคณะราษฎรเป็นผู้อภิวัฒน์ นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคม แล้วโจมตีฝ่ายวิพากษ์คณะราษฎรว่าเป็นพวกจงใจแซะคณะราษฎร โดยใช้คำว่า แซะ power แต่ในขณะที่ฝั่งผู้นิยมกษัตริย์ ก็ตอบโต้คนที่เป็นสาวกของคณะราษฎร เพราะเห็นว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมือง ที่ต่างฝ่าย
ต่างกระทำต่อกัน
ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะมีคนชอบฝั่งคณะราษฎร และมีคนชอบฝั่งกษัตริย์ เพราะมันเป็นความคิดและความเชื่อของคนแต่ละฝ่ายในสังคม ไม่ผิดที่ฝ่ายนิยมคณะราษฎรจะสาดโคลนใส่ฝ่ายนิยมกษัตริย์ เพราะมันเป้นเรื่องปกติของคนไม่ชอบกัน แต่ฝ่ายนิยมคณะราษฎรก็ไม่ต้องทุรนทุรายมากเกินไป เมื่อฝั่งนิยมกษัตริย์โต้ตอบ เพราะเขามีสิทธิ์โต้ตอบ อย่าไปพล่ามแค่ว่าฝ่ายนิยมกษัตริย์ด่าฝ่ายนิยมคณะราษฎรได้ แค่ฝ่ายนิยมคณะราษฎรด่าฝ่ายนิยมกษัตริย์ไม่ได้ แล้วไปลากเอามาตรา 112 มาบิดเบือน โดยโกหกว่าเป็นเครื่องมือของฝ่ายนิยมกษัตริย์ที่ใช้เล่นงานฝ่ายนิยมคณะราษฎร อย่าลืมว่าในเชิงการเมือง มันคือการแสวงหาอำนาจให้กับตนเอง แต่สาระสำคัญอยู่ที่ฝ่ายใดใช้อำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ของสาธารณะมากกว่ากัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี