การก่อกระแสการเมืองโดยพรรคการเมืองบางพรรค ที่เรียกร้องให้ทบทวนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้รูปแบบการหาเสียง แล้วอ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชน แล้วก็อ้างต่อไปว่าจำเป็นต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา
การฟังข้ออ้างดังกล่าวเพียงผิวเผินอาจจะดูว่าสมเหตุสมผล เพราะถือว่ามาจากความต้องการของประชาชน และยังต้องผ่านกระบวนการในรัฐสภา ซึ่งถือเป็นการให้สิทธิกับตัวแทนของประชาชนที่ทำหน้าที่อยู่ในรัฐสภา
แต่ประเด็นปัญหามิได้อยู่เพียงแค่ข้ออ้างดังกล่าวแต่อยู่ที่เจตนาของผู้จงใจกระทำการในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเจตนาต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสำคัญ
ข้ออ้างเรื่องความต้องการของประชาชนเป็นข้ออ้างที่ฟังได้ แต่ข้ออ้างเรื่องการโค่นล้มโดยผ่านกลวิธีการล้มล้าง มาตรา 112 เป็นสิ่งที่ประชาชนผู้ที่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงคงอยู่คู่กับพระราชอาณาจักรไทย ไม่สามารถยอมรับได้
ขณะเดียวกัน ประชาชนที่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มนักการเมืองที่มีเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เข้าใจดีว่านี่คือเกมการเมืองที่อ้างความต้องการของประชาชน และอ้างกระบวนการในรัฐสภา
ก่อนอื่นนั้น เราต้องมาทบทวนกันว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทยมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องโยงใยกันอย่างไร แล้วต้องดูข้อเท็จจริงว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เกื้อกูลหรือบ่อนทำลายสังคมไทย
เมื่อได้คำตอบประเด็นคำถามข้างต้นแล้วก็จะทำให้สามารถตอบได้ชัดเจนว่าสังคมไทยควรหรือไม่ควรที่จะมีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไป
แน่นอนว่ามีคนในสังคมไทยบางคนไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ จะด้วยเหตุผลที่แท้จริงหรือด้วยเหตุอคติส่วนตัวก็ตาม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ายังมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยยังต้องการธำรงรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้
เมื่อความต้องการของสมาชิกสังคมไทยไม่ตรงกัน ก็จำเป็นต้องหาทางออกร่วมกันด้วยหลักของเหตุและผล และหลักของความผาสุกโดยรวมของสังคม
มีข้ออ้างว่าคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่ออ้างเช่นนี้ก็มีคำถามว่าคนรุ่นใหม่ที่ถูกอ้างนั้นคือคนกลุ่มไหน มีตัวตนแท้จริงหรือไม่ หรือว่าถูกอุปโลกน์โดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ของคนเฉพาะกลุ่ม
แน่นอนว่าสถาบันพระมหากษัตริย์อาจเป็นที่ชอบอกชอบใจของคนทุกคน แต่ก็ต้องถามย้ำเหมือนเดิมว่า โดยภาพรวมแล้วสถาบันพระมหากษัตริย์มีคุณ หรือมีโทษต่อสังคมไทยมากกว่ากัน
ขอพักประเด็นเรื่องคุณประโยชน์ของสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทยไว้เพียงแค่นี้ก่อน แต่จะขอนำเข้าสู่ประเด็นเรื่องการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 เน้นว่ากับผู้จงใจกระทำผิดมาตรา 112
ก็จะพูดถึงประเด็นนี้ในเชิงลึก ขอให้กลับไปดูรายละเอียดในหมวดหนึ่ง ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา 107 ถึง 112) เพื่อจะได้ทราบเหตุผลว่าทำไมจึงต้องถวายการอารักขาพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะถ้าหากไม่อ่านให้ครบทุกมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 107 ที่ระบุว่าผู้ใดปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียม เพื่อปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ หรือรู้ว่ามีผู้จะปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 110 ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินี หรือรัชทายาท หรือเพื่อฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี
ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันเป็นอันตรายแก่พระชนม์หรือชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินี หรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือรู้ว่ามีผู้จะประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของราชินี หรือรัชทายาท หรือประทุษร้ายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ขออภัยที่ต้องย้ำให้เห็นถึงบางมาตราในหมวดที่หนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เหตุผลก็เพราะต้องการให้ได้อ่านแล้วพิจารณาถึงสาระสำคัญของแต่ละมาตราที่ยกมา เพื่อจะได้รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องลงโทษผู้จงใจกระทำผิดตามหมวดหนึ่ง
แล้วเพื่อจะได้เข้าใจถึงเหตุผลว่าสมควรหรือไม่กับการนิรโทษกรรมให้ผู้จงใจกระทำผิดตามมาตรา 112
ขอย้ำว่าการจงใจกระทำผิดมาตรา 112 ไม่ใช่การกระทำผิดทางการเมือง อย่างที่พรรคการเมืองบางพรรคจงใจบิดเบือนมาโดยตลอด และขอย้ำว่าผู้จงใจกระทำผิดมาตรา 112 ไม่ใช่นักโทษการเมืองตามที่คนบางกลุ่มพยายามโกหกตลอดเวลาว่าเป็นการกระทำผิดทางการเมือง
หากจะถามต่อไปว่าแล้วมีคนบางคนจงใจป้ายความผิดด้วยมาตรา 112 ให้กับคนบางคนหรือไม่ ก็ไม่ต้องตอบมี แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาให้ลึกด้วยว่าเหตุใดจึงมีการป้ายความผิดด้วยมาตรา 112 กับคนบางคนซึ่งถือว่าเป็นส่วนน้อยมากในสังคมไทย แต่เท่าที่เห็นนั้นผู้ที่จงใจกระทำผิดตามมาตรา 112 มักจะอ้างว่าตนเองถูกป้ายสีโยนความผิดให้ ทั้งๆ ที่ตนเองนั้นจงใจแสดงพฤติกรรมหมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายอย่างชัดเจน โดยสามารถดูได้จากการกระทำ การแสดงออก คำพูด และการใช้การเขียนการแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อวิญญูชนได้พบเห็นก็สามารถเข้าใจได้โดยผ่านว่าผู้ที่จงใจแสดงพฤติกรรมหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 112 คือผู้ที่จงใจกระทำผิดกฎหมายอาญา แต่ก็พยายามหลบหนีความผิดด้วยการอ้างว่าถูกป้ายสีด้วยคดีการเมือง
การต่อสู้ทางการเมืองก็คือการต่อสู้ทางการเมือง การจงใจกระทำผิดในหมวดที่หนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะความผิดตามมาตรา 110 และ 112 ไม่ใช่ความผิดทางการเมือง และที่สำคัญคือวิญญูชนพบว่าผู้จงใจกระทำผิดในมาตราดังกล่าว มีความจงใจและต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำชนิดต่อหน้าหรือลับหลัง
เพราะฉะนั้น จึงขอยืนยันว่าต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับผู้จงใจกระทำผิดในหมวดที่หนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่นิรโทษกรรมให้กับผู้จงใจกระทำผิดมาตรา 112 และขอย้ำยืนยันว่า ผู้กระทำผิดมาตรา 112 ด้วยความจงใจและเจตนาไม่ใช่นักโทษการเมือง
เพราะฉะนั้น นักการเมือง จำพวกที่ต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องยุติการแสดงละครการเมืองด้วยการจงใจเล่นบทคนแสนดีที่อ้างสิทธิเสรีภาพของประชาชนมาโดยตลอด แต่เนื้อแท้นั้นมีเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คิดว่าคนอื่นรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าตนมีแผนร้ายเลวร้าย
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าข้ออ้างของนักการเมืองที่มีแผนล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการบอกว่าเป็นความต้องการของประชาชน และใช้กระบวนการแก้กฎหมายในรัฐสภาเป็นการกระทำที่ถูกต้อง จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่มีตรรกะเพียงพอ เพราะใช้รัฐสภาเพื่อออกกฎหมาย ต้องเน้นการออกกฎหมายที่ไม่ทำให้สังคมเกิดความปั่นป่วนโกลาหลจนนำไปสู่เหตุมิคสัญญีการยุค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี