ตอนที่พระยาพหลฯ ตกลงใจรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากนำคณะทหารเข้ายึดอำนาจซ้ำในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 นั้น ท่านได้แสดงเจตนาให้เป็นที่ทราบทั่วกันว่าท่านขอดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลประมาณ 10 ถึง 15 วันเท่านั้น ดังนั้นในวันที่ 2 กรกฎาคมท่านจึงได้มี หนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 แต่ปรากฏว่าในวันที่ 3 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชหัตถเลขาถึง พระยาพหลฯ ความว่า
“ตามหนังสือท่านลงวันที่ 2 เดือนนี้ขออนุญาตลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผลหลายประการนั้น ได้รับทราบแล้ว ข้าพเจ้าขอชี้แจงตอบดั่งต่อไปนี้
1.หนึ่งที่ท่านว่าหย่อนความรู้ในทางกฎหมายแก่การเมือง ไม่สันทัดเจนพอที่จะเป็นผู้นำประเทศชาติให้บรรลุผลอันดีนั้นหาใช่สำคัญแท้นักไม่ เพราะท่านได้มีที่ปรึกษาและรัฐมนตรีผู้ทรงวิทยาคุณในทางนี้ช่วยเหลือแนะนำอยู่แล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าคุณสมบัติอันสำคัญยิ่งของนายกรัฐมนตรีก็คือเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจของประชาชนพลเมือง และเป็นผู้ที่สามารถยึดเหนี่ยวน้ำใจคนทั้งหลายประสานสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ช่วยให้ราชการดำเนินไปด้วยดีปราศจากอุปสรรค เป็นประโยชน์ดีงามแก่ชาติบ้านเมือง ในเวลาบัดนี้จะหาผู้ใดนอกจากตัวท่านที่จะบริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติดั่งว่ามานี้ยากนัก
2.ที่ท่านว่าต้องทำหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก มีภารกิจต้องกระทำมากอยู่แล้ว เมื่อต้องมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง ทำให้มีภาระเพิ่มมากขึ้นนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นใจท่านอยู่ แต่เห็นว่าในทางทหารท่านมีผู้ช่วยที่มีความรู้ความชำนาญในวิชาทหารหลายคน พอจะแบ่งภาระของท่าน ไม่ถึงแก่เหลือบ่ากว่าแรงนัก
3.ที่ท่านวิตกว่าการที่มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบกจะทำให้คนทั้งหลายครหาได้ว่า ประเทศสยามปกครองโดยอำนาจทหารนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่ายังไม่ควรวิตก เพราะเวลานี้ยังไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดกล่าวหาหรือสงสัยไปในทางนั้นเลย แม้แต่พวกหนังสือพิมพ์ซึ่งถือว่าเป็นปากเสียงของประชาชน และซึ่งในเวลานี้มีอิสรภาพและเสรีภาพในการพูดยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ก็ไม่ปรากฏว่ามีเสียงระแวงในทางนี้เลย
4.ที่ท่านว่าได้กล่าวแก่ผู้แทนราษฎรในสภาและ หนังสือพิมพ์ว่า ท่านจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 10-15 วันนั้น ท่านได้มีหนังสือมาขอลาออกลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริงตามที่กล่าวไว้แล้ว เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าท่านจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปโดยคำขอร้องของข้าพเจ้า ก็ไม่เชื่อว่าท่านเสียสัตย์แต่อย่างใด
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ ข้าพเจ้าเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นอย่างใด ที่ท่านจะต้องลาออก จึงมีความเสียใจที่จะอนุญาตไม่ได้และเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ความเรียบร้อยของชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อไป”
ในวันเดียวกันนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชหัตถเลขา ไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร มีความตอนหนึ่งว่า
“ข้าพเจ้าจึงไม่ยอมรับลา และขอร้องให้คงรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อไป และขอบอกมาให้ท่านทราบด้วยหวังว่า สภาผู้แทนราษฎรจะมีความเห็นพ้องด้วยข้าพเจ้า และสนับสนุนคำขอร้องของข้าพเจ้านี้ด้วย”
ดังนั้น เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงได้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 เมื่อเปิดประชุม ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้อ่านพระราชหัตถเลขาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีมาถึงประธานสภา ให้ที่ประชุมได้ทราบ ได้มี
ผู้อภิปรายสนับสนุนพระยาพหลฯ และท้ายที่สุดได้มีมติให้ท่านเป็นนายกฯต่อไปด้วย
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี