สหรัฐอเมริกาซึ่งให้ความสำคัญสูงสุดต่อเวียดนาม ด้านหุ้นส่วนยุทธ์ศาสตร์ อินโด-แปซิฟิก สนองตอบต่อกรณีประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน เยือนเวียดนามเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน โดยการยืนยันว่า วอชิงตันยังคงแสวงหาความสัมพันธ์แนบแน่นกับฮานอยเพื่อต่อต้านจีนคู่ปรับสำคัญ
สำนักข่าวเอพี รายงานว่าหนึ่งวันหลังทำข้อตกลงความมั่นคงร่วมกันกับเกาหลีเหนือ ปูตินได้รับเกียรติสูงสุด ในฐานะประมุขรัฐ เมื่อเวียดนาม ยิงสลุต 21 นัด ต้อนรับในฮานอย ที่ปูตินกล่าวว่า “เขาต้องการ สร้างสถาปัตย์ความมั่นคงที่ไว้ใจได้ในภูมิภาคนี้”
การเยือนสองประเทศในเอเชีย ถูกมองว่าเป็นการท้าทายมาตรการแซงก์ชั่นของสหรัฐและตะวันตก เมื่อเวียดนามต้อนรับเขาอย่างยิ่งใหญ่ทำให้วอชิงตันควันออกหูกล่าวว่าผู้นำรัสเซียไม่ควรได้รับโอกาสบนเวทีไหนที่ใช้ปกป้องการสงครามรุกรานยูเครน
โฆษกที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว จอห์น เคอร์บี้ ถูกสื่อมวลชนถามว่า ปูตินไปขอให้เวียดนามสนับสนุนสงครามในยูเครนหรือไม่ และวอชิงตันคิดว่าฮานอยยังยึดมั่นหลักการยูเอนในประเด็นที่เคารพบูรณภาพแห่งดินแดนไหม?
เคอร์บี้ เน้นว่า “สหรัฐยกระดับความสัมพันธ์กับเวียดนามเมื่อปีกลาย เราโฟกัสที่ความสัมพันธ์แนบแน่นในวงกว้างและทำให้ดีขึ้นในสิ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค” และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นวอชิงตันประกาศว่าจะส่ง แดเนียล คริเตนบริ่งนักการทูตระดับสูงสำหรับเอเชียตะวันออก ไปเวียดนามวันศุกร์และวันเสาร์เพื่อไปยืนยันว่า วอชิงตันยังยึดมั่นในหลักการ “ฟรีและเปิดกว้างในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก”
สหรัฐซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของเวียดนามที่กระทรวงต่างประเทศระบุว่าคริเตนบริ่ง จะเน้นย้ำ “การสนับสนุนอย่างมั่นคงในความเป็นอิสระ ยืดหยุ่นและเน้นย้ำถึงการยึดมั่นของสหรัฐในการปฏิบัติจริงประเด็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ครอบคลุมของสหรัฐ-เวียดนาม”
รัสเซียกับเวียดนาม ได้ลงนามในข้อตกลงต่างๆ รวมทั้งด้านพลังงาน เน้นย้ำถึงความพยายามปักหมุดเอเชีย หลังจากสหรัฐและตะวันตกแซงชั่นรัสเซียพยายามกดดันให้รัสเซียโดดเดี่ยว จากนานาชาติจากประเด็นขัดแย้งในยูเครน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สหรัฐกังวลเรื่องที่เวียดนามต้อนรับปูตินอย่างยิ่งใหญ่ แต่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า ทางฮานอยดีดลูกคิดรางแก้วแล้วเชื่อว่าการให้ความสำคัญกับรัสเซียจะไม่กระทบความสัมพันธ์กับสหรัฐมากนัก ด้วยความเชื่อที่ว่า สหรัฐยังต้องพึ่งพาความสัมพันธ์กับเวียดนามในการเผชิญหน้ากับคู่ปรับจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และนโยบายไผ่ลู่ลมของเวียดนามทำให้มหาอำนาจที่ขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้ง สหรัฐ จีน และรัสเซีย ยังให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับเวียดนาม ปี 2013 นายเหวียนฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้มีโอกาสต้อนรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง บางที ปูติน อาจเป็นหนึ่งในความพลิ้วของไผ่ลู่ลมเวียดนามถึงเชิญผู้นำรัสเซียที่สหรัฐพยายามโดดเดี่ยวมาเยือน
“อย่างไรก็ตาม ฮานอยยังต้องคอยดูการตัดสินใจสำคัญของสหรัฐที่จะมีขึ้นวันที่ 26 ก.ค.ว่าจะยกระดับสถานะตลาดเศรษฐกิจกับเวียดนามหรือไม่”อเล็กซานเดอร์ วูวิ่ง ผู้เชี่ยวชาญเวียดนามและเอเชียแห่งศูนย์เอเชีย-แปซิฟิกศึกษา กล่าวว่า การต้อนรับปูตินถ้าจะมีกระทบบ้างอาจเป็นทางด้านการค้าเนื่องจากสหรัฐมักใช้สิทธิพิเศษทางการค้าเป็นเงื่อนไขการต่อรอง..
“ผมคิดว่า การเยือนของปูตินทำให้เวียดนามไว้ใจได้น้อยลงในสายตาของสหรัฐ มันอาจมีผลทางในการตัดสินใจของอเมริกา” เขากล่าว และอธิบายว่าการยกระดับการค้าที่ฮานอยใฝ่หาอาจถูกต่อต้านโดยผู้ผลิตในเหล็กอเมริกา ผู้ผลิตกุ้งสดในอ่าวไทย และผู้ผลิตน้ำผึ้ง เวียดนามอาจกระทบหากสหรัฐใช้มาตรการทางการค้า
ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์รัฐมนตรีคลัง เจเน็ต เยลเลน ไม่ได้ตอบคำถามที่ว่า ความสัมพันธ์ที่แน่นขึ้นของเวียดนามกับรัสเซียจะกระทบต่อการตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์ในการยกระดับการค้ากับเวียดนามหรือไม่ เธอกล่าวว่า วอชิงตันกับเวียดนามมีความพยายามร่วมกันหลากหลาย ด้านซัพพลายเชนและลดการพึ่งพาจากจีน เธอกล่าวเสริมว่า การยกระดับหุ้นส่วนไม่จำเป็นให้เวียดนามตัดความสัมพันธ์กับจีนหรือรัสเซีย และเวียดนามมีนโยบายทำงานร่วมกันหลากหลายกับหลายประเทศ
กระทรวงการคลังซึ่งจัดให้เวียดนามอยู่ในบัญชีต้องจับตาพิเศษประเด็นปฏิบัติการทางการเงิน กล่าวว่า พึงพอใจในความคืบหน้าของเวียดนามและยังคงประสานงานกับธนาคารกลางอย่างใกล้ชิดในการรายงานกึ่งทางการของตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า เวียดนามซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนในสี่ไตรมาสตลอดปี 2023 มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.5% ของ จีดีพีต่ำกว่า 2% เส้นแบ่งสำหรับการกำหนดค่าเงิน กระทรวงการคลัง แถลงด้วยว่า สถิติการค้าทวิภาคีกับสหรัฐเวียดนามได้ดุลการค้า 103 พันล้านดอลลาร์
เป็นธรรมชาติของสหรัฐที่มักใช้สิทธิพิเศษทางการค้าเป็นเงื่อนไขในการกดดันให้ประเทศกำลังพัฒนาเลือกข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนามที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ 103 พันล้านดอลลาร์ อาจเป็นเงื่อนให้วอชิงตันกดดันให้เลือกข้าง แต่หากมองจากสถานการณ์เป็นจริงในปัจจุบันจะพบว่า มาตรการแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจการค้าและการเมืองที่สหรัฐใช้กับรัสเซีย แทบไม่ได้ผลในทางปฏิบัติ
ในยุคที่สหรัฐ ไม่ได้เป็นมหาอำนาจโลกเพียงชาติเดียว ประเทศต่างๆ มีทางเลือกเศรษฐกิจหลากหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานาธิบดีปูตินประธานกลุ่ม Brics ที่กำลังเติบใหญ่เกินความสามารถของอเมริกาและตะวันตกจะโดดเดี่ยวรัสเซียได้ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและความมั่นคง
ประธานาธิบดีปูตินเยือนเกาหลีเหนือ และเวียดนาม เป็นสัญญาณชัยชนะทางทูตต่ออเมริกานั้น เป็นเพียงภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ออกมาให้นานาชาติเห็นว่า มาตรการของอเมริกาใช้ไม่ได้ในยุคที่มีมหาอำนาจหลายขั้ว นอกจากเกาหลีเหนือ กับ เวียดนามแล้ว ยังมีอีกกว่า 40 ประเทศสมาชิก และชาติต่างๆที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ ที่พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายทางเศรษฐกิจ การค้า การเมือง และความมั่นคงกับรัสเซีย
ในเดือนต.ค. 2024 รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมสุดยอด Brics ประจำปีที่เมืองคาซาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวว่า เขาจะใช้การดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มบริกส์ในครั้งนี้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์3 ประการคือ
• เพิ่มบทบาทของกลุ่มบริกส์ในเวทีการเงินระหว่างประเทศ
• พัฒนาความร่วมมือระหว่างภาคธนาคารและขยายการใช้เงินสกุลท้องถิ่นของสมาชิกกลุ่มบริกส์
• ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านสรรพากร (ภาษี) และศุลกากร
ปี 2549 การรวมตัวอย่างไม่เป็นทางการของ 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) และจีน (China) 4 ประเทศ ซึ่งเป็นเจ้าของตัวย่อของชื่อกลุ่ม BRIC ในปี 2553 ประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) เข้าร่วมจึงมีตัว S เติมเข้าไป จากนั้นเมื่อต้นปี 2567 อียิปต์ เอธิโอเปีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และอิหร่าน ได้รับการตอบรับเข้าร่วมกลุ่มเพิ่มเติม ทำให้ปัจจุบันกลุ่ม BRICS มีสมาชิกรวม 10 ประเทศและในปัจจุบันมีประเทศต่างๆ ต้องการเข้าร่วมกลุ่มมากกว่า40 ประเทศ
ดังนั้นในเดือนตุลาคมนี้จะมีเครือข่ายบริกส์ หลายสิบประเทศเดินทางไปร่วมประชุมกับ ปูติน ซึ่งสวนทางกับความพยายามโดดเดี่ยว ปูติน ของสหรัฐและตะวันตก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี