กำลังเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ สำหรับ ศาสตราจารย์ ดร.พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หมอเกศกมล” เพราะนอกจากจะเป็นผู้ได้รับคะแนนสูงสุดในการเลือกตั้ง สว.ปี 2567 แล้ว ในด้านการศึกษา ศาสตราจารย์ ดร.พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ “หมอเกศกมล” ได้เขียนในใบสมัคร สว. แนะนำตัวเองต่อ กกต. และผู้สมัครรายอื่นๆ ว่า...
ศาสตราจารย์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Professor in Human Reseource Development) California University, ปริญญาเอก รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Political Science) California University, U.S.A., แพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน กรมสุขภาพจิต (Preventive Medicine, Community Mental
Health) และจบการศึกษาอีกหลายสถาบัน นั่นรวมถึงมีคำว่า “แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันแขนงสุขภาพจิตชุมชน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม”
ที่ประชุมกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 11/2567 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกประเด็นคุณสมบัติ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ“หมอเกศ” สว.กลุ่ม19 (กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ) กรณีกรอกประวัติเป็น “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม” ขึ้นมาพิจารณา เนื่องจากเห็นว่า เป็นความเชี่ยวชาญที่ไม่ได้มีการรับรอง
โดยที่ประชุมมีมติตั้งข้อกล่าวโทษ พญ.เกศกมล ตามมาตรา 32 วรรคสาม พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มอบหมายให้เลขาธิการแพทยสภา ดำเนินการตามข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยวิธีพิจารณาจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2563 โดยจากนี้จะมีการนำเข้าที่ประชุมกรรมการแพทยสภาอีกครั้งในวันที่8 ส.ค.นี้
นอกจากนี้ บนโซเชียลฯ ยังตั้งข้อสงสัยว่า ตำแหน่งศาสตราจารย์ และปริญญาเอกมาจาก California University อาจซื้อมาจากมหาวิทยาลัยห้องแถวหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีนักการเมืองรายหนึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าซื้อปริญญาจากมหาวิทยาลัยห้องแถว แต่ น.ส.เกศกมลชี้แจงกรณีวุฒิการศึกษาว่าเป็นของตนเอง โดยยืนยันว่าวุฒิการศึกษาที่ได้มาทั้งหมดเป็นของจริง จบจริงไม่มีการซื้อปริญญา มหาวิทยาลัยที่จบก็ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถว
1) วันที่ 12 ก.ค.2567 พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ได้มอบหมายตัวแทนและที่ปรึกษา พร้อมด้วยนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความ เป็นคนแถลงข่าว
นายสุขุมพงศ์ ชาญนุวงศ์ หนึ่งในตัวแทนที่ออกมาชี้แจงเปิดเผยว่า เอกสารทั้งหมดได้รับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเครื่องยืนยันว่า จบการศึกษาจริง ไม่ใช่ปริญญาปลอม ซึ่งทางมหาวิทยาลัยที่ได้จดทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการ เป็นมหาวิทยาลัยประเมินเกรด ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก หรือเทียบเท่า รูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบ เวิลด์ไวด์ มีการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
ส่วนระดับมหาวิทยาลัยไม่มีการเรียนการสอนเน้นการส่งรายงานและทำวิทยานิพนธ์เพื่อประเมินเทียบเกรด โดย พญ.เกศกมล ได้ทำวิทยานิพนธ์หลายเรื่อง ทั้งแบบวิจัยเดี่ยวและงานกลุ่ม มีการลงตีพิมพ์งานวิจัยในออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สกอร์ปัส ซึ่ง พญ.เกศกมล ไม่ต้องเดินทางไปเรียนในที่มหาวิทยาลัย
ผู้สื่อข่าวพยายามจะให้เปิดงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ของ พญ.เกศกมล ที่ใช้ในการเทียบเกรดรับวุฒิปริญญาเอกทาง ดร.สุขุมพงศ์ ได้แสดงบทความที่เพิ่งลงเว็บไซต์ sci-arch.net ซึ่งลงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ส่วนวิทยานิพนธ์ ในช่วงปี 2021-2022 ที่ พญ.เกศกมลใช้เทียบเกรด ค้นหาไม่เจอ รวมถึงไม่มีต้นฉบับมายืนยันกับสื่อมวลชน ซึ่งส่วนนี้ยังเป็นข้อสงสัย
ทนายเดชา เปิดเผยว่า คำว่า ศาสตราจารย์ที่เป็น เป็นเรื่องในสหรัฐอเมริกาไม่เกี่ยวกับไทย ซึ่งการนำวุฒิการศึกษาดังกล่าวมาสมัคร สว. ไม่ถือว่าผิดกฎหมายเพราะไม่มีการตั้งข้อกำหนดเอาไว้
ส่วนประเด็นการใช้วุฒิการศึกษาแนะนำตัว ดร.ณัฐวัชร จันธโรธรณ์ ที่ปรึกษาของ พญ.เกศกมล อีกคนเปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือสอบถามไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว และได้คำตอบรับว่า สามารถใส่ได้ในหัวข้อที่ 3 เรื่องของประสบการณ์ได้ จึงถือว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอน
2) แพทย์หญิงเกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวี (21 ก.ค.2567) ว่า
“มีคนเตือนแล้วนะคะ ว่าอยู่ดีๆ ทำไมมาสมัคร สว.จริงๆ มันเกิดจากอุดมการณ์ค่ะ วันนี้ที่เราทำงานและหารายได้มาถึงจุดหนึ่ง เราก็อยากตอบแทนสังคม”
“เราอยากจะมีบทบาท อยากมีส่วนเล็กๆ ช่วยสังคมช่วยประเทศชาติ ให้มันดีขึ้น เราอยากใช้ความรู้ความสามารถที่เราเรียนมามากมายเอามาช่วยประเทศ แม้จะมีประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่ง เราก็อยากจะทำ แต่ไม่คิดว่าจะเจออะไรขนาดนี้”
3) ใครก็ได้ ช่วย “ให้สติ” คุณหมอแกที ว่าเรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นจากตัวหมอเองทั้งสิ้น โดยเฉพาะการโพสต์เฟซบุ๊ก ที่ชวนให้คนเข้าใจไปว่า หมอไปเกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาหลายแหล่ง จนสถานศึกษาเหล่านั้น ต้องออกมาบอกความจริงที่ “ชัดเจน”
4) สถาบันการศึกษา 3 แห่ง ชี้แจงการศึกษา “เกศกมล” หลังจากที่ทั้ง 3 สถาบันการศึกษาในไทย ที่แพทย์หญิงเกศกมล เปลี่ยนสมัย วุฒิสมาชิก อ้างถึงทั้งหมดออกมาชี้แจงแล้ว เช่น การไม่ได้จบปริญญาเอกจากสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า, ไม่เคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ภาพที่เห็นเป็นเหตุการณ์ฝึกซ้อมอบรมดับเพลิงฯ และแค่กำลังศึกษาปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แต่อยู่ปี 2 เทอม 1 เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนทำโครงร่างวิจัย และทำดุษฎีนิพนธ์เท่านั้น
เพจ ทนายคลายทุกข์ ของ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของแพทย์หญิงเกศกมล เปลี่ยนสมัย โพสต์ข้อความแจงเรื่อง แพทย์หญิง เกศกมล เรื่องการศึกษา โดยย้ำว่า แพทย์หญิง เกศกมล ไม่เคยพูดหรือบอกว่า เรียนจบปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ บอกแค่ว่ากำลังศึกษาต่ออยู่เท่านั้น, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ไปร่วมงานซ้อมดับเพลิงจริง และได้คุยกับรองอธิการบดี เรื่องจะไปสอนแต่ไม่สามารถไปร่วมงาน เนื่องจากเวลาไม่ลงตัวและติดในกฎเกณฑ์เงื่อนไขบางประการ ก็เลยไปร่วมงานสอนไม่ได้ อีกทั้งมีการเข้าใจผิดเรื่องเรียนที่ นิด้า ความจริงคือเป็นการไปติว เพื่อเตรียม present หัวข้องานวิจัย ไม่ใช่การสอบจบ ปริญญาเอก อย่างที่เข้าใจผิด
5) สมจิตต์ นวเครือสุนทร บรรณาธิการข่าวช่อง 7 โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ บ้าดีกรี “พ่นพิษ” ความว่า...
พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.กลุ่ม 19 เข้าสภาฯ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อฯ ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนแรงที่รุมเร้าเธอหลายประการ จากการสะท้อนกลับของดีกรีนำหน้าชื่อ ที่ตอนนี้เอาออกไปหมดแล้ว ทั้งศาสตราจารย์ และดร. แต่สิ่งที่ยังรออยู่คือ “คดีความ” และ “ผลกรรม”
วิบากกรรมที่รออยู่ ; กกต.รับคำร้องสอบปมวุฒิการศึกษาว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือไม่, แพทยสภาขอเอกสาร กกต. สอบจริยธรรม อ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม จ่อสอบจริยธรรมทางการแพทย์, สนธิญาร้อง ป.ป.ช. สอบจริยธรรมร้ายแรง ปมวุฒิการศึกษา ใช้คำนำหน้า ศาสตราจารย์ , ดร.
6) รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ เรื่องของ ศ.ดร.พญ.จะจบอย่างไร
1. เรื่อง ศ. นั้นไม่มีเจ้าภาพ เนื่องจาก ไม่ได้อ้าง ศ.มหาวิทยาลัยในประเทศ จึงไม่มีมหาวิทยาลัยใด รับเป็นเจ้าทุกข์ ดำเนินคดี ส่วน อว. ก็แค่พูดลอยๆ ให้พ้นตัว
2. เรื่อง วุฒิ ป.เอก จากเทียบประสบการณ์ ก็ยังคงมีอยู่ในบ้านเมือง เพราะมีคนพร้อมจ่าย และมีบริษัทในต่างประเทศพร้อมรับ อาจารย์ที่ปรึกษารับทำวิทยานิพนธ์ ไม่มีใครลงโทษได้ เพราะเป็นอาจารย์อิสระ ไม่สังกัดสถาบันใด
3. เรื่องบริษัทเอกชนในอเมริกา กล่าวอ้าง รัฐสภาไทยรับรองวุฒิที่ออกโดยเขา ผู้บริหารรัฐสภาไทย คงปรึกษาฝ่ายกฎหมายในสำนักงานอีกนาน จนคนลืมแล้วก็ไปทำเรื่องอื่น เช่น แก้ฝนรั่วหลังคาสภา
4. การใช้คำว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่แพทยสภาไม่รับรอง อาจมีการดำเนินการทางวินัยต่อแพทย์ในเรื่องจรรยาบรรณ เช่น ตักเตือน พักใบอนุญาต แต่คงไม่ถึงถอนใบอนุญาต
5. เรื่องคำร้องถึง กกต. กรณีการให้ข้อมูลในใบแนะนำตัวที่เกินจริง ทั้ง ศ. ทั้ง ดร. ทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและผิวพรรณ อาจโชคดีผ่านหลายตะแกรงมาได้ แต่อาจจบที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่แพทยสภาไม่มีและไม่สามารถใช้ได้
6) ล่าสุด กกต. รับคำร้องที่ขอให้กกต.ตรวจสอบว่า การที่ น.ส.เกศกมล ระบุประวัติการศึกษาว่าเป็นศาสตราจารย์ จบปริญญาเอกจาก California University
ในใบเอกสารแนะนำตัวสมาชิกวุฒิสภา (สว.3) เข้าข่ายเป็นการกระทำหลอกลวง จูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณเพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ตนตามมาตรา 77 (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 หรือไม่โดยเลขาธิการฯกกต.มีคำสั่งรับเป็นสำนวนเมื่อวันที่ 1 ก.ค 2567 และอีกคำร้องกกต.มีมติสั่งรับเป็นสำนวนเมื่อวันที่ 5 ก.ค.2567 ซึ่งถ้าผิด ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
เนื่องจากตามกฎหมายไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัคร สว.ว่าต้องมีวุฒิการศึกษาระดับใด น.ส.เกศกมลจึงไม่มีประเด็นที่ถูกร้องเรื่องขาดคุณสมบัติ แต่เป็นการกล่าวหาว่าข้อมูลประวัติการศึกษาในใบสว.3 เป็นการหลอกลวงให้ลงคะแนนเลือก ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบ หาพยานหลักฐานมาพิสูจน์ โดยต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องให้ความธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาตามที่ระเบียบกกต.กำหนด กกต.จึงประกาศรับรองน.ส.เกศกมลไปก่อน และขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนไต่สวนตามคำร้อง
รอลุ้นชะตาอันเกิดจาก “กรรม” ที่หมอเกศทำมาด้วยตนเองกันต่อไป ว่า จะส่งผลอย่างไรกับสถานภาพ สว. ของเธอ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี