ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าลดลงทุกขณะ สาเหตุหนึ่งก็เพราะรัฐบาลทุกชุดในระยะ 50-60 ปีที่ผ่านมาไม่เอาจริงเอาจังกับการรักษาพื้นที่ป่า ปล่อยให้มีผู้บุกรุกทำลายป่า และไม่พยายามเพิ่มพื้นที่ป่า
ดังนั้น เมื่อดูสถิติพื้นที่ป่าไม้ของไทยตั้งแต่ปี 2504-2541 จะพบว่ามีเหลือน้อยลงจนน่าวิตก คือจากร้อยละ 53.33 ของพื้นที่ประเทศไทย เมื่อปี 2504 ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 25.28 ในปี 2541 แต่ยังน่ายินดีเล็กน้อยที่พื้นที่ป่าของไทยเพิ่มขึ้นในปี 2543 เป็นร้อยละ 33.15แล้วจากปี 2543 ถึงปี 2563 ป่าไม้ของไทยก็เหลือพื้นที่ร้อยละ 31. 64 (ข้อมูลจาก sueb.or.th/wild-status 2020-2021/)
คนไทยที่รักป่าไม้ต่างรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นโรงแรม รีสอร์ท สนามกอล์ฟ และสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมโหฬารเข้าไปอยู่ในพื้นที่ป่า แล้วกลายเป็นสิ่งแปลกประหลาด แปลกปลอมของป่า แน่นอนว่าคนไทยที่รักป่าไม่ได้คัดค้านการที่คนอยู่กับป่า เพราะคนก็ต้องอาศัยและทำมาหากินกับป่าได้ แต่ทว่าสิ่งที่คนไทยผู้รักป่ารับไม่ได้ และพยายามต่อต้านตลอดเวลาคือการที่มีคนเข้าไปทำลายป่าเข้าไปบุกรุกป่า แล้วโค่นทำลายพื้นที่ป่า
ไม่มีใครปฏิเสธว่าในอดีตนั้น คนจำนวนหนึ่งก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่า แต่สิ่งที่น่ารังเกียจคือการที่คนกลุ่มใหม่ๆ เข้าไปบุกรุกป่า บางคนใช้วิธีการจ้างวานให้คนในพื้นที่ป่า
บุกรุกทำลายป่า เพื่อจงใจให้ป่าเสื่อมสภาพ แล้วก็อ้างว่าไม่หลงเหลือสภาพป่าอีกต่อไป แล้วก็เรียกร้องให้ออกเอกสารสิทธิสารพัดชนิดให้กับผู้ทำลายป่า
น่าอัศจรรย์ใจ และสังเวชใจที่รัฐบาลไม่พยายามรักษาพื้นที่ป่าเอาไว้ จริงอยู่ที่ป่าบางแห่งถูกทำให้เสื่อมสภาพโดยความตั้งใจโค่นทำลายป่าของคนบางจำพวก แต่นั่นมิได้หมายความว่ารัฐบาลต้องปล่อยให้ป่าที่ถูกทำลาย กลายสภาพเป็นเมือง แต่รัฐบาลจำเป็นต้องกลับเข้าไปฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับไปมีต้นไม้ และมีความสมบูรณ์ดังเดิม แต่เท่าที่เราเห็นกันก็คือ เมื่อป่าถูกทำลายโดยความตั้งใจของคนบางกลุ่มแล้ว รัฐบาลก็กลับอนุมัติให้คนรุกทำลายป่าได้เอกสารสิทธิไปโดยปริยาย แล้วที่น่าสมเพชยิ่งกว่าคือการที่รัฐบาลปล่อยให้นายทุนเข้าไปปลูกสร้างโรงแรม รีสอร์ท สวนสนุก สนามกอล์ฟ และเมืองในเทพนิยายในเขตป่า แต่ที่น่าสังเวชยิ่งกว่าก็คือ ดันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่บุกรุกทำลายป่า
น่าสมเพชที่คนบางคนบุกเข้าไปเล่นกอล์ฟในกลางป่าใหญ่ แล้วไปนอนในโรงแรมหรือรีสอร์ทที่ดูแค่แวบแรกก็รู้แล้วว่าบุกรุกป่า โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างใหญ่ในกลางป่ากลางเขารวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนภูเขาสูงชัน หรือตามบริเวณหน้าผา หรือบางที่ก็ได้ครอบครองลำธารจากน้ำตกกลางป่า ถามว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้นายทุนรุกป่า แล้วถามต่อไปอีกว่า ทำไมรัฐบาลปล่อยให้ข้าราชการร่วมมือกับนายทุนบุกรุกแล้วครอบครองป่า
ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านน่าจะเคยไปเขาใหญ่ หรือวังน้ำเขียว และภูทับเบิก (อันที่จริงยังมีอีกหลายที่ แต่ขออนุญาตพูดถึงสถานที่เพียงเท่านี้ก่อน) คุณเคยประหลาดใจหรือไม่ แล้วเคยตั้งคำถามหรือไม่ว่าทำไมโรงแรมขนาดหลายร้อยห้องจึงเข้าไปปลูกสร้างในเขตป่าได้ ทำไมเศรษฐีบางคนที่ดูเสมือนมีเงิน แต่ไม่น่าจะมีความรับผิดชอบต่อสังคมจัดงานคอนเสิร์ตเสียงดังกระหึ่มกลางป่าได้ ทำไมสนามกอล์ฟหลายแห่งเข้าไปอยู่กลางผืนป่าได้
สิ่งเหล่านี้เข้าไปปลูกสร้างได้ เพราะมีเงินมหาศาลผนวกกับอำนาจการเมือง ถามต่อไปว่าทำไมกับเพียงแค่การที่คนแก่ที่ยากจนคู่หนึ่งเข้าไปเก็บของป่า แล้วถูกจับจำคุก แต่แล้วทำไมนักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการรุกป่าเป็นพันๆ ไร่ โค่นภูเขายาวเป็นเทือกเพื่อให้คนเข้าไปปลูกข้าวโพดเพื่อนำไปทำอาหารสัตว์ หรือทำไมมีสนามกอล์ฟของมหาเศรษฐีเข้าไปสร้างอยู่ในป่าได้ ทำไมคนกลุ่มหลังไม่ถูกจับ นี่ยังไม่อยากพูดไปถึงเรื่องเขายายเที่ยงนะเพราะไม่อย่างนั้นจะเรื่องยาว
ถามต่อไปว่า ทำไมคนรวยในสังคมไทยจึงเข้าไปมีที่ดิน มีคฤหาสน์ มีอสังหาริมทรัพย์ในเขตป่าได้ ทั้งๆ ที่คนรวยเหล่านั้นไม่ใช่คนป่า ไม่ได้มีบรรพบุรุษอยู่ในป่า
แต่ก็ต้องถามเหมือนเดิมว่าทำไมคนกลุ่มนี้จึงเข้าไปซื้อพื้นที่มากมายมหาศาลในป่าได้ หรือบางคนซื้อเกาะได้ทั้งเกาะ นี่มันหมายความว่าอย่างไร นี่มันคือความหย่อนยาน ไม่ใส่ใจ ไม่ดูแลรักษาป่าโดยรัฐบาล ใช่หรือไม่
ไม่มีใครห้ามคนที่อาศัยในป่ามีฐานะร่ำรวย แต่ที่เขาวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งเมืองคือ การที่คนที่อ้างว่าอยู่กับป่า แล้วจงใจบุกรุกป่าไม่จบไม่สิ้น แล้วเมื่อโค่นป่าได้พื้นที่มากๆ แล้ว ก็เรียกร้องขอเอกสารสิทธิ แล้วสุดท้ายก็นำไปขายให้นายทุน หรือข้าราชการ หรือนักการเมือง
ไม่มีใครห้ามชาวบ้านทำ home stay หรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพื่อผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ในเขตพื้นที่ป่าที่ตนเองอาศัยอยู่ แต่ที่คนเขาด่าประณามคือการบุกรุกทำลายป่าไปเรื่อยๆ แล้วขายที่ต่อให้นายทุน หรือนักการเมือง
ใครที่ไปวังน้ำเขียวเมื่อหลายปีก่อน (ประมาณ 20 ปี)จะพบว่าวังน้ำเขียวเปลี่ยนสภาพจากป่าเป็นชุมชนไปแล้ว ถามว่านี่หรือคือข้ออ้างของคนที่บอกว่าอยู่กับป่า รักป่า ดูแลป่า ถามว่าทำไมมีรีสอร์ทเต็มไปหมด ชาวบ้านเป็นเจ้าของรีสอร์ทจริงๆ หรือ ย้ำว่าทำไมมีรีสอร์ทเต็มไปหมด มันเป็นของชาวบ้านจริงๆ หรือ
กลับไปที่ประเด็น #saveทับลาน เรื่องนี้มีสองมุมมอง คือไม่เห็นด้วยกับการเพิกถอนที่ดิน 2.65 แสนไร่เพราะเห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่ทำกินในพื้นที่มาก่อนประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ การเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติจะทำให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ลดลง และจะทำให้นายทุนเข้าไปกว้านซื้อครอบครองที่ดินในเขตดังกล่าวได้ง่ายดายมากขึ้น และจะทำให้เกิดมาบุกรุกป่าสงวนมากยิ่งขึ้นในอนาคต
แต่อีกมุมหนึ่งก็บอกว่าที่ดินของพวกเขาถูกประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่เป็นธรรม เพราะพวกเขาอยู่และทำกินบนที่ดินนี้มานานกว่า 40 ปีแล้ว เราต้องยอมรับความจริงว่า ในพื้นที่ดังกล่าวนั้น มีคนอาศัยอยู่จริง แต่คนที่อาศัยอยู่นั้นมีหลายประเภท เช่น คนที่อยู่อาศัยมาแต่ดั่งแต่เดิมตั้งแต่บรรพบุรุษของพวกเขา คนที่เข้าไปอยู่อาศัยใหม่โดยเข้าไปซื้อที่ดินจากคนที่อาศัยอยู่แต่เดิม และยังมีอีกพวกหนึ่งคือพวกที่ตั้งใจเข้าไปกว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่จำนวนหลายๆ ผืน เพื่อจะนำไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
คนรักป่าไม่ต้องการให้ป่าถูกโค่นทำลาย และคนรักป่าก็ไม่ได้ปฏิเสธการที่คนอยู่ร่วมกับป่า โดยเกื้อกูลกันและกัน ดูแลกันและกัน เพราะป่าคือแหล่งอาหารสำคัญของคนในป่า และป่ายังเป็นทรัพยากรสำคัญของมนุษย์ทุกคน และคนไทยก็พยายามจะเข้าใจว่ารัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมาพยายามแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในเขตป่า จึงได้พยายามปรับปรุงเส้นเขตป่าในปี 2534 แล้วหลังจากนั้นหลายปีก็ทำให้เกิดเส้นแนวเขตป่า 2543 โดยเส้นแนวเขตป่าปี 2543 นี้เกิดมาจากการทำงานร่วมกันของรัฐบาลคือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง คนในชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ แต่ทว่าเส้นแนวเขตป่า 2543 ก็ยังไม่ได้ถูกประกาศใช้จึงไม่มีผลบังคับ เพราะติดขัดในเรื่องความล่าช้าในการปฏิรูปกระทรวง ทบวง กรม
จนมาถึงยุครัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือรัฐบาล คสช. ในปี 2558 ที่ให้จัดทำ one map ขึ้นมา เพราะหวังจะให้ประเทศไทยมีแนวเขตที่ดินที่ถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ในช่วงปลายของรัฐบาลประยุทธ์ ในปี 2566 รัฐบาลประกาศว่าพื้นที่ที่ถูกกันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ จะถูกส่งไปเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. แล้วอ้างว่าการเพิกถอนแนวเขตอุทยานแห่งชาติจะไม่มีผลใดๆ ต่อรูปคดีหรือคดีความต่างๆ ที่ยังคั่งค้างในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะคดีบุกรุกป่าเพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท และสนามกอล์ฟ ที่มีพื้นที่รวมกว่า 12,000 ไร่ หรือเป็นคดีรวม 400 กว่าคดี
สรุปก็คือ ป่าไม้ของไทย รวมถึงพื้นที่สาธารณะของไทย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล ห้วย หนอง คลอง บึง ภูเขา ก็ยังคงถูกคนบุกรุกทำลายแล้วครอบครองตลอดเวลา แล้วก็ดูเสมือนว่ารัฐบาลก็ไม่เอาจริงเอาจังมากนักกับการลงโทษคนทำผิด แถมยังไม่ตั้งใจรักษาพื้นที่สาธารณะของประเทศไว้อีกด้วย เพราะฉะนั้น จึงขอเรียกร้องให้คนไทยทุกคนช่วยกัน #saveทับลาน และ #saveที่สาธารณะ ทุกแห่งของประเทศไทยไว้ด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี