ถามแบบไม่อ้อมค้อมว่า ทุกวันนี้คุณยังมีเงินใช้เพียงพอกับการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือไม่คุณต้องกู้หนี้ยืมสิน หรือไม่ หรือคุณต้องขายของเก่าเพื่อนำเงินไปเลี้ยงชีวิต หรือไม่ หากตอบทุกคำถามข้างต้นว่า ไม่ต้อง ก็นับว่าคุณเป็นคนโชคดีมากคนหนึ่งในสังคมไทยยุคปัจจุบัน
แน่นอนว่า ยังมีคนรวย (ล้นฟ้า) อีกจำนวนไม่น้อยในเมืองไทย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนจนชนิดที่ว่าจนแบบไม่มีอะไรกิน และไม่ใช่แค่ไม่มีกินแค่เพียงวันเดียว แต่ไม่มีจะกินมาหลายวันแล้ว คนที่อยู่ในกลุ่มคนยากจนนี้ยังมีอีกมากมาย ซึ่งมากกว่าคนรวยล้นฟ้า
ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เศรษฐกิจไทยมีปัญหาหนัก ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยในวันนี้ไม่สามารถสร้างสินค้าอุตสาหกรรมที่ตลาดโลกต้องการได้ แม้เราจะยังคงเป็นประเทศที่สามารถผลิตสินค้าเกษตรได้ในระดับที่ค่อนข้างดีก็ตาม แต่คนผลิตสินค้าเกษตรก็ถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ และถูกสูบเลือดสูบเนื้อตลอดเวลา ทำไปก็เท่ากับช่วยส่งเสริมให้พ่อค้าคนกลางร่ำรวยมากยิ่งๆ ขึ้นไป แต่เกษตรกรกลับยากจนลง และมีหนี้สินท่วมหัวท่วมหู
ย้อนหลังไป 30 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกยอมรับว่ามีเสน่ห์ในสายตาของชาวโลกมาก เพราะสามารถผลิตสินค้าสำคัญหลายชนิดป้อนตลาดโลกได้ เช่น การผลิต (ประกอบ) รถยนต์ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว เนื่องจากไทยไม่ได้เป็นเจ้าสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แล้วที่สำคัญคือไทยก็ไม่ใช่แหล่งผลิตสินค้า IT (Information Technology) ชั้นสูงที่ตลาดโลกต้องการ
เมื่อไปดูตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนของไทยก็พบว่าสูงมากจนน่าจะเข้าขั้นวิกฤต แล้วยังมีแนวโน้มว่าจะเกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตามมาในอนาคต ดังจะพบว่าในปัจจุบันมีอัตราการขาดส่งค่างวดเช่าซื้อรถยนต์ และบ้าน คอนโดมิเนียม เป็นระยะเวลาหลายเดือนเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ทำให้เกิดปัญหารถยนต์ถูกยึด บ้านถูกยึดในอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คนชั้นกลางและคนชั้นล่างของสังคมไทยประสบปัญหาขาดกำลังซื้อ แถมยังมีมูลหนี้เพิ่มสูงขึ้น จนทำให้เกิดคำถามว่าหากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ จะทำให้สังคมไทยเต็มไปด้วยคนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่แล้วปัญหานี้จะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจคล้ายๆช่วงที่ไทยเกิดปัญหาเศรษฐกิจแบบต้มยำกุ้งในปี 2540 หรือไม่
ย้อนหลังไปวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ในวันนั้นประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท แล้วขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ช่วงเวลาแห่งวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในครั้งนั้นส่งผลลบร้ายแรงต่อประเทศไทยและประเทศอื่นๆ หลายประเทศในเอเชีย จนถูกเรียกว่าวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง
อย่างไรก็ตาม วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีมูลเหตุหลายอย่างแตกต่างไปจากวิกฤตต้มยำกุ้ง โดยเฉพาะในครั้งนี้ไม่มีวิกฤตที่เกิดกับสถาบันการเงิน และไม่มีหนี้สินต่างประเทศจำนวนมหาศาล แต่ทว่า ปัญหาในครั้งนี้คือ คนระดับล่าง ที่เรียกกันว่ารากหญ้าไม่มีจะกินอีกแล้ว ขอย้ำว่าคนระดับรากหญ้าบอกเองว่าไม่มีจะกินอีกแล้ว
เมื่อคนระดับล่างและกลางของสังคมไทย ซึ่งเป็นคนส่วนมากของสังคมไทยบอกว่าความเป็นอยู่ลำบาก อัตคัดขัดสน จนถึงกับคนกลุ่มล่างระบุว่าไม่มีจะกินอีกแล้ว นี่คือปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่รอวัดสติปัญญาและความสามารถของรัฐบาลว่าจะแก้ไขให้ลุล่วงไปได้หรือไม่ หากแก้ไขได้ เศรษฐกิจไทยก็คงไม่ถึงกับเข้าสู่สภาพเผาจริง แต่หากแก้ไขไม่ได้ ก็หมายความว่าความวิบัติจะบังเกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างแน่นอน
ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไข เป็นเครื่องวัดระดับสติปัญญา และความสามารถของรัฐบาลโดยแท้ หากรัฐบาลแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ก็หมายความว่ารัฐบาลมีส่วนทำให้ประเทศตกนรกขุมต่ำสุด แล้วปรากฏการณ์นี้ก็เป็นเครื่องประจานว่ารัฐบาลไร้ปัญญา ไร้ฝีมือบริหารประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี