พรรคก้าวไกล ซึ่งประชาชนคนไทย 14 ล้านเสียงเลือกเข้ามาเป็นสส.มีจำนวนมากเป็นลำดับหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม2566..ด้วยความหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง..เพื่อให้หลุดพ้นออไปจากปลักที่จมกันมานานนม..แต่ถึงวันนี้ก็ต้องผิดหวัง
ที่ผิดหวังเพราะ..พรรคก้าวไกลมีแต่ลมปาก เสมือนเป็นนักการเมืองของคนรุ่นใหม่-เป็นความหวังใหม่..แต่ในทางปฏิบัตินั้นเกือบหนึ่งปีหลังการเลือกตั้งผ่านไป..พรรคก้าวไกลไม่เคยทำหน้าที่ให้สมกับความเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรสักเรื่องเดียว
ปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดจากการกระทำของรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารในหลายๆเรื่อง..อันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ..และรวมไปถึงอนาคตของประเทศในวันข้างหน้า..พรรคก้าวไกลมักจะก้าวเดินตามหลังประชาชน..กลายเป็นว่าประชาชนเป็นผู้เดินนำหน้าพรรคก้าวไกลที่อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน
คำประกาศที่เป็นอุมดมการณ์ของพรรคก้าวไกลที่ว่า..จะเป็น“แสงสว่างแห่งรุ่งอรุณ”..ก็แค่น้ำยาบ้วนปาก..ขณะที่หลักการของพรรคก้าวไกลที่ว่า--“ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดและการใช้อำนาจรัฐต้องสัมพันธ์ยึดโยงกับประชาชน”นั้น..ก็ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าประชาชนของพรรคก้าวไกล..คือประชาชนแค่หยิบมือเดียว..ไม่ใช่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่มีความหลากหลายและเห็นต่างจากพรรคก้าวไกล
เป็นประชาชนประเภท“ฟ้ารักพ่อ”และ“ฟ้ารักแด๊ดดี้”..เหมือนแฟนคลับที่คลั่งไคล้ดาราศิลปินนักร้อง“K-Pop”..หรือไม่ก็มวลชนที่ถูกปั่นหัวให้คิดล้มล้างสถาบัน..และรื้อทิ้งสิ่งต่างๆที่สั่งสมกันมาจนกระทั่งเป็นประเทศไทยในวันนี้..เฉกเช่น“ยุวชนแดง-Red Guards”ของจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงที่มีการปฏิวัติทางวัฒนธรรมสมัย“เหมา-เจ๋อตุง”ในปี 2509-2510..ซึ่งในที่สุดก็ต้องสูญสลาย..เมื่อหัวขบวนคือ“แก๊งสี่คน” หรือ “แก๊งออฟโฟร์” (เจียง-ชิง, จาง-ชุนเฉียว,เหยา-เหวินหยวน และหวัง-หงเหวิน) ถูกจับกุมคุมขังและถูกดำเนินคดี
การลุกขึ้นมาอาละวาดของ“ม็อบสามกีบ”หลังจากพรรคอนาคตถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคในวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2563 เรื่อยมา..จนกระทั่งเป็นผลให้แกนนำคนหนุ่มสาวมีคดีติดตัวและกลายเป็นจำเลย..เป็นนักโทษ..และหนีคดีไปหลบอยู่ในต่างประเทศ จำนวนไม่น้อย--ถือว่าเป็นตัวอย่างได้อย่างดีเมื่อเทียบกับยุวชนแดง
เกือบหนึ่งปีผ่านไปที่คนไทยได้นักการเมืองของสองพรรคการเมือง..คือพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย..ซึ่งอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย..เข้าไปเป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎร..โดยพรรคก้าวไกลที่มี สส.มากเป็นลำดับหนึ่งดื้อดึงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และอ่อนหัดต่อกลเกมทางการเมือง..จึงถูกพรรคเพื่อไทยที่มีจำนวนสส.เป็นลำดับสองรองจากพรรคก้าวไกลพลิกเกมขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล..ทำให้พรรคก้าวไกลต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน
จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลนั้นไม่สำคัญ..ถ้าหากทุกพรรคการเมืองยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ประกาศเอาไว้..ว่าอาสาเข้ามาเพื่อจะแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองและต้องการให้ประชาชนอยู่ดีกินดี..ประเทศชาติก็ย่อมเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้..อันจะส่งผลให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขได้ในที่สุด
แต่ปรากฏว่าใกล้จะหนึ่งปีผ่านไป..ชาติบ้านเมืองมีแต่แย่ลง..ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกด้อยค่าว่าเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ..และแปดปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีอะไรนั้น..กลับยังดีกว่าทุกวันนี้ที่มีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยซึ่งอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย..และมีฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล-ที่ประกาศตัวว่า..เป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่..ที่เข้ามาสู่อำนาจเพื่อใช้อำนาจทางการเมืองในการเปลี่ยนแปลงประเทศ..มิใช่เพื่อนำอำนาจมาใช้สนองประโยชน์ส่วนตัว
พรรคก้าวไกลที่น่าจะเป็นความหวังได้ในฐานะพรรคการเมืองของคนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่,ไม่เพียงแต่จะปล่อยให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลผสม..ลากเอากระบวนยุติธรรมมาปู้ยี่ปู้ยำและทำลายระบบนิติรัฐของประเทศเสียหายอย่างย่อยยับ..ในกรณีของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น
การควบคุมตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลต่อการดำเนินนโยบายที่อาจจะนำไปสู่ความวิบัติฉิบหายของประเทศ..ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายค้านในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติที่จะต้องคอยถ่วงดุล--พรรคก้าวไกลก็ละเลยต่อหน้าที่นี้
ชัดเจนที่สุด ก็คือเรื่องโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย..ที่พรรคก้าวไกล“ล้าหลังกว่ามวลชน”..ปล่อยให้ประชาชนและภาคส่วนต่างๆของสังคมลุกขึ้นมาคัดค้านอย่างโดดเดี่ยว..ขณะที่พรรคก้าวไกลกลับมีท่าทีแบบประนีประนอม..ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์แบบกว้างๆ..ไม่ลงลึกในรายละเอียด..ปล่อยให้พรรคเพื่อไทยเดินหน้ามาเรื่อยๆ..กระทั่งพรรคก้าวไกลก็ยังถูกมองว่าเป็นฝ่ายค้านที่หวังจะ“รอเสียบ”เป็นรัฐบาลผสมกับพรรคเพื่อไทย
โครงการ“ดิจิทัล-วอลเล็ต”ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศภายใต้การบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย..เป็นนโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทยที่จะส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว..ขนาดว่าเวลาผ่านไปใกล้จะครบหนึ่งปีแม้โครงการนี้จะยังไม่ได้ดำเนินการหรือบรรลุตามเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย..แต่ก็มีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจเฉพาะหน้าเกิดขึ้นให้เห็นแล้ว
ประการหนึ่งที่มิอาจปฏิเสธได้ว่า..การที่เศรษฐกิจของประเทศถดถอยก็เป็นเพราะ..รัฐบาลให้น้ำหนักและมุ่งที่จะแจกเงินตามโครงการดิจิทัลอย่างเดียว..จึงทำให้การลงทุนของภาครัฐในโครงการต่างๆแทบจะไม่มี..เนื่องจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยามจะตัดทอนยักย้ายงบประมาณรายจ่ายทั้งของปีงบประมาณ2567 และ 2568..เพื่อให้ครบ 5 แสนล้านสำหรับแจกประชาชน 50ล้านคน..เป็นการสนองนโยบายหาเสียงที่ได้“ตกเขียว”เอาไว้ก่อนการเลือกตั้ง
เพียงเพื่อสนองนโยบายนี้..เป็นผลทำให้ไม่เพียงแต่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ต้องล่าช้าไปถึงครึ่งปี เพราะรัฐบาลชุดนี้นำร่างงบประมาณเดิมที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาทำไว้กลับมา“ยำใหม่”เท่านั้น..งบประมาณรายจ่ายปี 2568 ก็ยังเป็นงบฯที่ถูกทุ่มลงไปเพื่อโครงการ“ดิจิทัล-วอลเล็ต”โดยเฉพาะ..เป็นงบฯที่ถูกวิจารณ์ว่า นอกจากจะขาดดุลมากที่สุดและตั้งงบฯกลางสูงที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว..ก็ยังมีการกู้เงินก่อหนี้สาธารณะแบบเต็มเพดานอีกด้วย
ล่าสุด, จากการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 2กรกฎาคม..ที่ประชุมได้มีมติให้ก่อหนี้สาธารณะจากงบประมาณปี 2567 เพิ่มขึ้นจากเดิม 7.5 แสนล้านบาทเป็น1ล้านล้านบาท..เรียกว่ากู้กันชนิดเต็มเหนี่ยวเต็มเพดาน..ไม่แคล้วที่ความวิบัติฉิบหายของประเทศจะต้องเกิดขึ้
นในวันหน้า..โดยที่รัฐบาลมาแล้วก็จากไป..พร้อมกับเงินที่เข้าไปตุงอยู่ในกระเป๋าของนักการเมืองบางตระกูลและวงศ์วานว่านเครือของบรรดานักการเมือง“โคตรโกง”เหล่านั้น
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดนี้..พรรคก้าวไกลจะรู้หรือไม่รู้มิอาจทราบความนึกคิดจิตใจของสส.พรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคฝ่ายค้านได้..หรือไม่ก็พรรคก้าวไกลอาจเห็นว่าปัญหานี้เป็นปัญหาเล็กๆ..โดยที่พรรคก้าวไกลกำลังให้น้ำหนักกับเรื่องที่ใหญ่กว่า
นั่นก็คือการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..กับการผลักดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดผู้ละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112..แบบว่าใครเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันและคิดล้มล้างสถาบันก็ไม่ต้องติดคุก ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี