นับแต่นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย และได้รับ “สิทธิพิเศษ” ต่างๆ มากมาย รวมถึงได้รับ “พระมหากรุณาธิคุณ” อภัยลดโทษ จาก 8 ปี เหลือเพียง 1 ปี
เขายังไม่วายได้รับสิทธิพิเศษจากเรือนจำและกรมราชทัณฑ์อีกหลายประการ จนเรียกได้ว่า “ไม่เคยติดคุก”แบบ “อยู่ในคุก” เลยสักวัน
หลังได้รับการพักโทษ ทักษิณก็ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบไม่กระมิดกระเมี้ยน โดยเฉพาะการไปปราศรัยในงานบวชที่จังหวัดปทุมธานี ระหว่างมีการเลือกตั้งนายก อบจ. เมืองปทุม จนนำมาสู่การร้องเรียนกับ กกต. จังหวัด ของทีมกฎหมาย “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อย่างไรก็ตาม นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณหนุนหลัง ถึงขั้นประกาศในกลุ่ม “บ้านใหญ่ 8 หลัง” ของปทุมธานีว่า “ผมไม่รู้จักแจ๊ส”ก็ชนะ “บิ๊กแจ๊ส” 1,800 คะแนน
1) นักข่าวเจอ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก จึงถามท่านเรื่องที่นายชาญชนะว่า “อำนาจเก่ากลับคืนมาเรียกคะแนนกลับอย่างนี้ จะกลายเป็นโมเดลในหลายๆ พื้นที่หรือจังหวัดที่เคยพลาดหรือไม่” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า อำนาจเก่าหมายถึงนายทักษิณหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า สังคมปล่อยให้คนอย่างนายทักษิณออกฤทธิ์ออกเดชมากเกินไป
“สำหรับผมแล้ว สิ่งที่นายทักษิณทำ คือการขัดพระบรมราชโองการ ไม่รับผิด ไม่รับโทษ และไม่ทำตนให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ถ้าเรายังปล่อยให้คุณทักษิณสามารถทำงานการเมืองแบบนี้ได้ บ้านเมืองเราลำบากบ้านเมืองเราไปยาก” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
2) เรื่องยุ่งๆ ประเภท “ล้ำเส้น-คะนองอำนาจ” หรือเคลื่อนไหวเกินสมควรของทักษิณ มิได้จบแค่เรื่องนั้น นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ให้สัมภาษณ์สื่อ pptv ว่าได้ไปเยี่ยม น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 เมื่อตอน น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ยังนอนอยู่ที่ ชั้น 14 โดย น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ขอร้องให้ถอนฟ้อง เศรษฐา ทวีสิน ตอนเช้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็โทรมาขออีก
เรื่องใหญ่ซิครับ
1.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปพบ น.ช.ทักษิณ ที่ชั้น 14 และ น.ช.ทักษิณ ขอร้องให้ถอนฟ้อง เศรษฐา แสดงว่า น.ช.ทักษิณ มีสติสมบูรณ์ ไม่ได้ป่วยหนัก ติดเตียง คนที่ขอร้องคนอื่นได้แสดงว่าไม่ได้วิกฤตแบบที่กล่าวอ้าง และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะกลายเป็นพยานสำคัญต่อคดีที่อยู่ในป.ป.ช.ก็หวังว่า ด้วยเกียรติของ อดีต ผบ.ตร. ท่านจะไม่โกหก
2.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่อยู่ในรายชื่อ 10 คน ที่สามารถเข้าเยี่ยม น.ช.ทักษิณ ได้ แล้วได้เข้าเยี่ยมได้อย่างไร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีคำอธิบายไหมครับ
อาทิตย์หน้าไปตามคดีนี้ที่ ป.ป.ช.และยื่นข้อเท็จจริงเพิ่มจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
งานนี้อยู่ดีๆ ความจริงก็ปรากฏแก่สังคม
2) นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก ผู้อำนวยการข่าว“แนวหน้าออนไลน์” ตั้งคำถามผ่าน TikTok แนวหน้า V3 ว่า“ทำไมคุณยิ่งลักษณ์ต้องโทรมาขอให้คุณเสรีพิศุทธ์ถอนฟ้องคุณเศรษฐาด้วยล่ะคะ คุณยิ่งลักษณ์กระทำในฐานะอะไรคะ ด้วยความรู้สึกอย่างไรคะ และเพื่ออะไรคะ”
3) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ยอมรับว่า สาเหตุที่ไปถอนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตามความผิด ม.157 กรณีเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาขอร้องโดยตรง ว่า
ตนเข้าใจมาโดยตลอดว่า นายทักษิณกลับมาประเทศไทยเพื่อเลี้ยงหลาน แต่ดูเหมือนว่าบทบาทของนายทักษิณในทางการเมืองจะเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ตนจึงคิดว่าการที่นายทักษิณมีบทบาท โดยเฉพาะในรัฐบาลนี้มากขึ้น รวมไปถึงอาจจะเรียกได้ว่า เป็นคนที่คอยปัดเป่าสิ่งต่างๆ ให้พ้นไปจากนายเศรษฐา ตนคิดว่าบทบาทของนายทักษิณแบบนี้ ทำให้เกิดข้อครหาที่สำคัญว่า “ตกลงแล้วคุณทักษิณได้มีผลต่อรัฐบาลนี้ใช่ไหม”
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า การที่นายทักษิณมีอิทธิพลต่อรัฐบาลนี้ ก็จะเกิดการตั้งคำถามว่า สภาวะการเป็นผู้นำของนายเศรษฐามีอยู่อย่างไร ตกลงแล้วประเทศนี้ ใครกันแน่ที่เป็นตัวจริงของการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมคิดว่าสภาพการเมืองแบบนี้ เป็นสภาพการเมืองที่ไม่ดีเลย แล้วมันก็จะทำลายความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ ว่าเมื่อนายเศรษฐาประกาศหรือพูดในเรื่องใด เราควรจะเชื่อนายเศรษฐาจริงๆ หรือไม่ หรือควรจะไปถามซ้ำกับนายทักษิณ
นายรังสิมันต์กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การเมืองที่เราอยากเห็น การเมืองแบบนี้ควรเปลี่ยนผ่านได้แล้ว ถ้าเกิดว่านายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมันมีปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องของการที่จะต้องพิสูจน์กัน ไม่ว่าจะใน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาลตนเชื่อว่านักการเมืองหลายคนรวมถึงตัวเอง ก็จะโดนข้อกล่าวหาต่างๆ มากมาย แต่แน่นอนว่า เราไม่ได้วิธีการล็อบบี้อะไร ถึงที่สุดถ้ามันต้องพิสูจน์ในข้อกฎหมาย ก็ต้องพิสูจน์ เข้าใจว่ากรณีนี้ เป็นคดีอาญา เข้าใจว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คงไม่สามารถถอนได้ เพราะถ้าเรื่องนี้ผิดจริงก็ต้องว่าไปตามผิด
“ผมไม่อยากให้คุณทักษิณยังมีบทบาทแบบนี้เลย เพราะภาพรวมทางการเมืองจะทำลายในเรื่องความเป็นผู้นำของคุณเศรษฐาอย่างมาก” นายรังสิมันต์กล่าว
ส่วนกรณีที่อาจจะต้องให้นายทักษิณไปวิ่งเต้น ป.ป.ช.เองนั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งเสียหายการไปวิ่งเต้นกับ ป.ป.ช. ในทางกฎหมาย โดยทั่วไป ไม่ควรจะมีใครทำได้อยู่แล้ว เพราะจะเท่ากับว่า องค์กรอิสระก็จะไม่อิสระในการทำหน้าที่ และการใช้กฎหมายต่างๆ ก็จะหลายมาตรฐาน หลักกฎหมายและความถูกต้อง ก็จะไม่มีอยู่จริง
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ตนคิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อันตราย มากไปกว่านั้นแล้ว จริงๆ นายทักษิณก็ไม่ได้มีสถานะอะไรในรัฐบาลนี้ การที่นายทักษิณพยายามมามีบทบาทแบบนี้ ก็ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล เดี๋ยวก็จะมีคนไปร้องโน่นร้องนี่อีก ซึ่งก็จะเป็นปัญหาที่ไม่จบ
นายรังสิมันต์ย้ำในฐานะพรรคก้าวไกลว่า เราไม่สนับสนุนการใช้นิติสงคราม เราเชื่อว่าพรรคการเมืองจะขึ้นมามีอำนาจได้ ก็ด้วยการสนับสนุนของประชาชนพรรคการเมืองจะดับไป ก็ด้วยการที่ประชาชนไม่สนับสนุน เรื่องนิติสงคราม ไม่ควรจะถูกใช้เลย ถ้าเป็นเรื่องทางกฎหมายก็ควรจะว่ากันด้วยพยานหลักฐานตามความถูกผิดจริงๆ เช่น เรื่องที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องเหล่านี้ ก็ต้องมีกฎหมายเข้ามาดูแล แต่ถ้าเป็นนิติสงคราม ใช้ในการกลั่นแกล้งกัน เราไม่สนับสนุน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในกรณีนี้ ก็ต้องไปพิสูจน์กันว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติหรือไม่ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ให้อำนาจกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป
4) วันที่ 6 ก.ค. 2567 ที่ศูนย์บริการงานกรมคุมประพฤติ ตึกเอ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช เดินทางมาถอดกำไล EM กับพนักงานคุมประพฤติ สำนักงานกรมคุมประพฤติ กรุงเทพมหานคร 11 เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายเทพไท ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาและตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี กรณีทุจริตการเลือกตั้ง อบจ.นครศรีธรรมราช เข้าเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2565 และรับโทษจำคุก 16 เดือน หรือ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไขการได้สิทธิพักโทษจากกรมราชทัณฑ์ โดยให้ติดกำไล EM จนครบกำหนดโทษและถอดกำไล EM
นายเทพไท กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการถูกคุมขัง รวมระยะเวลา 2 ปี และได้รับการพักเป็นเวลา 8 เดือน จึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2567 เพื่อรายงานตัว แต่วันนี้เป็นวันครบกำหนด 2 ปีตรงกับวันหยุดราชการ จึงให้มาถอดกำไล EM โดยช่วง 2 ปี ตนไม่ได้สิทธิลดโทษ ที่ผ่านมาตลอด 2 ปี ตนปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติอย่างเคร่งครัด ระหว่างอยู่ในเรือนจำนครศรีธรรมราช ต้องขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม ขณะนั้นและ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม คนปัจจุบัน ที่ประสานการพักโทษให้นายณรงค์ หนูคง อดีต ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่เรือนจำ
“ผมไม่มีสิทธิพิเศษอะไรทั้งสิ้นถูกจำคุก 2 ปีเต็ม ไม่ได้สิทธิ์ลดโทษหรือรับสิทธิ์อะไรทั้งสิ้นเข้าไปอยู่ในเรือนจำวันที่ 6 ก.ค. 2565 เมื่อถึงวันที่ 28 ก.ค. ก็มีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ แต่ผมไม่ได้รับเพราะตอนนั้นครม.มีเงื่อนไขว่าต้องรับโทษจำคุก 1 ใน 3 ก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกและผมไม่แน่ใจว่าเขาจะใช้ระเบียบนี้ต่อไปหรือไม่ จนกระทั่งถึงวันที่ 22 ส.ค. 2566 นายทักษิณ ชินวัตร กลับมาประเทศไทยเพื่อรับโทษและขอพระราชทานอภัยโทษ ผมก็ใช้สิทธิเหมือนนายทักษิณ” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท ระบุว่า ทั้งนี้เพราะนายทักษิณใช้เหตุผล 4 ข้อ
(1) เป็นนักการเมืองทำงานเพื่อประเทศชาติ ตนก็เคยเป็นนักการเมือง เป็น สส. ร่วม 20 ปี
(2) อ้างว่าความจงรักภักดีต่อสถาบัน ตนก็มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเช่นกัน ไม่มีคดี ม.112 เหมือนนายทักษิณ และระหว่างเป็นนักการเมือง จัดรายการสายล่อฟ้าปกป้องสถาบัน
(3) อ้างว่าเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่นายทักษิณหนีคดี 17 ปี แต่ตนไม่เคยหนีคดีเลย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 3 ศาล ภายในปีเดียวจบ โดยไม่มีการเลื่อนแต่อย่างใด
(4) อ้างว่านายทักษิณ อายุมาก มีโรคประจำตัว ตนก็อายุ 60 ปีแล้ว ก็มีโรคความดัน คอเลสเตอรอลสูงกรดไหลย้อน มีโรคประจำตัวเหมือนนายทักษิณ นอกจากนี้นายทักษิณเคยโดนคดีทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ตนผิดคดีการเลือกตั้งท้องถิ่น ข้อหาจัดเลี้ยงข้าวกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเห็นว่าตนมีเหตุผลเพียงพอที่ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้
“ขณะที่นายทักษิณใช้เวลา 2 วัน กระบวนการอภัยโทษเสร็จสิ้น ส่วนผมใช้เวลา 2 ปี จนขณะนี้ไม่รู้ว่าเรื่องดำเนินการไปถึงไหน ฉะนั้นเห็นได้ชัดว่าผมกับนายทักษิณมีความเป็น 2 มาตรฐานแตกต่างกัน ไม่ต้องเทียบกับนักโทษทั่วไป ลูกชาวบ้านแทบไม่ได้รับสิทธิอะไรอยู่แล้ว นี่คือความเหลื่อมล้ำของกระบวนการยุติธรรม” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า ตนอยู่ในเรือนจำตามกำหนดโทษแต่นายทักษิณอยู่โรงพยาบาลตำรวจ อ้างว่าป่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบว่าป่วยจริงหรือไม่ ซึ่งการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีเข้าพบนายทักษิณ ที่โรงพยาบาล และขอร้องให้ถอนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แสดงว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยหนัก มีสติสัมปชัญญะครบ สามารถสั่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ และอยากให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหรือรายงานจากกรมราชทัณฑ์ ว่ายังมีบุคคลภายนอกอื่นที่เข้าเยี่ยมอีกหรือไม่
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงว่านายทักษิณ เป็นผู้มีอำนาจสั่งการรัฐบาลชุดนี้ รวมทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขอให้ถอนฟ้องนายเศรษฐา แสดงว่านายเศรษฐา เป็นร่างทรงให้นายทักษิณหากมีอิสระในการบริหารประเทศจริง นายทักษิณคงไม่มาแทรกแซง และได้รับการทะนุถนอมจากนายทักษิณยิ่งกว่าไข่ในหิน
“ผมยืนยันว่าเป็นคนธรรมดา ชาวบ้านติดกำไล EM และมารายงานตัวตามกำหนดครบทุกครั้ง ส่วนนายทักษิณ ครบโทษวันอาทิตย์ ออกวันนั้นเลย แต่ผมครบโทษวันเสาร์ต้องออกวันจันทร์ อ้างว่าเป็นวันหยุดราชการ จึงขอเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณชัดเจนที่สุด รวมทั้งกรณี “แป้ง นาโหนด” เคยออกมาพูดถึงกระบวนการยุติธรรมว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่ชั้นตำรวจ อัยการ ศาล และเรือนจำ คนกลับเชื่อแป้ง นาโหนด มากกว่าเจ้าหน้าที่” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า การที่ออกมาพูดถึงนายทักษิณ ไม่ได้โจมตี แค่เปรียบเทียบว่าการปฏิบัติระหว่างนายทักษิณ กับตนหรือนักโทษคนอื่นๆมันแตกต่างกันอย่างไร มีการแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพราะตนมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้และเป็นนักโทษเหมือนกัน ถูกคุมขังในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เพราะนักโทษคนอื่นในเรือนจำไม่สามารถมีสิทธิ์พูดเหมือนกับตน จึงเป็นตัวแทนสะท้อนความรู้สึก โดยตนได้แต่งเพลง “กูคือนักโทษเทวดา” กับ “คุกมีไว้ขังคนจน” ยืนยันไม่ได้มีอคติส่วนตัวกับ
นายทักษิณ
เมื่อถามว่ามองการที่นายทักษิณ ไปร่วมงานบวชหลานชายนักการเมืองท้องถิ่นที่ จ.ปทุมธานี ช่วงก่อนเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ทั้งที่ยังไม่ครบกำหนดพักโทษนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายทักษิณได้เคลื่อนไหวทางการเมือง มาตลอด ทั้งที่นายทักษิณบอกก่อนเดินทางกลับประเทศบอกว่าจะมาเลี้ยงหลาน ตนเชื่อว่าหลังจากวันที่ 22 ส.ค.2567 นายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวเป็นทางการจะมีการเคลื่อนไหวมากกว่านี้
สรุป : นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ในมุมมองที่มองไปยัง “อภิสิทธิ์ชน” ที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร หรือว่าวันนี้ เราต้องอุทิศประเทศไทยให้แก่ทักษิณ ครอบครัวชินวัตร และพรรคการเมืองของเขา??!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี