ข่าวคราวเกี่ยวกับความเป็นไปในโลกโดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโดยประมาณ เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณทางทหาร การพัฒนาแสนยานุภาพทางการทหารให้ทันสมัย การรวมกลุ่มและกระชับความร่วมมือทางด้านกิจการทหารและความมั่นคง การเพิ่มการซ้อมรบและการลาดตระเวนทั้งทางน้ำและอากาศ คู่ขนานกันไปกับข่าวคราวเกี่ยวกับสงครามสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน อิสราเอลกับฝ่ายอาหรับปาเลสไตน์ และอิสราเอลเตรียมตัวสู้รบกับอิหร่าน และขบวนการฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah)ที่ตั้งมั่นอยู่ในเลบานอน การคุกคามการเดินเรือพาณิชย์ในทะเลแดงโดยฝ่ายฮุตติในเยเมน เพื่อแสดงออกซึ่งความไม่พึงพอใจกับพฤติกรรมของอิสราเอลต่อฝ่ายปาเลสไตน์ดังกล่าว ไปจนถึงการคุกคามของจีนแผ่นดินใหญ่ต่อจีนเกาะไต้หวัน การยั่วยุรังแกข่มเหงของจีนต่อฟิลิปปินส์ ในกรณีของข้อพิพาทในเรื่องเขตแดนน่านน้ำในทะเลจีนตอนใต้ อีกทั้งการยั่วประสาทซึ่งกันและกันระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ด้วยลูกบอลลูน คู่ขนานกับการทดลองขีปนาวุธโดยเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้การซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้ กับ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
ภายใต้บรรยากาศของความคุกรุ่นดังกล่าว โลกก็ได้เห็นและเริ่มตระหนักว่า ญี่ปุ่นก็กำลังเปลี่ยนแปลงนโยบายสันติภาพนิยม ไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมทางทหาร และการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ขณะที่เกาหลีใต้กำลังถีบตัวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ในระดับ 10 ประเทศแรกของโลก ส่วนฟิลิปปินส์นั้นก็เปิดฐานทัพร่วม 10 แห่ง ให้กับสหรัฐอเมริกา และสั่งต่อเรือป้องกันชายฝั่ง 5 ลำ จากญี่ปุ่น พร้อมกับได้จัดซื้อจรวดขีปนาวุธจากอินเดียประมาณ 400 ลูก
ขณะที่รัสเซียและเกาหลีเหนือก็ประกาศการเป็นพันธมิตรร่วมมือทางด้านทหาร ซึ่งเกาหลีเหนือก็สนับสนุนการสู้รบของรัสเซียที่ยูเครน ด้วยการผลิตขายกระสุนปืนใหญ่ให้ เป็นต้น ส่วนรัสเซียกับเวียดนามก็เริ่มกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางด้านกิจการทหาร (ในอดีตสหภาพโซเวียตรัสเซียเป็นผู้สนับสนุนเวียดนามเหนือในการรวมประเทศได้สัมฤทธิผล)
นอกจากนั้นอินเดียซึ่งกระชับความร่วมมือกับสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในกรอบความร่วมมือ 4 เส้า (QUAD) แล้ว ก็เริ่มส่งกองเรือรบมาปรากฏตัวที่ทะเลจีนตอนใต้ ในทำนองเมื่อจีนคุกคามอินเดียที่แถบเทือกเขาหิมาลัยและมาวกเวียนอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย อินเดียก็ตอบสนองจีนเชิงแก้เผ็ดได้อย่างไม่กลัวเกรง
ล่าสุดสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตัวจักรกลสำคัญในการต้านทานและโอบล้อมการแพร่ขยายอิทธิพลของจีนแล้ว ด้วยการกระชับความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรต่างๆ ก็ได้มีการยั่วโทสะจีน ด้วยการจัดส่งคณะผู้แทนของสภาคองเกรสไปเข้าเฝ้าองค์ดาไล ลามะ องค์ประมุขของทิเบต ที่เมืองธรรมศาลา(Dharamshala) ที่ประเทศอินเดีย ด้วยความเปิดใจกว้างของรัฐบาลอินเดีย ที่เป็นเจ้าภาพในการให้องค์ดาไล ลามะ และชาวทิเบตได้ลี้ภัย เมื่อจีนเข้ายึดครองทิเบตเมื่อ 60 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นการแสดงออกว่า สหรัฐฯ กำลังฟื้นฟูท่าทีที่ว่า การยึดครองทิเบตของจีนไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ชอบธรรม
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น จัดได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้นำประเทศต่างๆ กำลังทำตนเป็นสายเหยี่ยวกันทั้งนั้น โดยเฉพาะการแข่งขันกันในการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางการทหาร และการจับคู่กันเพื่อป้องกันตนเองและเพื่อเผชิญหน้าต่อกรกับคู่ฝ่ายตรงข้าม
สันติภาพของโลก หรือฝ่ายนกพิราบที่ดูไม่เป็นที่นิยม และไม่มีสุ้มมีเสียง แต่โลกก็ตกอยู่ภายใต้ความหวาดหวั่นระทึกใจ และหนทางที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตก็ถูกลิดรอนจำกัดลงไปโดยปริยาย การจะแก้ไขสถานการณ์ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำประเทศต่างๆ เป็นสำคัญ ที่ขณะนี้ก็ทำตนเป็นฝ่ายเหยี่ยวกันทั้งนั้น ที่ถึงจุดหนึ่งคงจะได้คิดว่า ยิ่งแข่งขันและเผชิญหน้ากันมากขึ้น การสงครามก็จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็จะเป็นความหายนะให้กับทุกฝ่าย โดยไม่มีผู้ชนะ แล้วไฉนจะยังดึงดันกันต่อไปทำไม ชาวโลกก็ต้องรอว่าจะมีผู้นำประเทศหนึ่งใดมีสติและมีความกล้าหาญที่จะออกมาเรียกร้องและเชิญชวนให้ทุกฝ่ายได้พบปะหารือกัน เพื่อลดความตึงเครียด และเสริมสร้างสันติภาพ เลิกทำตนเป็นเหยี่ยวและแปรสภาพเป็นนกพิราบกันได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม อาเซียน สามารถเล่นบทบาทนี้ได้เพียงแต่ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ จะต้องมาพูดจากันก่อน ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ณ วันนี้ อาเซียนยังขาดนักการเมืองที่คิดเห็นเรื่องส่วนรวมของอาเซียน ซึ่งลดทอนบทบาทที่อาเซียนจะช่วยจรรโลงโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี