หลังจากศิริกัญญา ตันสกุล สส. พรรคก้าวไกล ให้ข่าวว่าเอกสารของบประมาณฯ วงเงินกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต มีเพียงแค่หนึ่งหน้ากระดาษเท่านั้น แถมในหนึ่งหน้านั้นยังมีข้อความเพียงไม่กี่บรรทัด
ต้องย้ำว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต คือนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่พรรคฯ เคยหาเสียงไว้ และยังพยายามผลักดันโครงการนี้มาโดยตลอด แล้วเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาลชุดปัจจุบันก็อ้างว่านี่คือนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยประกาศว่าเป็นนโยบายของพรรคตนเอง
เป็นเรื่องประหลาดมากที่การขอเงินงบประมาณแผ่นดินมูลค่ากว่าแสนล้านบาท แต่กลับมีข้อความเพื่อใช้ประกอบการขอเพียงไม่กี่บรรทัดเท่านั้น เรื่องแบบนี้สะท้อนได้ว่า การของบประมาณแผ่นดินในการประชุมของคณะกรรมาธิการพิจารณางบฯ ชุุดต่างๆ พิจารณา
แต่พฤติกรรมและความจริงตามมุมมองของศิริกัญญาที่เปิดเผยเรื่องนี้ นับเป็นเรื่องที่ดูแล้วไม่ต่างจากการเล่นขายของ เพราะแค่เพียงส่งกระดาษที่แทบจะเป็นกระดาษเปล่า แต่ก็สามารถได้เงินจำนวนมหาศาลไปใช้ แต่ทว่านำเงินของแผ่นดินไปถลุงได้สบายอุรา แต่คนถลุงงบฯคือนักการเมืองจอมถลุง ทั้งนี้ ศิริกัญญาบอกด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องดิจิทัล วอลเล็ต เท่านั้น แต่งบฯ สำหรับ soft power (ที่อยู่ในกำมือของแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย) ก็มีสภาพการขอใช้งบฯ ไม่ต่างจากการส่งเอกสารของบฯเพื่อ digital wallet
ศิริกัญญาอ้างว่าเจอเอกสารของบฯ แบบนี้คือมีเอกสารเพียงใบเดียว หรือเขียนไม่กี่บรรทัด แต่ของบฯ จำนวนหลายพันหลายหมื่นล้านบาทมาโดยประจำ
สำหรับเอกสารของบฯ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังยื่นเสนอต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณางบฯ ดิจิทัล วอลเล็ต จำนวนประมาณ 1 แสน 2 หมื่น 5 พัน 7 ร้อยล้านบาท ย้ำว่า ของบฯ กว่าแสนล้านบาท ด้วยกระดาษเพียงใบเดียว และต้องย้ำว่า ศิริกัญญาบอกด้วยว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการทักท้วงเช่นนี้จะทำให้การของบฯต้องจบลง หรือยุติลง เพราะเจ้าของเรื่องที่ต้องการงบฯ ยังไม่ยุติเรื่องแจกเงินผ่านโครงการดิจิทัล วอลเล็ต
ก่อนอื่นต้องขอย้ำว่า งบประมาณแผ่นดินหมายถึง แผนงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล และการจัดหารายรับให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาลในรอบระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งโดยปกติมีระยะเวลา 1 ปี เพราะฉะนั้น จึงได้ชื่อว่า งบประมาณแผ่นดินประจำปี โดยงบฯ นี้จะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป โดยมีสำนักงบประมาณแผ่นดินเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบจัดทำงบประมาณแผ่นดิน และนำเสนอเพื่อพิจารณาตามกระบวนการ เมื่อผ่านการอนุมัติแล้ว จึงตราเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อใช้เป็นกรอบข้อบังคับต่อไป
ย้อนกลับไปที่เรื่องงบฯ ดิจิทัล วอลเล็ตศิริกัญญาอ้างด้วยว่าจนถึงบัดนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นเจ้าภาพการใช้งบเพื่อโครงการดิจิทัล วอลเล็ต
ถามว่างบฯ ดิจิทัล วอลเล็ต ทั้งหมดกว่า 5 แสนล้านบาท แต่ยังไม่มีเจ้าภาพชัดๆ ว่าหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพใช้งบฯ ก้อนมหึมาก้อนนี้ แต่รู้มาโดยตลอดว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต มาจากพรรคเพื่อไทย
การที่ไม่มีเจ้าภาพชัดเจนว่าหน่วยงานรัฐบาลหน่วยใดเป็นเจ้าของงบฯ ดิจิทัล วอลเล็ต โดยผลักดันงบฯ ก้อนนี้ไปไว้ที่งบฯ กลาง โดยไม่มีหน่วยงานชัดๆ รับผิดชอบ
โครงการใหญ่ระดับ 5 แสนล้านบาท แต่ไม่มีหน่วยงานประกาศตัวเป็นเจ้าภาพชัดเจน ประเด็นนี้ทำให้ถูกถามว่านี่คือการเบี่ยงประเด็นในกรณีที่โครงการนี้
มีปัญหา หรือเกิดเหตุทุจริตใดๆ ขึ้นมาในอนาคตใช่หรือไม่
การทำโครงการใหญ่หลายแสนล้านบาท แต่ไม่มีเจ้าภาพหลักๆ ไม่มีเจ้าภาพชัดเจน แบบนี้หมายความว่าจะใช้เป็นลู่ทางเพื่อหนีความรับผิดชอบโครงการ
ในกรณีที่เกิดการทุจริตในโครงการ ใช่หรือไม่
มีคำถามว่า เหตุใดรัฐบาลไม่ระบุตัวเจ้าภาพดูแลงบฯ ก้อนมหาศาลก้อนนี้ให้ชัด เป็นเพราะตั้งใจจะทุจริตใช่หรือไม่ แล้วทำไมสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังจึงเป็นผู้เสนอของบฯ ก้อนนี้ แต่สุดท้าย ตัวแทนสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังกลับบอกว่าหน่วยงานของตนไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบงบฯ ก้อนนี้
ตามปกติ มักจะมีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นผู้ของบฯ ก้อนมหึมา เพราะหน่วยงานนั้นจะได้เป็นผู้ควบคุมงบฯ แล้วก็อาจจะได้ผลประโยชน์บางประการจากงบฯ ก้อนโตก้อนนั้น แต่สำหรับงบฯ 5 แสนล้านบาท สำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต กลับเป็นงบฯ ที่ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าการที่ไม่มีผู้รับผิดชอบตรงๆ เป็นเพราะว่า หน่วยงานกลัวว่าต้องรับผิดชอบในเวลาที่เกิดเหตุทุจริต ใช่หรือไม่ เพราะหากประกาศตัวเป็นเจ้าภาพตรงๆ ก็ต้องรับผิดชอบเหตุทุจริตโดยไม่มีทางปฏิเสธ
น่าประหลาดใจมาก ตรงที่การขอใช้งบฯ เป็นแสนๆ ล้านบาท แต่ผู้ขอใช้งบฯ กลับส่งเอกสารประกอบเพียงแผ่นเดียว แต่เมื่อเราเปรียบเทียบกับการยื่นขอกู้เงินจากธนาคาร ไม่ว่าธนาคารใดก็ตาม เราจำเป็นต้องส่งเอกสารประกอบเป็นเล่มๆ เป็นแฟ้ม หรือเป็นลัง แล้วต้องอธิบายประกอบการขอกู้ให้ชัดเจน จนกว่าธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้ แต่การของบฯ เพื่อดิจิทัล วอลเล็ต กลับกลายเป็นการของบฯ โดยใช้กระดาษเพียงแค่แผ่นเดียว เรื่องแบบนี้จะเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าประหลาดสุดประหลาด และยังถูกวิจารณ์อีกว่า อาจจะมีเงื่อนงำเรื่องทุจริตตามมาด้วย
ขอปิดท้ายด้วยกระบวนการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี มีขั้นตอนสำคัญดังนี้
1 การพิจารณาโดยสภาผู้แทนราษฎร ที่จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน นับตั้งแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติถูกส่งไปถึงสภาผู้แทนราษฎรแต่ถ้าไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด โดยมีวาระการพิจารณา 3 วาระ คือ
วาระที่ 1 วาระพิจารณาหลักการ : การรับหรือไม่รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยมีรายละเอียดการใช้จ่ายต่างๆ ตามเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่เสนอแนบมาด้วย ถ้าวาระที่พิจารณาแล้วไม่รับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ เป็นอันตกไปเมื่อพิจารณาแล้วรับหลักการก็จะนำเข้าสู่วาระที่สอง
วาระที่ 2 ขั้นกรรมาธิการ : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการอีกมิได้ แต่อาจแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่ายได้ แต่ต้องมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพัน ดังนี้
1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้
2) ดอกเบี้ยเงินกู้
3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย
วาระที่ 3 เป็นวาระพิจารณารับร่างพระราชบัญญัติทั้งฉบับ : เมื่อการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีในวาระสองผ่านไปแล้ว ในการพิจารณาในวาระที่ 3 จะเป็นการพิจารณารับหรือไม่รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งฉบับ เมื่อพิจารณาแล้วไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณเป็นอันตกไป หากสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จะนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี