ได้มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ 200 สว.หรือสมาชิกวุฒิสภาสายพันธุ์ใหม่..พร้อมกับตัวสำรองที่ต้องนั่งรอขอบสนามอีก 100 คน
การเลือก สว.ด้วยการเลือกกันเองตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับที่ใช้ในปัจจุบันนี้ โกลาหลชุลมุนชุลเกมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ด้วยเหตุที่วิธีการเลือก สว.แบบนี้ เป็นกติกาใหม่ และไม่มีประเทศใดบนโลกใบนี้เคยทำมาก่อน
เป็นกติกาที่ถูกออกแบบโดยกระบวนท่าของนายมีชัย ฤชุพันธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เป็นกติกาที่คิดค้นออกแบบมาเพื่อต้องการสยบ“วิชามาร”ของบรรดาบ้านใหญ่และพรรคการเมืองใหญ่ๆ อันเป็นการถอดบทเรียนจากในอตีต เมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้ง สว.ซึ่งมาจากประชาชนโดยตรงจำนวน 200 คนในปี 2543 ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2540 แล้วได้“สภาผัว-สภาเมีย”เข้ามาผูกขาดรัฐสภา
แต่อย่างไรก็ดี กติกาที่ออกแบบโดยนายมีชัย ฤชุพันธ์ ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าวนั้น เอาเข้าจริงก็เข้าอีหรอบเดิม ซึ่งไม่เพียงแต่ กกต.ในฐานะผู้จัดการและผู้ควบคุมการลือกตั้ง จะ“งวยงง-มึนตึ๊บ-มั่วนิ่ม”และอีกสารพัดของความสิ้นท่า ในการที่จะจัดการและควบคุมการเลือกตั้งให้อยู่ในร่องในรอยได้แล้ว มารก็คือมาร คนที่มีสันดานขี้โกงก็คือคนขี้โกง-ประเภท“เป้าหมายมีไว้พุ่งชน” จึงทำให้เกิดข้อกังขา—ทั้งฮั้วทั้งจัดตั้งทั้งซื้อทั้งบล็อกโหวต
ข้อกังขาที่ว่านั้น เรียกว่าเริ่มกันตั้งแต่มีการคัดเลือกรอบแรกระดับอำเภอใน 978 หน่วยทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา จากจำนวนผู้สมัคร 46,206 คนที่มาจาก 20 กลุ่มอาชีพ คัดแล้วได้มา 23,645 คน จนมาถึงการคัดเลือกรอบสุดท้ายระดับชาติที่“อิมแพค ฟอรั่ม-เมืองทองธานี”เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนเมื่อวานนี้ โดยเลือกจากผู้ที่เข้ารอบมาจากระดับจังหวัด 3 พันคน เหลือ สว.ตัวจริงที่ได้รับเลือก 200 คน และตัวสำรองอีก 100 คน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สมัคร สว.ทั้งหมดนั้น ที่โดดเด่นส่องแสงสกาวแวววาว ก็คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น“สามีเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์”บ้านใหญ่ตัวจริงเสียงจริงแห่งพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่..นายสมชายถือว่าเป็น“เต็งหาม”แบบนอนมานับตั้งแต่วันแรกที่ไปลงสมัครในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
แต่สุดท้ายนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็มีอันต้องตกสวรรค์ มิอาจฝ่าด่านเข้าไปเป็น สว.ได้ โดยได้คะแนนเพียงแค่ 10 คะแนนจากการเลือกไขว้ในรอบสุดท้าย ซึ่งแม้แต่เป็นตัวสำรองของกลุ่ม 1 คือ“กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง”ที่นายสมชายลงสมัครในกลุ่มนี้ นายสมชายก็ยังไม่ได้เพราะแพ้คะแนนคนที่ได้รับเลือกเป็นตัวสำรองของกลุ่มที่มีทั้งหมด 5 คน ทำให้เจ้าตัวต้องรีบเดินทางออกจากสถานที่เลือกตั้งในช่วงชุลมุนในช่วงดึกของเมื่อคืนนี้ (26 มิถุนายน)
นับว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งปีนี้มีอายุ 75 ปี เป็นคนบุญน้อยวาสนาอับ ทั้งที่เก้าอี้ ประธาน สว.รออยู่ข้างหน้าแค่เอื้อม เพราะแม้แต่เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดให้“ทักษิณ ชินวัตร” ในปี 2551 นายสมชายก็อยู่ในตำแหน่งได้เพียงแค่ 75 วันเท่านั้น และช่วงเวลาที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย นายสมชายก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ในทำเนียบรัฐบาล
ย้อนไปดูปูมหลังของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีโอกาสเข้ามาสู่แวดวงการเมืองจนกระทั่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ได้ จะเรียกว่าเพราะภรรรยาคือ“นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์”จัดให้ และได้รับแรงสนับสนุนจากนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ“พี่เมีย”ก็คงจะไม่ผิดนัก
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พื้นเพเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษากระทรวงยุติธรรมในปี 2517 หลังเรียนจบจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2513, ปี 2519 ย้ายออกจากระทรวงยุติธรรมไปเป็นผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่, ปี 2520 ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ และในช่วงที่เป็นผู้พิพากษาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่นี้เอง จึงได้พบรักกับหญิงสาวที่ชื่อ“แดง-เยาวภา ชินวัตร”
ปี 2526 ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย, ปี 2529 มีตำแหน่งสูงขึ้น ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพังงา และถัดจากนั้นอีกหนึ่งปี ย้ายจากพังงาไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี ในปี 2531, เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนนทบุรี ปี 2532, เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาธนบุรี ปี 2533, เลื่อนขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ปี 2536 และก้าวขึ้นเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในปี 2540
ต่อมาในปี 2541 ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจากผู้พิพากษามาเป็นฝ่ายบริหารในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม-ฝ่ายวิชาการ และอีกหนึ่งปีถัดมาย้ายเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม-ฝ่ายบริหาร กระทั่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ในปี 2542
ในปี 2549 สมัยที่“พี่เมีย” คือ นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกย้ายข้ามฟากไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน ในวันที่ 8 มีนาคม 2549 ซึ่งถือว่าย้ายไปอยู่กระทรวงที่ใหญ่โตขึ้น เป็นการย้ายไปกินตำแหน่งนี้ก่อนที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยของ“พี่เมีย”จะถูก คมช.ยึดอำนาจแบบ“สายฟ้าแลบ”ในวันที่ 19 กันยายนปีเดียวกันนั้น
รัฐบาลพรรไทยรักไทย-ที่มี“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกคณะ คมช.ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าคณะในการทำรัฐประหารยึดอำนาจ ก็เนื่องจาก คมช. เห็นว่าการบริหาราชการแผ่นดินของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย นอกจากองค์กรอิสระจะถูกครอบงำ จนไม่สามรถสนองตอบเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ได้แล้ว รัฐบาลพรรคไทยรักไทยก็ยังสร้างปัญหาความขัดแย้งแตกแยกแบ่งฝ่ายในสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อีกประการหนึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็เคลือบแคลงสงสัยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล
เมื่อ“พี่เมีย”สิ้นอำนาจ..นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้ลาออกจากราชการในปี 2550 และกระโดดเข้ามาสู่เส้นทางการเมือง โดยเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่อวตารมาจากพรรคไทยรักไทย หลังจากพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค และปี 2551 นายสมชายก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ของรัฐบาล“หุ่นเชิด”-สมัคร สุนทรเวช ที่คนทั่วไปต่างรู้กันดีว่านายสมัครเป็น“นายกฯนอมินี”ของ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร
ในวันที่ 17 กันยาน 2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทนนายสมัคร สุนทรเวช หลังจากนายสมัครซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากตำแหน่งในข้อหามีการกระทำอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ-ว่าด้วยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จากการเป็นพิธีกรทางสถานีโทรทัศน์ในรายการ“ชิมไปบ่นไป”และรายการ“ยกโขยง 6 โมงเช้า” ซึ่งศาลวินิจฉัยว่า“เป็นลูกจ้างของเอกชนแห่งหนึ่ง”
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงนับได้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ของ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร อีกคนหนึ่ง และก็ไม่สามารถจะเข้าไปนั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้ โดยต้องไปอาศัยสนามบินดอนเมืองเป็น”ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว” เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยึดพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลประท้วงขับไล่รัฐบาล“หุ่นเชิด-สมัคร”และต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลนายสมชาย--ที่มีทักษิณเป็นผู้ชักใยเช่นเดียวกัน
อนึ่ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 อันเนื่องมาจากกรณีทุจริตการเลือกตั้งของยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเวลานั้นเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายสมชายต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนื่องจากเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จึงมีอันเป็นไปพร้อมกับการที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรคเช่นเดียวกัน
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เส้นทางการเมืองของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งเกือบจะได้เป็น สว.เพียงแค่เอื้อม และมีตำแหน่งประธาน สว.รออยู่ข้างหน้า ล้วนเป็นเส้นทางที่ถูกกำหนดและได้มาเพราะ“พี่เมียจัดให้” แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงดวงดาว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี