การกำจัด “ปลาหมอสีคางดำ” หรือ “ปลาหมอคางดำ” ถือเป็นวาระแห่งชาติ
เพราะถ้าปล่อยให้มันยึดครองระบบนิเวศในแหล่งน้ำบ้านเรา โดยปราศจากการแทรกซง วิบัติแน่ !
มันเป็นสัตว์น้ำเอเลี่ยนสปีชีส์ในไทย
ความหมายคือ เป็นสัตว์น้ำที่อยู่นอกระบบนิเวศในบ้านเรา เมื่อเข้ามาแล้วมันเป็นผู้ล่า กินสัตว์น้ำอื่นๆ วายวอดหมด ทั้งกุ้ง ลูกปลา ฯลฯ
มันชอบกินลูกกุ้งทะเล โดยเฉพาะกุ้งกุลาดำ กุ้งขาวแวนนาไม และกุ้งแชบ๊วย รวมถึงลูกปลาวัยอ่อน
ปลาหมอคางดำ (Blackchin tilapia) ลักษณะคล้ายปลาหมอเทศ มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา พบแพร่กระจายอยู่บริเวณชายฝั่งแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ
อยู่ได้ในน้ำเกือบทุกประเภท
ส่วนใหญ่พบอาศัยอยู่บริเวณปากน้ำที่เป็นน้ำกร่อย ป่าชายเลน จนถึงบริเวณชายฝั่งทะเล สามารถทนความเค็มได้สูงและทนต่อการเปลี่ยนแปลงความเค็มในวงกว้าง
นอกจากนี้ สามารถพบในพื้นที่น้ำจืด แม่น้ำ และทะเลสาบน้ำจืด ในบริเวณที่มีกระแสน้ำไม่ไหลแรง
สามารถผสมพันธุ์วางไข่ได้ตลอดทั้งปี แม่ปลา 1 ตัว สามารถให้ไข่ได้ประมาณ 50-300 ฟอง หรือมากกว่า ฟักไข่ใช้เวลาฟักประมาณ 4-6 วัน
มันหลุดรอดเข้ามาได้อย่างไร ยังชี้ชัดไม่ได้ (มีแต่ข้อกล่าวหา สมมุติฐาน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ชัดเจน)
วิธีการกำจัดปลาหมอสีคางดำ ทำอย่างไรบ้าง?
1. กรมประมง ชี้แจงว่า 5 มาตรการป้องกันและการแก้ไขปัญหา
ประกอบด้วย
“1.การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการระบาด
2.การปล่อยปลาผู้ล่า เช่น ปลากะพงขาว เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ
3.การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ เช่น ทำปลาป่นแปรรูปเป็นอาหาร
4.สำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ
และ 5.การประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักรู้ ให้กับทุกภาคส่วน ซึ่งได้ส่งไปยังทุกจังหวัดที่มีการพบปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ”
2.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงตอนหนึ่งในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุถึงมาตรการที่กรมประมงกำลังดำเนินการด้วย
นั่นคือ การเหนี่ยวนำชุดโครโมโซมปลาจาก 2n เป็น 4n
เพื่อทำให้โครโมโซมปลาหมอสีคางดำเปลี่ยน
จากนั้น แล้วปล่อยลงน้ำไป เมื่อมันผสมพันธุ์กัน ก็จะทำให้ปลาเป็นหมัน
โดยปลาที่ปรับเปลี่ยนโครโมโซมจะกระโดดลงน้ำภายในสิ้นปีนี้
“หนึ่งในนั้นที่กรมประมงได้เร่งทำอยู่ คือ การเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ ซึ่งเราเชื่อว่า การทำให้โครโมโซมจาก 2n เปลี่ยนเป็น 4n จะทำให้โครโมโซมในปลาชนิดนี้เปลี่ยน จากนั้น เราก็ปล่อยลงแหล่งน้ำ ทะเล พอมันไปผสมพันธุ์กันนอกจากตัวมันที่จะเป็นหมันแล้ว ก็จะทำให้เพื่อนของมันเป็นหมันตามไปด้วย นี่คือการทำงานของผู้เชี่ยวชาญของกรมประมง และเราคาดว่า ปลาที่จะผ่านการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซมเป็น 4n จะกระโดดลงน้ำครั้งแรกภายในสิ้นปีนี้”-นายอรรถกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ระบุ
3. ที่ผ่านมา การแพร่พันธุ์ของสัตว์ต่างถิ่น เคยมีมาแล้ว
ยกตัวอย่าง กรณีของ “หอยเชอรี่”
เป็นหอยน้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ เข้าสู่ประเทศไทยโดยตลาดซื้อ-ขายสัตว์เลี้ยง และผู้ประกอบการ ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
หอยเชอรี่เคยสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับชาวนา เป็นสัตว์ศัตรูข้าวตัวร้าย
ขยายพันธุ์เร็ว ทนต่อความแห้งแล้ง
วิธีการที่ไทยเราควบคุมหอยเชอรี่ เช่น การใช้ชีววิธี อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของหอยเชอรี่ อาทิ นกปากห่าง นกกระปูด
ใช้ไม้ปักตามข้างคันนา เพื่อล่อให้หอยมาไข่ แล้วเก็บออกไปทำลาย หรือใช้ประโยชน์
เอาไปบริโภคเป็นอาหาร โดยการนำหอยเชอรี่ไปใส่ในอาหารประเภทส้มตำ ยำ
นี่ก็จัดเป็น สัตว์เอเลี่ยนสปีชีส์ที่ต้องควบคุมจัดการ
ปัจจุบัน มีประกาศกระทรวงเกษตรฯ ห้ามเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบางชนิด เช่นปลาหมอสีคางดำ ปลาหมอมายัน ปลาหมอบัตเตอร์ ปลาทุกชนิดในสกุล Cichla และปลาลูกผสม ปลาเทราท์สายรุ้ง ปลาเทราท์สีน้ำตาล ปลากะพงปากกว้าง ปลาโกไลแอทไทเกอร์ฟิช ปลาเก๋าหยก ปลาที่มีการดัดแปลงหรือตัดแต่งพันธุกรรม GMO LMOทุกชนิด ปูขนจีน หอยมุกน้ำจืด หมึกสายวงน้ำเงินทุกชนิดในสกุล Hapalochlaena
เพราะสัตว์เหล่านี้ ถ้าแพร่ขยายในระบบนิเวศก็จะสร้างผลกระทบและความเสียหายนั่นเอง
4.อาจารย์ธรณ์ Thon Thamrongnawasawat ได้ให้แง่คิดน่าสนใจ ระบุว่า
“...อย่างแรก คือเป้าหมาย
คงต้องยอมรับว่า เมื่อเอเลี่ยนเข้าไปอยู่ในธรรมชาติถึงระดับหนึ่งแล้ว การจัดการให้หมดจนไม่มีเหลือ เป็นเรื่องที่เป็นไปแทบไม่ได้
ตัวอย่างง่ายๆ คือ ปลาซัคเกอร์ที่ยังมีอยู่ในบ้านเรา หรือปลาช่อนในอเมริกา
การจัดการปลาหมอ คือ การพยายามลดผลกระทบให้มากสุด
ผลกระทบแบ่งง่ายๆ เป็น 2 แบบ คือ ระบบนิเวศ และการทำมาหากินของผู้คน
ปลาหมอคางดำเข้าไปในระบบนิเวศ กินสัตว์น้ำอื่น ส่งผลรุนแรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
ปลาเข้าไปในบ่อบึง ส่งผลต่อกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ปลาเข้าไปในแหล่งประมง ทำให้สัตว์น้ำเศรษฐกิจหายไป ชาวประมงพื้นบ้านจับได้แต่ปลาหมอราคาต่ำ
การจัดการด้านพื้นที่ คือ คุมการระบาดให้มากที่สุด
แบ่งพื้นที่ง่ายๆ เป็นเขตหลัก (อ่าวไทยตัวก.) เขตรองที่เป็นหย่อมๆ กระจายออกไปทั้งในแผ่นดินและในทะเล และเขตที่ปลายากไปถึง (เช่น เกาะต่างๆ แหล่งน้ำที่ไม่เชื่อมต่อกับแหล่งอื่น)
เขตหลัก ต้องเน้นการลดจำนวนปลาหมอ
เขตรอง ต้องคุมไม่ให้ขยายออกไปข้างๆ เพิ่มขึ้น
เขตไม่มีปลาไปถึงตามธรรมชาติ ต้องคุมไว้ให้ได้
การลดจำนวนแบบง่ายๆ คือ จับเท่าที่ทำได้ นำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ
คณะประมงพยายามทำ #เมนูกู้แหล่งน้ำ ทั้งทำสดและผลิตภัณฑ์ (น้ำปลาน้ำพริก ฯลฯ) ลองสอบถามข้อมูลที่คณะเพิ่มเติม
ยังรวมถึงการนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆ ที่คงต้องหาทางกันไป
อีกแบบ คือ ส่งผู้ล่าลงไปจัดการ
ผู้ล่าต้องมี 3 คุณสมบัติ ได้แก่ ปลาท้องถิ่น มีประโยชน์หาได้ในจำนวนมาก
ท้องถิ่น หมายถึงมีอยู่แล้ว จะไม่ส่งเอเลี่ยนไปกินเอเลี่ยน ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาหนักขึ้น ลองศึกษาเรื่องด้วงอ้อยและคางคกยักษ์ในออสเตรเลียคงเข้าใจ
มีประโยชน์ หมายถึงต่อให้ไม่กินปลาหมอหรือกินได้ไม่เยอะ คนก็ยังจับมากินมาขายได้
หาได้เยอะ หมายถึงเราต้องรวบรวมพันธุ์ปลาได้มากพอ ไม่งั้นก็คงได้แต่คิด
นั่นอาจเป็นที่มาของปล่อยปลากะพงกินปลาหมอ เพราะปลากะพงขาวมีคุณสมบัติครบ
อย่างไรก็ตาม เราต้องศึกษาอีกเยอะ เช่น จะกินปลาอื่นไหม กินปลาหมอได้แค่ไหน ไซส์ไหนถึงเหมาะ ถ้ามีปลาหมอแค่นี้ควรปล่อยแค่ไหน ฯลฯ
การปล่อยปลา จึงต้องระมัดระวังผลกระทบข้างเคียง และศึกษาพื้นที่ให้แน่ชัดว่าจะควบคุมได้
สุดท้าย คือ การยกเครื่องระบบเพื่อล้อมคอกหลังวัวหาย ซึ่งคงต้องทำต่อไปอย่างจริงจัง
ยังมีอีกหลายวิธี มีหลายผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกัน อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว เราต้องหาทางอยู่ร่วมกับปลาหมอคางดำต่อไป และพยายามลดความเสียหายให้มากที่สุดครับ”
5.ในทางเศรษฐศาสตร์ การกำจัดปลาหมอคางดำ จำแนกได้ 2 ทาง คือ
ด้านซัพพลาย และด้านดีมานด์
ด้านซัพพลาย ก็คือการควบคุมปริมาณปลาหมอคางดำ
ยกตัวอย่าง
กวดขันสถานที่เลี้ยงห้ามมีปลาหมอคางดำ
การปล่อยปลาไปกินปลาหมอคางดำในระบบนิเวศ
การไล่จับปลามาทำลาย ฆ่า ล่า ทุกรูปแบบ เพื่อลดจำนวนปลาหมอคางดำในระบบนิเวศ เป็นต้น
ด้านดีมานด์ ก็คือการบริหารจัดการความต้องการใช้ปลาหมอคางดำ ไม่ว่าจะเป็นนำไปกิน หรือนำไปใช้ประโยชน์ใดๆ ซึ่งจะทำให้มีการจับปลาหมอคางดำนั่นเอง
การจัดการด้านดีมานด์นั้น มีประสิทธิภาพมาก
ยกตัวอย่าง
การรับซื้อปลาหมอคางดำ ไปทำปลาป่น ในราคาที่จูงใจ โดยรัฐอาจอุดหนุนราคาเพื่อให้ได้ราคารับซื้อที่จูงใจ ดึงดูดให้คนล่าปลาหมอคางดำ
การจัดเทศกาลล่าปลาหมอคางดำ แข่งขันชิงรางวัล
การอำนวยความสะดวกให้คนล่า การปลดล็อกอุปกรณ์ประมงเพื่อล่าปลาหมอคางดำ (แต่ควบคุมยาก ว่าจะเอาไปใช้กับปลาชนิดอื่นหรือไม่)
การกระตุ้นให้คนบริโภคปลาหมอคางดำ คิดเมนูอร่อยๆ น่ากิน โฆษณาประชาสัมพันธ์จูงใจให้คนกิน ฯลฯ
จะเห็นว่า เราสามารถใช้วิธีการควบคู่กันไป เสริมกัน ทั้งด้านซัพพลาย และด้านดีมานด์
การกำจัดปลาหมอคางดำ จึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี