ปี 2547 ทั่วโลกเจอปัญหาไข้หวัดนกสัตว์ปีกจำพวกเป็ด ไก่ ถูกทำลายไปนับพันล้านตัว เฉพาะในประเทศไทยไก่ถูกทำลายประมาณ 18.4 ล้านตัว สัตว์ปีกแช่แข็ง ถูกสั่งระงับห้ามส่งไปขายในประเทศสหภาพยุโรป หรือ อียู รัฐบาลไทยในขณะนั้นแก้ปัญหา โดยการจัดให้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กินไก่ทอด (ซีพี)โชว์กลางสนามหลวง และคุยโวว่า ไก่ไทยปลอดภัยปรุงให้สุกกินได้ แต่การกินไก่โชว์หลอกได้เฉพาะสื่อในเมืองไทย ประเทศอียูยังยืนยันระงับการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกแช่แข็งจากประเทศไทย เนื่องจากนายกฯบอกกับผู้แทนอียูสองอาทิตย์ก่อนหน้าว่า “ประเทศไม่มีไข้หวัดนก”
แสดงให้เห็นว่า การกินไก่โชว์ไม่สามารถกลบเกลื่อนของเน่าของเสียได้ ดังนั้น การแสดงละครกินข้าว 10 ปีโชว์ รังแต่จะสร้างความเสียหายแก่สินค้าเกษตรของไทย ทำให้ชาวโลกสงสัยว่า สินค้าเกษตรไทยปลอดภัยไหม? มีคุณภาพตามโฆษณา หรือตรงปกตามภาษาคนรุ่นใหม่หรือไม่ เรื่องยี่ห้อ เรื่องเครื่องหมายสินค้าเมื่อมันถูกทำลายแล้วยากจะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้
ดังที่ อาจารย์ภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระเชี่ยวชาญด้านการเมืองการค้าระหว่างประเทศ โพสต์เตือนบนเฟซบุ๊กว่า..“คุณทำอะไรคิดก่อนบ้างไหมว่า สิ่งที่ทำอยู่คือการทำลายตลาดข้าวทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ความเชื่อถือในแบรนด์ของสินค้านั้น สำคัญที่สุด ไทลินอล กับ โบอิ้ง เคยเสียเงินหลักพันล้านเหรียญมาแล้ว เพื่อรักษาความมั่นใจของลูกค้าว่า ยาแก้ปวด ลดไข้ ไทลินอล กับ เครื่องบินโบอิ้ง คือ สิ่งที่ไว้ใจได้..”
เวลานี้คนในประเทศก็เริ่มกลัวแล้วว่าข้าวถุงที่ซื้อมา จะได้กินข้าวผสมระหว่างข้าวเก่าสิบปีกับข้าวใหม่จากพ่อค้าที่เข้าไปประมูลข้าวราคาถูก คนต่างประเทศก็ไม่มั่นใจว่าข้าวไทย จะมีการผสมข้าวจากพ่อค้าผู้ส่งออกหรือไม่ ถ้าราคาซื้อใกล้เคียงกัน ข้าวเวียดนามน่าจะปลอดภัยกว่าข้าวไทย สิ่งนี้แหละ ที่ผมบอกว่าแบรนด์นั้นคือเรื่องสำคัญ คนอีกรุ่น สร้างแบรนด์มาหลายสิบปี แต่คนอีกรุ่นสามารถทำให้แบรนด์ฉิบหายได้ในวันเดียว..”
“ทางออกที่สวยของข้าวทั้งหมด คือ ขายในราคาเอาไปทำอาหารสัตว์ หรือเอาไปหมักทำแอลกอฮอล์ น่าจะดีกว่า เพราะสมัยรัฐบาลลุงแกลองขายแล้ว แต่ไม่มีใครเอา บางคนทิ้งเงินมัดจำก็ยังมี..”
ผู้ที่มีสติปัญญาย่อมเข้าใจว่าอาจารย์ภัทรเตือนด้วยความปรารถนาดี ไม่มีคติ หรือวาระซ่อนเร้นใดๆ
ในตอนท้าย ท่านยังกรุณาแนะนำชี้ทางออกให้ และท่านบอกด้วยว่า สมัยรัฐบาลลุง(ตู่)เคยลองขายมาสามครั้งแล้ว ไม่มีใครเอา ในประเด็นนี้ขอขยายความจากคำพูดของ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ระบุว่า ข้าว 10 ปี ที่โกดังจังหวัดสุรินทร์ ตรวจสอบรายละเอียดแล้วพบว่า เคยมีการประมูลไปแล้ว 3 ครั้ง คือ ปี 2557 ปี 2558 และปี 2563 พบว่า มีผู้ชนะการประมูล แต่ไม่ยอมมารับข้าว (ให้คาดเดาเองว่า ถ้าข้าวดีจริง เป็นไปตามมาตรฐาน ทำไมไม่มารับข้าว) พร้อมกับบอกด้วยว่า ตามข่าวผู้ชนะการประมูลยอมให้ยึดเงินมัดจำ
เรื่องการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องให้เครดิต หมอวรงค์ ร้อยเต็มร้อย เพราะหมอวรงค์ เป็นผู้เริ่มตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ตั้งแต่ฤดูกาลแรก (crop แรก) ที่หมอวรงค์นำข้อมูลหลักฐานการรับจำข้าวตันละ 15,000 บาท ตลอดถึงการขายข้าวออก และการซื้อข้าว ที่พ่อค้าข้าวต้องทำธุรกรรมผ่านนายหน้าคนสนิทนายใหญ่มาอภิปรายในสภาในฐานะสส.พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปี 2544-47
การอภิปรายลงลึกในรายละเอียดของขบวนโกงในโครงการรับจำนำข้าว พร้อมทั้งมีหลักฐานมอบให้ประธานสภา เพื่อส่งต่อหลักฐานการโกงให้ #คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไป จนในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินลับหลังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำคุก 5 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีออกนอกประเทศไปทางชายแดนไทย- กัมพูชา วันที่ศาลฯนัดฟังคำตัดสิน
สำหรับพฤติการณ์ที่นำมาสู่คำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 เป็นผลสืบเนื่องจากโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)ซึ่งศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่า เป็นการขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแอบอ้างสัญญาจีทูจี เพื่อนำข้าวมาเวียนขายแก่ผู้ค้าข้าวในประเทศ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยทุจริต ที่ผ่านมามีข้อมูล ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน การตั้งกระทู้ถามในสภา และข่าวจากสื่อมวลชน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหาย นำมาสู่คำพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุก 5 ปี จึงสรุปว่าข้อมูลเรื่องข้าวค้างสต๊อกสิบปีของหมอวรงค์เชื่อถือได้
ดังนั้น การแสดงละครกินข้าว พ่นรมควันนานสิบปี ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กินข้าว 10 ปีโชว์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 จึงเป็นความพยายามฟอกขาวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปพร้อมๆ กับการทำลายตลาดค้าข้าวไทยให้ย่อยยับไปทั่วโลก ดังที่อาจารย์ภัทร เคาะกะโหลกว่า #คุณทำอะไรคิดก่อนบ้างไหมว่า สิ่งที่ทำอยู่คือการทำลายตลาดข้าวทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ”
จึงสรุปได้ว่า การแก้ปัญหามักง่ายเป็น“ดีเอ็นเอ” ของพรรคเพื่อไทย ที่รับน้ำลายผีปอบมาจากนายใหญ่ไทยรักไทย ที่แก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการ #พับนกกระดาษหนึ่งล้านตัวไปโปรยลงมาจากเครื่องบินทั่วจังหวัดชายแดนใต้เมื่อปี 2547 และในปีเดียวกันรัฐบาลไทยรักไทยกินไก่ทอดซีพีโชว์เพื่อสร้างมั่นใจว่าไก่ไทยปลอดจากไข้หวัดนก ในขณะที่ไข้หวัดนก (Influenza Virus) กำลังระบาดใหญ่ ที่ทำให้มีคนตายทั่วโลกอย่างน้อย 340 คน เฉพาะในประเทศไทย มีคนตายจากไข้หวัดนกในปี 2547 อย่างน้อย 14 คน ส่วนการพับนกสันติภาพไปโปรยในภาคใต้ถึงวันนี้มีคนตายจากความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ไปแล้วกว่า 7,000 คน
วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 นายภูมิธรรมนำข้าราชการและสื่อมวลชนกินข้าวค้างสต๊อกสิบปีโชว์ ถึงวันนี้ยังไม่มีใครตายจากการกินข้าวติดเชื้อราและสารพัดสารเคมี แต่ที่แน่ๆ คือการแก้ปัญหามักง่ายที่สืบทอดดีเอ็นเอมาจากนายใหญ่ของพรรคไทยรักไทย ได้ทำลายการค้าข้าวไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี