ครับ ผมกำลังพูดถึง.....ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา (the Supreme Court of the United States) ที่ในระยะหลังๆ มานี้ คนอเมริกันเริ่มไม่ค่อยพอใจกับบทบาทการทำงานของสถาบันตุลาการสูงสุดแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่คำถามเรื่องหลักวิชาชีพนักกฎหมายในการตัดสินคดีความต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความไม่เป็นกลางของตัวผู้พิพากษา เรื่องการเมืองเข้าไปแทรกแซง เรื่อยไปจนถึงเรื่องการคอร์รัปชัน ซึ่งแน่นอนยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนในเรื่องหลังสุดนี้ แต่อย่างน้อยการที่ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าวก็ทำให้องค์กรแห่งนี้ต้องมีความมัวหมอง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ถกเถียงกันมานานคือ เรื่องระยะเวลาดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาของศาลสูงสุดสหรัฐ ซึ่งคนอเมริกันส่วนใหญ่ถึง 3 ใน 4 หรือประมาณ 75% ไม่เห็นด้วยกับการดำรงตำแหน่งตลอดชีวิตของผู้พิพากษาศาลสูงสุด
ศาลโรเบิร์ต หรือ “The Roberts Court” เป็นชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของ “ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา” (the Supreme Court of the United States) และที่เรียกว่า “The Roberts Court” ก็เพราะประธานศาลสูงสุดคนปัจจุบัน (Chief Justice of the United States) คือนาย JohnG. Roberts Jr. ผู้รับตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2548 ภายหลังการเสียชีวิตของนาย William H. Rehnquist (วิลเลี่ยมเรห์นควิสต์) ประธานศาลสูงสุดคนก่อนที่ดำรงตำแหน่งนี้นานถึง 19 ปี (2529-2548) เช่นกัน ศาลสูงสุดยุคที่นาย Rehnquist เป็นประธานก็ถูกเรียกว่า “TheRehnquist Court” ก่อนหน้านาย Rehnquistศาลสูงสุดสมัยนาย Warren E. Burger เป็นประธาน (2512-2529) ก็ถูกเรียกกว่า “The Burger Court” เป็นประเพณีเช่นนี้ย้อนไปได้เรื่อยๆ ตามชื่อประมุขสูงสุดฝ่ายตุลาการของสหรัฐในอดีต
เหตุที่คนอเมริกันเรียกศาลสูงสุดของเขาว่าศาลโรเบิร์ตหรือศาลเรห์นควิสต์ เป็นเพราะจะได้ง่ายแก่การจดจำทำความเข้าใจว่าบทบาทศาลสูงสุดสหรัฐ ในยุคที่นายเรห์นควิสต์หรือนายโรเบิร์ตเป็นประธานนั้นเป็นอย่างไร ตัดสินคดีสำคัญๆ อะไรไว้บ้าง เหตุผลในการให้คำพิพากษาของแต่ละคดีได้สร้างความประทับใจหรือทิ้งความค้างคาใจอะไรไว้บ้างกับอเมริกันชน รวมไปถึงได้สร้างข้อถกเถียงหรือเปิดประเด็นทางวิชาการใหม่ๆ ให้กับนักกฎหมายหรือนักอื่นๆ ไว้อย่างไรบ้าง...
สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายจอห์น โรเบิร์ตได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งประธานศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกาครบ 19 ปีหรือ 19 สมัย ระยะเวลานับหนึ่งปีการทำงานของประธานศาลสูงฯ จะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมแล้วไปสิ้นสุดประมาณปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นกรกฎาคมของปีถัดไป หลังจากนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิ้นกันยายนก็จะเป็นช่วงพักให้บรรดาเหล่าผู้พิพากษาในศาลสูงสุดได้ไปยืดเส้นยืดสาย พักผ่อนหัวสมองกันบ้างประมาณสามเดือน ก่อนที่จะมาเริ่มทำงานตัดสินคดีสำคัญๆ ระดับประเทศกันในเทอมต่อไป
ศาลโรเบิร์ตนั้นเป็นที่ถูกจับตาของคอการเมืองอเมริกันมาก เพราะตอนที่นายจอห์น โรเบิร์ต ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานศาลสูงสุด คนที่ 17 โดยประธานาธิบดีบุช เมื่อปี 2548 นั้น เขามีอายุเพียงแค่ 50 ปีเท่านั้นซึ่งถือว่าอายุน้อยมากและถ้านายโรเบิร์ตมีอายุยืนยาวถึง 85 ปี และไม่มีเหตุอื้อฉาวอันใดไปซะก่อน เขาก็จะกลายเป็นประธานศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกาที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดคือ 35 ปี เฉือนชนะนาย John Marshall ประธานศาลสูงสุดฯ คนที่ 4 ซึ่งนั่งในตำแหน่งนี้นานถึง 34 ปี ในช่วง พ.ศ. 2344 - 2378
รัฐธรรมนูญสหรัฐกำหนดให้ผู้พิพากษาศาลของรัฐบาลกลางมีระยะเวลาดำรงตำแหน่งตลอดชีวิต (life tenure) การดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาในระดับรัฐบาลกลางจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อตาย ลาออก เกษียณอายุโดยสมัครใจ หรือโดนถอดถอนเนื่องจากไปทำตัวชั่วร้าย มีเรื่องอื้อฉาวโผล่ขึ้นมา และที่ผ่านๆมาอดีตประธานศาลสูงสุดคนก่อนๆ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพหรือไปขึ้นบัลลังก์พิพากษาไม่ไหวจริงๆ แต่ละคนก็ต่างอยู่ในตำแหน่งนี้ไปจนสิ้นลมหายใจกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม การดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาในระดับรัฐบาลกลางสหรัฐจะแตกต่างกับผู้พิพากษาในระดับมลรัฐซึ่งทั้ง 50 รัฐก็มีวิธีอันได้มาซึ่งตัวผู้พิพากษาทั้งในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลสูงสุดที่ไม่เหมือนกัน ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งก็ต่างกันไปตามกฎหมายของแต่ละรัฐ
เรื่องต่อมาก็คือ องค์คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดชุดนี้อีก 8 คนหรือที่เรียกว่า Associate Justices หรือองค์คณะของศาลโรเบิร์ตที่ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะ Associate Justices 5 คนนั้นมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดีฝ่ายพรรครีพับลิกัน โดย 3 ใน 5 คนนี้ถูกตั้งแต่งโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดี ส่วนอีก 3 คนที่เหลือซึ่งเป็นสุภาพสตรีหมด แต่งตั้งโดยประธานาธิบดีฝ่ายพรรคเดโมแครต ผู้พิพากษาสุภาพสตรีทั้งสามคนนี้ล้วนมีภูมิหลังที่หลากหลาย มีทั้งอเมริกัน, ละติน-อเมริกัน และแอฟริกัน-อเมริกันซึ่งเป็นสุภาพสตรีผิวสีคนแรกใน “The Nine” (ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของผู้พิพากษาศาลสูงทั้ง 9 คน) และเนื่องด้วยทั้งสองพรรคนี้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนโดยฝ่ายรีพับลิกันนั้นมีความอนุรักษ์นิยมมากกว่าทางฝ่ายเดโมแครตที่จะออกแนวทางเสรีนิยม ดังนั้นกรอบคิดของ Associate Justices ที่มาจากทั้งสองพรรคก็จะมีจุดยืนในหลายๆที่ต่างกัน เช่น การทำแท้ง การครอบครองอาวุธปืนการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน อำนาจของรัฐบาลกลาง เหล่านี้ เป็นต้น
ในอดีตที่ผ่านมา ภาพที่ปรากฏออกสู่สายตาของอเมริกันชนนั้นก็คือความขัดแย้งด้านขั้วความคิดอันมีรากฐานจากการยึดถือค่านิยมหรือความคิดทางการเมืองที่ต่างกันขององค์คณะศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา เพียงแต่องค์คณะในอดีตได้พยายามหาจุดร่วมบางอย่าง สำหรับการลงมติการมีคำวินิจฉัยในคดีต่างๆ เพื่ออำพรางถึงความไม่ลงรอยทางความคิดเพื่อปกป้องตัวเองจากข้อครหาว่าไม่เป็นอิสระจากการเมือง ซึ่งถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่สุดสำหรับผู้พิพากษาศาลสูงสุดทุกคน
ในการพิจารณาคดีใดๆ นั้น แม้ว่าประธานศาลสูงสุดจะมีหนึ่งเสียงเท่ากับผู้พิพากษาคนอื่น แต่ก็มีบทบาทสำคัญและมีอิทธิพลต่อการพิจารณาคดีอยู่มาก เนื่องจากในทางปฏิบัติแล้วการเริ่มกระบวนการพิจารณาแต่ละคดี ประธานศาลสูงสุดจะเป็นผู้พูดคนแรกในการประชุมพิจารณาคดี ซึ่งในการแถลงเปิดคดีดังกล่าวนั้นก็จะเป็นการวางกรอบและประเด็นในการพิจารณาคดีนั้นๆ ไปด้วย
และวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลสูงสุดสหรัฐได้ตัดสินคดีระหว่าง ทรัมป์ กับ สหรัฐอเมริกา (Trump v. United States) โดยในคำพิพากษาตอนหนึ่งของนายจอห์น โรเบิร์ตได้เขียนออกมาโดยสรุปว่า.... ประธานาธิบดีสหรัฐมีเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการถูกดำเนินคดีอาญา ในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีในขอบเขตอำนาจตามรัฐธรรมนูญ(official acts) แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากเอกสิทธิ์ดังกล่าวในการกระทำใดๆ ก็ตาม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดี (unofficial acts หรือ private conduct).. ...
นับเป็นคำตัดสินครั้งที่ 3 ที่คำพิพากษาของศาลสูงสุดสหรัฐออกมาในเชิงเป็นคุณกับทรัมป์ ในคดีเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 และไม่เฉพาะศาลสูงสุดเท่านั้น วันอังคารถัดมา ผู้พิพากษาในคดีที่ทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิด 34 กระทง ในคดีปลอมแปลงเอกสารบันทึกทางธุรกิจโดยมีเจตนาฉ้อฉลเพื่อปกปิดอาชญากรรมอื่น ก็ประกาศขอเลื่อนประกาศการกำหนดโทษทรัมป์ในคดีดังกล่าวออกไปอีกจนถึงกลางเดือนกันยายน
เพราะภายหลังการดีเบตรอบแรกระหว่างทรัมป์ กับ ไบเดน ซึ่งใครก็ตามที่ได้ดู ก็จะเห็นถึงความชราภาพจนหมดสภาพอย่างสิ้นเชิงของผู้เฒ่าไบเดน วัย 81 ปี ผลของการดีเบตครั้งนี้ ทำให้ถนนทุกสายล้วนมุ่งไปที่ทรัมป์ ไม่เว้นแม้แต่ในบางส่วนของสถาบันตุลาการ
ดร.ธิติ สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี