ขอแสดงความยินดีกับ ว่าที่ สว. 200 ท่านที่ผ่านการเลือกแบบพิสดารเข้าสภาฯมาเติมเต็มการปกครองระบอบประชาธิปไตย แบบอุปถัมภ์ค้ำชูของประเทศไทย ที่ไม่มีประเทศอื่นเหมือน ระบบอุปถัมภ์ค้ำชู หรือระบบบ้านใหญ่ที่ไม่มีในตำรารัฐศาสตร์การปกครอง แต่หากมองจากประสบการณ์ตรงพบว่า 70 กว่าที่ปีแล้ว การปกครองท้องถิ่นที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นพ่อเมือง มีท่านขุน กำนันเป็นพ่อบ้าน
นักปกครองสมัยโบราณ มีทั้งพระเดชพระคุณต่อชาวบ้านในห้วงเวลาที่ประเทศยังไม่พัฒนา ประชาชนทำมาหากินตามเรือกสวนไร่นาโจรผู้ร้ายชุกชุม ชาวบ้านเป็นสิบเป็นร้อยกินอยู่อาศัยภายใต้ “คุ้ม” หรือ บ้านใหญ่ท่านขุนพ่อกำนัน ที่ใต้ถุนเรือนหุงข้าวกับกระทะใบบัว ล้มหมู ล้มวัว เลี้ยงคนเป็นสิบเป็นร้อยใน คุ้มท่านขุน คุ้มกำนัน ในยุคนั้นท่านขุน ยกที่ดินในครอบครองสร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างสุขศาลาและสถานที่สาธารณะต่างๆ พระเดชพระคุณของท่านขุน กำนัน หรือพ่อบ้านจึงเลื่องลือไปทั่วชุมชน ตำบล อำเภอและจังหวัด
เท้าความถึงระบบอุปถัมภ์ค้ำชูที่ประสบมาเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้หูตาสว่างว่า ระบบอุปถัมภ์ค้ำชู หรือ “บ้านใหญ่” ในสังคมไทยแข็งแกร่งอย่างไร และเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าใจว่า ระบบอุปถัมภ์ค้ำชูหรือ “บ้านใหญ่” อยู่ในดีเอ็นเอคนไทยสังคมยุคใหม่สืบทอดวัฒนธรรมอุปถัมภ์ค้ำชูแบบบ้านใหญ่มาแต่สมัยโบราณ ที่แตกจากบ้านใหญ่ปัจจุบันก็ตรงที่บ้านใหญ่มีธรรมาภิบาลกับ บ้านใหญ่ไร้จริยธรรมไม่มีธรรมาภิบาล
การเลือก สว. เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ระบบอุปถัมภ์บ้านใหญ่ธรรมาภิบาลมีชัยชนะเหนือบ้านใหญ่ไร้จริยธรรม ไร้ธรรมาภิบาลหรือบ้านใหญ่จ้องทำลายวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย หลายฝ่ายวิจารณ์การเลือก สว. แบบพิสดารที่ให้ผู้สมัครเลือกกันเอง ในหมู่ผู้สมัคร 20 สาขา และเลือกไขว้กันไปมาในว่า เปิดช่องให้ฮั้วกันได้ง่าย เปิดโอกาสให้ผู้สมัครที่สัมพันธ์กับการเมืองบ้านใหญ่ฮั้วกันได้มากกว่า แต่หากพูดความจริงกันก็ต้องบอกว่า ฮั้วกันทุกกลุ่มทุกฝ่ายรวมทั้งบ้านใหญ่ธรรมาภิบาลและบ้านใหญ่ไร้จริยธรรมไร้ธรรมาภิบาล
บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล เป็นคำจำกัดความ “นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ที่ควักเงินส่วนตัวตั้งพรรคการเมือง ใช้อาคารของตัวเอง เป็นที่ตั้งพรรคการเมือง และใช้เงินส่วนตัวสนับสนุนคนรุ่นใหม่เคลื่อนไหวโจมตีใส่ร้ายทำลายสถาบันหลักของชาติ สมคบกับเอ็นจีโอและภาคประชาสังคม รับเงินต่างชาติมาสร้างความวุ่นวายทำลายความมั่นคงภายในตลอดถึงเคลื่อนไหวให้ยกเลิก ม.112 ซึ่งเป็นกฎหมายปกป้องสถาบัน และความชั่วร้ายอื่นๆ อีกมากมายที่อยู่ในอุปถัมภ์ของ บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล
การเลือก สว. วันที่ 26 มิถุนายน บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล เป็นตัวการใหญ่ในการฮั้วเลือก ที่บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล ตั้งเป้าหมายให้ได้ สว. 1 ใน 3ของสมาชิกวุฒิสภา 200 ที่นั่ง เพื่อมีเสียงมากพอเสนอร่างรัฐธรรมนูญใหม่มาใช้แทนรัฐธรรมนูญ 2560
บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล เรียกตัวเอง “เป็นฝ่ายประชาธิปไตย” ออกเดินสายหาผู้สมัคร สว.เพื่อเตรียมฮั้วกัน 2 เดือน ก่อนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กำหนดวันรับสมัคร และหลังรับสมัครเลือกแล้วเจ้าตำรับฝ่ายประชาธิปไตย ก็เดินสายจัดตั้งกำชับสั่งการคนไหนเป็นแคนดิเดตคนไหนเป็นโหวตเตอร์ และเมื่อใกล้วันเลือกเมื่อพบว่า ผู้สมัครในสังกัดส่วนใหญ่ อยากเป็น สว.มากกว่าสมัครเพื่อลงคะแนนให้เพื่อนเท่านั้น
บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล ถึงกับเผยแพร่“จดหมายถึงผู้สมัคร สว.ฝ่ายประชาธิปไตย”ทางเฟซบุ๊กของเขา เนื้อหาตอนหนึ่งเป็นการ “เตือนสติผู้สมัครฝ่ายประชาธิปไตยทุกคน” ให้ระลึกถึงวันแรกที่ตัดสินใจลงสมัคร สว. โดยเชื่อว่า เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย ต้องการทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ตัดสินใจเพื่อต้องการเป็น สว. กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ มีผู้เสียสละมาก่อนหน้า พวกเขาเสียเงินค่าสมัคร เสียเวลาเพื่อเข้าสู่กระบวนการ ทิ้งคะแนนให้คนที่พวกเขาเห็นว่าจะเป็น สว. ที่ดีเป็น สว. ฝ่ายประชาธิปไตย”
บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาลลงทุนลงแรงจัดการให้ฮั้วถึงขนาดนี้ ปรากฏว่า ได้สว.ประมาณ 10% หรือประมาณ 20 คน และ สว.ที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ได้รับเลือกเพียง 20 ถึง30 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับ สว.บ้านใหญ่ธรรมาภิบาล โดยเฉลี่ยได้ 70 คะแนน
พิเคราะห์จากสว.บ้านใหญ่ธรรมาภิบาล พบว่ามีปัจจัยหลายอย่างทำให้ท่านเหล่านั้นผ่านระบบเลือกพิสดาร เข้าสภาได้ประมาณ 120 คน
หรือ 60% ของสภาสูง
ปัจจัยสำคัญ คือ ประสบการณ์ทำงานในกระทรวงมหาดไทย ตลอดถึงอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทัพไทย อาสาสมัครสาธารณสุขที่ทำงานใกล้ชิดชาวบ้าน และมีเครือข่ายกว้างไกลตลอดถึงสื่อมวลชนที่ทำงานสอดประสานกับหน่วยงานมั่นคงในกองทัพภาคต่างๆ และปัจจัยจัดตั้งจากที่มีความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองก็มีส่วนหนุนให้ผ่านการเลือกตั้งแบบพิสดารครั้งนี้มาได้
แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดผลักดันให้ สว.บ้านใหญ่ธรรมาภิบาลชนะการเลือก คือ ความเป็นธรรมาภิบาลบ้านใหญ่ ในตัวพวกท่านเอง อาทิพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ได้ถึง 74 คะแนน ภูมิหลัง พล.อ.เกรียงไกรอดีตมทภ.4 ที่ได้รับการยอมรับในภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนใต้ จากงานมวลชนและการเมืองที่โดดเด่น ทั้งในกลุ่มไทยพุทธและมุสลิม จากประสบการณ์ทำงานในพื้นที่มายาวนาน ได้รับฉายาว่า “แม่ทัพกระดูกเหล็ก” ผู้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ จากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อปี 2565 ที่สงขลา...ก่อนลงสมัคร สว.ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาของ มท.1 นายอนุทิน ชาญวีรกูล”
และดูจากรายชื่ออย่างไม่เป็นทางการของสว. 200 คน ที่ได้รับเลือกคราวนี้..ที่เป็นที่รู้จักและมีเกียรติประวัติในการทำงานก็มี อาทิ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่คนไทยรู้จักกันดีเมื่อครั้งเกิดวิกฤตโควิด-19 จาก “ตลาดกลางกุ้ง”, นายมงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง, นายธวัช สุระบาลอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ นายอภินันท์เผือกผ่อง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เชื่อว่า ถึงไม่มีพรรคการเมืองสนับสนุน ความเป็นบ้านใหญ่ธรรมาภิบาล ในตัวพวกท่านเป็นแรงผลักดันให้ผ่านการเลือกตั้งอยู่แล้ว
ส่วนบ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล ทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นปฏิปักษ์สถาบัน เคยมีตำแหน่งแค่ไหน สว.สอบตกได้ เมื่อความนิยมในบ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาลเสื่อมคลาย ผลการเลือก สว.ชุดที่ 13 ของประเทศไทยจึงเป็นสัญญาณว่า บ้านใหญ่ธรรมาภิบาล กำลังมีบารมีบดบัง บ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาล ที่คนไทยเคยเห็นกงจักรเป็นดอกบัวมาระยะหนึ่ง
จึงพูดได้ว่าผลการเลือก สว. และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้ บ่งชี้ว่าบ้านใหญ่ไร้ธรรมาภิบาลคอร์รัปชั่นกับบ้านใหญ่ไร้วุฒิภาวะ เป็นปฏิปักษ์สถาบันกำลังเสื่อมความนิยม และจะล่มสลายไปด้วยกันในไม่ช้าก็นาน
จากปรากฏการณ์จำเลยคดี 112 พากันหนีศาลไปซุกใต้ปีกอีแร้งแก่ ก็เป็นที่ประจักษ์ว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนคนรุ่นใหม่เคลื่อนไหวกัดกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติมาทำลายความมั่นคงประเทศไทย เหมือนกับที่ตะวันตกสนับสนุนยุทธวิธีและปัจจัยให้คนรุ่นใหม่ปฏิวัติร่มในฮ่องกงในต้นทศวรรษ 2560 หนุ่มสาวฮ่องกงและประชาชนทั่วไปนับแสนคนเคลื่อนไหวทำลายศูนย์กลางเศรษฐกิจท่องเที่ยวเอเชียพินาศวอดวาย ปี 2563 ปักกิ่งออกกฎหมายความมั่นคงภายในบังคับใช้ทั่วเกาะฮ่องกง ทำให้ขบวนการปฏิวัติร่มล่มสลาย แกนนำคนสำคัญหนีไปลี้ภัยในอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อเมริกา ที่หนีไม่ทันถูกจับดำเนินคดีติดคุกติดตะรางหลายร้อยคน รวมทั้งนายทุนสื่อใหญ่ จิมมี ไล ผู้สนับสนุนปัจจัย
บ้านใหญ่ไร้จริยธรรมธรรมาภิบาลไทยผู้คลั่งไคล้ปฏิวัติร่มฮ่องกง สมคบกับคณะราษฎร์หลงยุค ล้างสมองปั่นหัว นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ สนับสนุนยุทธวิธีและปัจจัยให้ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีใส่ร้ายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ปี 2562 คณะราษฎร์ยุคใหม่ ได้รับการสนับสนุนหลักหมื่นหลักพัน คนรุ่นใหม่ปราศรัยโจมตีสถาบันด้วยภาษากักขฬะหยาบช้าผิดกฎหมายถูกจับกุมดำเนินคดีหลายราย ความคลั่งคณะราษฎรยุคใหม่ค่อยๆเสื่อมคลาย และยุติความเคลื่อนไหวทันทีที่พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง พ.ค. 2566
และตั้งแต่พรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำรัฐบาลจนถึงปัจจุบัน คณะราษฎร์ยุคใหม่กับพรรคการเมืองที่สนับสนุนพวกเขา พยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมผู้กระทำผิดกฎหมายอาญาม.112 การเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันในที่สาธารณะเลิกไปตั้งแต่พรรคก้าวไกล ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล ในความผิดรณรงค์ปลุกปั่นยกเลิกม.112 ที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดังนั้นกรณี เพนกวิน รุ้ง ไมค์ ที่พรรคก้าวไกล เคยสนับสนุน หนีไม่มาฟังศาลอ่านคำตัดสินคดี ในเวลาเดียวกับการแพ้เลือก สว.หลุดลุ่ย ทั้งๆ ที่คณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นผู้นำจิตวิญญาณก้าวไกลสั่งการให้สมุนบริวารฮั้วกันตั้งแต่ไก่โห่ จึงเป็นการเสื่อมถอยของก้าวไกลอย่างมีนัย
ส่วนบ้านใหญ่เสื้อแดง ก็อยู่ในภาวะเคราะห์ร้ายไข้รุม ที่อดีตนายกรัฐมนตรีตกม้าตายในรอบเลือกตั้งระดับประเทศ จึงสรุปว่าผลการเลือก สว.ที่ออกมาบ่งชี้ว่า พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยกำลังเสื่อมถอยคอยวันแพ้ทั้งคดีที่อยู่ในศาลและการเลือกตั้งสมัยหน้าที่จะมาถึง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี