จากนายตำรวจผู้กล้าประกาศต่อโลก หลังเดินทางไปให้นักโทษหลบหนีคุกและหมายจับอีกหลายใบ ประดับยศให้ถึงประเทศญี่ปุ่น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ก็นำรูป “นายทักษิณ ชินวัตร” กำลังประดับยศบนบ่าของตน มาติดในห้องทำงานของตน และคนไปเห็นข้อความแห่งความภาคภูมิใจด้วยว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้”
มาถึงวันที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปนั่งกินข้าวกับ“8 บ้านใหญ่” เมืองปทุม พร้อมกับเสียงแว่วจากวงข้างๆด้วยคำพูดสะท้านใจว่า “ผมไม่รู้จักแจ๊ส” พร้อมๆ กับการขึ้นเวทีงานบวชที่ธัญบุรี ปลุกคนเสื้อแดงปทุมธานีว่า “ผมกลับมาแล้ว คนเสื้อแดงก็กลับมาได้แล้ว”
ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. ปทุมธานี บิ๊กแจ๊ส-คำรณวิทย์พ่ายแพ้ให้แก่ “ชาญ พวงเพ็ชร์” ที่กลับมาสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย มี 8 บ้านใหญ่ และนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณหนุนหลังไปเพียง 1,000 กว่าคะแนน
คิดดูเอาเถอะ ขนาดใช้บารมีทักษิณ ขนาดใช้การรวมหัวกันของ 8 บ้านใหญ่ “พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้” ที่เป็น “อัลไซเมอร์ทางการเมือง” ลืม “น้องแจ๊ส” เสียแล้ว ยังเกือบโค่นแจ๊สไม่ลงในทางการเมืองระดับนายก อบจ. 1,000 คะแนน ที่ชนะกัน นับว่า “ไม่มาก”
1) ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย กล่าวถึงผลการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ว่า ผลที่ออกมาสะท้อนว่า เป็นเรื่องการเมืองที่ไม่มีมิตรแท้ หรือศัตรูที่ถาวร ไว้ใจกันไม่ได้เลย เมื่อดูกรณีนายทักษิณ ที่บอกว่า ไม่รู้จัก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ธูปกระจ่าง แล้ว ความจริงเกิดอะไรขึ้น ทีแรกสนับสนุนกันมา แต่ไปสนับสนุนอีกคนหนึ่ง ถือว่ามีบริบทเชื่อมโยงกันมากมาย จึงต้องบอกว่า การเมืองไว้ใจไม่ได้
ตนไม่รู้ว่าชาวปทุมธานีจะคิดอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่าเหตุใดจึงไม่นับคะแนนใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าท้ายที่สุดผลการนับคะแนนจะไปลงที่ใคร หรืออาจจะเป็นไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ คือว่าไม่ได้มีใครดีไปกว่ากัน
ทั้งสองฝ่ายทั้งคนที่เรียกว่าลุงชาญ ทั้งคนที่เรียกว่าบิ๊กแจ๊สก็อาจจะพอๆ กัน ก็เลยกลายเป็นเรื่องเจือสม ไม่มีใครดีไปกว่าใคร สุดท้ายอาจจะสะท้อน อบจ.อื่นๆ อีก จะเป็นบริบทของการสู้กันลักษณะนี้ ประชาชนแทบไม่ได้อะไรเลย เป็นการสู้กันของผู้มีอำนาจ แล้วท้ายที่สุด ผู้มีอำนาจเหล่านั้นก็เข้าไปยึดโยงผลประโยชน์ในจังหวัด ซึ่งผลประโยชน์ในจังหวัดเหล่านั้นก็จะลงไปที่ อบต. ไปที่ระบบแล้วโยงกลับไปที่ระบบมหาดไทย คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ยึดกันกับ สส. และตอนนี้ยังมี สว. เข้ามาด้วย แบบนี้แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ซึ่งผลสะท้อนจากปทุมธานี จะเห็นได้เลยว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่า อำนาจเก่ากลับมาเรียกคะแนนคืนอย่างนี้ จะกลายเป็นโมเดลในหลายๆ พื้นที่ หรือจังหวัดที่เคยพลาดหรือไม่นายเจษฎ์ กล่าวว่า อำนาจเก่าหมายถึงนายทักษิณหรือไม่ส่วนตัวเห็นว่า สังคมปล่อยให้คนอย่างนายทักษิณออกฤทธิ์ออกเดชมากเกินไป
“สำหรับผมแล้ว สิ่งที่นายทักษิณทำ คือ การขัดพระบรมราชโองการ ไม่รับผิด ไม่รับโทษ และไม่ทำตนให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ถ้าเรายังปล่อยให้คุณทักษิณสามารถทำงานการเมืองแบบนี้ได้ บ้านเมืองเราลำบาก บ้านเมืองเราไปยาก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องช่วยกัน ไม่ให้มันเกิดผล ผมไม่รู้ชาวปทุมธานีคิดอย่างไร จริงๆ ชาวปทุมธานีได้เห็นแล้วว่า ทั้งคู่ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราว ทำไมท่านไม่ลงคะแนนไม่ประสงค์จะเลือกใคร แล้วไล่ทั้งสองคนออกไป แล้วไปหาคนใหม่ แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ ถูกไหมครับ ก็หวังว่าชาวจังหวัดอื่นๆ จะได้ตระหนักในเรื่องนี้ถ้าไม่มีคนดีพอ ท่านก็ไม่ประสงค์จะเลือกใคร แล้วกวาดคนเหล่านี้ออกไปทั้งหมด ก็จะเป็นหนทางที่ดีกว่า”
2) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงาน กล่าวว่าตนต้องขอแสดงความยินดีกับ นายชาญ พวงเพ็ชร์ หรือ ลุงชาญใจดี ที่ได้กลับมาเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี อีกครั้งหนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าพลิกโผไป ซึ่งความพ่ายแพ้ของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ธูปกระจ่าง หรือ บิ๊กแจ๊ส นั้น ไม่ใช่การแพ้พรรคเพื่อไทยแต่แพ้เพราะพรรคก้าวไกล ทั้งนี้แพ้ต่อลุงชาญ ใจดี ที่มีคะแนนความนิยมส่วนตัวอยู่แล้ว เห็นได้จากการที่นายชาญลงสมัครรับเลือกตั้งในนามอิสระ เมื่อปี 2562 ก็ได้คะแนนหลัก 2 แสนกว่าเช่นกัน
นายสามารถ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้บิ๊กแจ๊สแพ้ ก็เนื่องมาจากพรรคก้าวไกลไม่ได้สนับสนุนบิ๊กแจ๊สจริงๆอย่างที่ สส.หรือบรรดาคนของพรรคก้าวไกลออกมาเชียร์ให้ไปลงคะแนนให้กับบิ๊กแจ๊ส แต่ปรากฏว่าผลเลือกตั้งที่ออกมา พบว่า มีคนไม่ลงคะแนนเสียงถึง 32,885 คน ถ้าเอาแค่ 10 เปอร์เซ็นต์จากการโหวตโนไปลงคะแนนให้กับบิ๊กแจ๊สก็จะชนะแล้ว ตนจึงบอกว่า วันนี้เพื่อไทยไม่ได้ชนะ แต่แค่ก้าวไกลไม่ได้ช่วยบิ๊กแจ๊ส
“การที่บิ๊กแจ๊สลงในนามอิสระ ทำให้คนที่ สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) หรือพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ก็สามารถลงคะแนนให้ได้ แต่ปรากฏว่าทั้ง 2 พรรคก็มีคนของตัวเองลงรับสมัครแข่งด้วย ซึ่งผู้สมัครของ รทสช.ได้ 7,122 คะแนนของ พปชร. ได้ 16,983 คะแนน ถ้าทั้ง 2 คนนี้ไม่ลงมาดึงคะแนนไปเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์มาคะแนนให้บิ๊กแจ๊สก็จะไม่แพ้ แต่บิ๊กแจ๊สไม่ได้ทำการบ้าน เพราะคิดว่าก้าวไกลจะเทคะแนนให้“
นายสามารถ กล่าวต่อว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลล่าสุด ประชาชนก็ยังสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นอันดับ 1 อยู่ ซึ่งนายเศรษฐา ก็ยังตามนายพิธาอยู่ ได้คะแนนความนิยมเพียงแค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ตนบอกว่า กุนชือบิ๊กแจ๊สไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอ ถ้าผู้สมัครจาก 2 พรรคนั้นไม่ลงแข่ง มีเพียงแค่บิ๊กแจ๊สสู้กับนายชาญ บิ๊กแจ๊สชนะแน่นอน แต่พอโดนตัดคะแนน ตนไม่รู้ว่าผู้สมัคร 2 คนนี้เป็นคนของลุงชาญใจดีหรือไม่ มีการเทียบเคียงให้ 2 คนนี้ลงสมัครเพื่อตัดคะแนนบิ๊กแจ๊สหรือไม่ ซึ่งประเด็นตรงนี้บิ๊กแจ๊สอาจจะประมาทไป
“ผมขอย้ำว่าวันนี้บิ๊กแจ๊สไม่ได้แพ้พรรคเพื่อไทย นายชาญก็ไม่ได้จะชนะเพราะพรรคเพื่อไทย แต่ชนะเพราะคะแนนความนิยมส่วนตัว พร้อมกับการทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เพราะอย่าลืมว่าการเมืองท้องถิ่นการเลือกตั้งแพ้การจัดตั้ง เพราะอย่างเขตในเมือง หรือเช่นอำเภอธัญบุรี ที่เขาว่าเป็นหมู่บ้านจัดสรรเยอะบิ๊กแจ๊สชนะเยอะด้วย แต่เขตสามโคก คลองหลวง บิ๊กแจ๊สก็แพ้เยอะเหมือนกัน พอไปกลับทำให้บิ๊กแจ๊สแพ้ เพราะฉะนั้น บิ๊กแจ๊สแพ้เพราะก้าวไกลไม่ได้โหวตให้และการที่ไม่ได้ทำการบ้านบล็อกผู้สมัครจากพรรคตัวแปร ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ไม่น่าจะประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ เพราะถ้าเอาคะแนนไปเทียบกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้วคะแนนหายไปหลายหมื่นเลยทีเดียว”
3) อย่างไรก็ดี ลุงชาญใจดี อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะเมื่อวันที่14 มิถุนายน 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี “บิ๊กแจ๊ส” ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วัฒนาวงศ์จันทร์ ผู้ประสานงานผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. เนื่องจากมีผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี คาดว่าจะกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง
พล.ต.ต.วัฒนา พร้อมทีมกฎหมายได้มายื่นหนังสือร้องเรียนในนามภาคประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี พร้อมหลักฐานประกอบด้วย หนังสือร้องเรียน จำนวน 7 หน้า คลิปวีดีโอ จำนวน 7 คลิป และภาพถ่าย จำนวน 15 ภาพ เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากการจัดงานบวชที่นายทักษิณมาร่วมงานนั้น น่าจะมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานมายื่นร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบ
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กล่าวว่า ตนกำชับทีมงานทั้งหมดว่า ต้องอยู่ในกรอบของกฎกติกาที่ กกต.กำหนดตามกฎหมายการเลือกตั้ง แต่ทำไมฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีพรรคการเมืองหนุนหลัง เขาปฏิบัติตั้งแต่ก่อนการรับสมัคร วันรับสมัคร และหลังจากรับสมัคร มีการจัดงานมหรสพ มีการเอ่ยบนเวทีเบอร์หนึ่ง เบอร์หนึ่ง อะไรลักษณะนี้ เขาไม่เห็นเคารพกฎกติกาข้อบังคับของกฎหมาย กกต.ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งอยู่ในสายตาเลยหรือ
“ขอให้ระมัดระวังกันหน่อย บ้านเมืองมีกฎหมายอยู่ อย่าคิดว่าคุณอยู่เหนือกฎหมายทำอะไรก็ได้ ผมต้องการให้การเลือกตั้งทุกระดับมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบคู่แข่งขัน เมื่อดูแล้วมันมีเหตุที่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับในการเลือกตั้ง จึงมีความจำเป็นให้ทีมกฎหมายไปยื่นกับ กกต. ซึ่งพรรคการเมืองที่หนุนหลังก็ฝากไว้แล้วกัน อย่าทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎหมาย อาจจะนำพาไปสู่การยุบพรรคได้”
4) นอกจากนี้ ลุงชาญใจดี ก็ยังมี “แผลเก่า” ที่อักเสบขึ้นมาอีกหนึ่งแผล จนถึงขั้นที่หาก กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง ลุงชาญก็อาจต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ คือ ก่อนหน้านี้นายชาญ พวงเพ็ชร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี และพวก ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี 2555 ปัจจุบันศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้ว และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาฯ โดยเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา นายชาญ กับพวกได้เดินทางไปรายงานตัวเพื่อส่งฟ้องคดีทุจริตถุงยังชีพดังกล่าว พร้อมยื่นขอประกันตัว โดยใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว ก่อนที่ศาลจะนัดไต่สวนสืบคดีในครั้งต่อไป
วันเดียวกันอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ส่งหนังสือชี้แจงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีนายชาญ พวงเพ็ชร์ สมัครเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี และการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายชาญ หลังการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เป็นทางการแล้ว
โดย ประเด็นที่ 1 เรื่องการสมัครเป็นนายก อบจ.ของนายชาญ หลังถูกศาลอาญาฯ ประทับฟ้อง โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ คดีจึงยังไม่ถึงที่สุด และไม่ได้ถูกคุมขังโดยหมายศาล อีกทั้งไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น นายชาญจึงยังไม่มีลักษณะต้องห้าม และสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ได้
ส่วน ประเด็นที่ 2 ทำไมต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แม้ต่างกรรม ต่างวาระ เนื่องจากการที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้กระทำความผิดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี ในวาระก่อน และศาลอาญาฯ ได้ประทับฟ้องนายชาญเมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม แม้ต่อมาเมื่อนายชาญได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ในอีกวาระหนึ่ง นายชาญก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 81 และมาตรา 93 เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565
สรุป : เรื่องจึงยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก “พี่ทักษิณ” เผลอๆ อาจมีการเลือกตั้งใหม่ และหากลุกลามไปไกล พรรคการเมือง “บางพรรค” ที่น้องแจ๊สว่า อาจเจอปัญหาถึงขั้น “ยุบพรรค” เลยก็ได้ เหตุทั้งหมดมันเกิดเพราะ “พี่ไม่รู้จักแจ๊ส” ไง พี่ควรรู้จักแจ๊สนะครับ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี