บัดนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีนายกสภามหาวิทยาลัยคนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว (คือ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย) และกำลังจะมีอธิการบดีคนใหม่อย่างเป็นทางการในอนาคต โดยปัจจุบันมีผู้ทำหน้าที่รักษาการอธิการบดี ซึ่งคนคนนี้ก็น่าจะได้รับตำแหน่งอธิการบดีตัวจริงในอนาคต (คือ วิเลิศ ภูริวัชร) หากไม่มีอุบัติเหตุ หรือเหตุขัดข้องใดๆ บังเกิดขึ้นกับเขา แต่ทว่าปัญหาเดิมๆ และเรื่องเน่าๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ต่อไปจะเรียกว่าจุฬาฯ) ยังคงถูกเก็บไว้ใต้พรม ใต้เก้าอี้ผู้บริหารของจุฬาฯ
เรื่องเน่าๆ เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของจุฬาฯ ที่สังคมกล่าวขานถึงอย่างมาก และตั้งคำถามตลอดเวลาคือเรื่องวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเล่มหนึ่งของคนผู้หนึ่งที่เคยศึกษาในคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ขอย้ำว่าวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกฉบับดังกล่าวมีข้อความอันเป็นเท็จปรากฏอยู่ และข้อย้ำอย่างหนักแน่นว่ามีเสียงโจษขาน และมีคำถามเรื่องนี้ตลอดเวลา แต่จนบัดนี้ เรื่องใหญ่เรื่องนี้ก็ถูกเก็บงำไว้โดยผู้บริหารจุฬาฯ บางคนซึ่งผู้บริหารจุฬาฯ รายที่ว่านั้นกินตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของจุฬาฯ ต่อเนื่องมาแล้วสองสมัย คือสมัยที่แล้วและสมัยปัจจุบัน
คงไม่จำเป็นต้องย้อนเล่าความว่ามีข้อความเท็จใดปรากฏในวิทยานิพนธ์ที่สังคมตั้งข้อครหา เพราะความจริงปรากฏชัดต่อสังคมแล้ว แต่ย้ำว่ามีข้อความอันเป็นเท็จปรากฏอยู่ในวิทยานิพนธ์จริง แต่ผู้บริหารจุฬาฯ ยังคงยืนยันไม่เปิดเผยผลสอบเรื่องนี้ต่อสาธารณะ ทั้งๆ ที่จุฬาฯ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบหาข้อเท็จจริง แล้วคณะกรรมการฯ ก็มีความเห็นว่าวิทยานิพนธ์ฉบับนั้นมีข้อความเท็จ แต่สุดท้ายผู้บริหารจุฬาฯ ก็ยังจงใจไม่เปิดเผยความจริงต่อสังคม
การจงใจใส่ข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์ ไม่ว่าจะเป็นวิทยานิพนธ์ระดับใดก็ตาม นับว่าเป็นความอัปยศทางวิชาการของจุฬาฯ อย่างที่สุด จนทำให้เกิดคำถามว่า จุฬาฯ ในยุคหลังๆ ไม่ใส่ใจ ไม่นำพาในความน่าเชื่อถือของข้อเท็จจริงทางวิชาการ ไม่สนใจหลักฐานทางวิชาการ ไม่สนใจหลักวิชาการอีกแล้ว ใช่หรือไม่ หรือว่าผู้บริหารจุฬาฯ ยุคนี้ไม่นำพาหลักข้อเท็จจริงในเชิงวิชาการอีกต่อไปแล้ว
ถามย้ำๆ ว่าทำไมผู้บริหารจุฬาฯ จึงไม่กล้าเปิดความจริงเรื่องวิทยานิพนธ์ที่มีข้อความเท็จ ถามต่อไปว่าทำไมจุฬาฯ จึงไม่ถอดถอนปริญญาเอกจากผู้ทำวิทยานิพนธ์อันเป็นความเท็จ ถามต่อไปอีกว่าผู้บริหารจุฬาฯ สนับสนุนให้มีวิทยานิพนธ์เท็จ ใช่หรือไม่ หรือว่าผู้บริหารจุฬาฯ จะยืนยันว่าวิทยานิพนธ์ฉบับที่มีข้อความเท็จ เป็นวิทยานิพนธ์ที่ทรงคุณค่าของจุฬาฯ
การตั้งคำถามเรื่องนี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะว่ามีข้อความเท็จอันเกี่ยวข้องกับบุคคลในสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย แต่ตั้งคำถามเพราะต้องการได้คำตอบว่าผู้บริหารจุฬาฯ เก็บงำเรื่องนี้ไว้ด้วยเหตุผลใด ขอย้ำว่าข้อความในวิทยานิพนธ์ใดๆ ก็ตาม ต้องไม่มีข้อความอันเป็นเท็จ ไม่ว่าข้อความนั้นจะกล่าวถึงคน สัตว์ สิ่งของ หรือปรากฏการณ์ใดๆ เพราะเนื้อหาในวิทยานิพนธ์จะถูกใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการในอนาคตดังนั้น การปล่อยให้วิทยานิพนธ์อันมีความเท็จปรากฏอยู่ก็หมายความว่าผู้บริหารจุฬาฯ เพิกเฉยในเรื่องความจริงทางวิชาการ ใช่หรือไม่ การเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ทำให้สังคมเข้าใจว่าผู้บริหารจุฬาฯ ไม่ยึดมั่นให้หลักวิชาการ และไม่พยายามรักษาชื่อเสียงและความน่าเชื่อมั่นศรัทธาในด้านวิชาการ
อย่าลืมว่า ในอดีตนั้นสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเคยมีมติให้เพิกถอนมติของสภามหาวิทยาลัยที่อนุมัติปริญญาดุษฎีบัณฑิต ตามข้อเสนอและมติของคณะกรรมการบัณฑิตวิทยาลัย และกรรมการบริหารคณะวิทยาศาสตร์ โดยการเพิกถอนครั้งนั้นมีผลไปเมื่อปี 2555 (หากต้องการข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องนี้ ขอให้ย้อนกลับไปดูกรณีการเพิกถอนปริญญาเอกที่จุฬาฯ อนุมัติให้ศุภชัย หล่อโลหการ)
ขอย้ำอีกทีว่าวิทยานิพนธ์ของจุฬาฯ ที่มีข้อความเท็จนั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง แล้วตกเป็นข่าวมาตั้งแต่ 4 ปีแล้ว ที่น่าสมเพชคือในตอนแรกนั้นวิทยานิพนธ์ดังกล่าวได้รับรางวัลดีเด่นด้วย แต่เมื่อเกิดเรื่อง จุฬาฯ ก็สั่งระงับการเผยแพร่เนื้อหาในวิทยานิพนธ์ แล้วก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาความจริง แต่ที่น่าอัปยศยิ่งกว่าคือ เรื่องนี้ถูกเก็บซ่อนไว้ในจุฬาฯ ทั้งๆ ที่ผลการสอบสวนออกมาตั้งนานแล้ว แล้วที่น่าสมเพชอีกประการคือมีผู้บริหารจุฬาฯ บางรายอ้างว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในจุฬาฯ ทั้งๆ ที่จุฬาฯ เคยมีมติถอดถอนปริญญาเอกมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้เห็นว่าการแก้ตัวแบบส่งเดชของผู้บริหารจุฬาฯ รายหนึ่งเกิดมาจากความอ่อนด้อยในข้อเท็จจริง จนทำให้มีเสียงวิพากษ์ว่าอ่อนหัดอ่อนโลก แต่ชอบเสนอหน้า ชอบสร้างภาพ
สรุปคือ จนถึงบัดนี้ จุฬาฯ (หมายถึงผู้บริหารจุฬาฯ) ยังคงจงใจนิ่งเงียบ เก็บงำ ไม่เปิดเผยผลการสอบสวน และไม่มีมติถอนปริญญาบัตรจากผู้จงใจทำวิทยานิพนธ์ที่มีความอันเป็นเท็จ เมื่อผู้บริหารจุฬาฯ มีพฤติกรรมชัดเจนเช่นนี้ ก็จึงทำให้คำถามตลอดเวลาว่า ผู้บริหารจุฬาฯ เก็บงำเรื่องนี้ไว้เพราะอะไร มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรในปรากฏการณ์นี้หรือ หรือว่าไม่ชอบอยู่กับความจริง จึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง หรือเป็นพวกรังเกียจความจริง เพราะชีวิตจริงไม่เคยอยู่กับความจริงมาก่อน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี