14 สิงหาคม 2567 คือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีที่สมาชิกวุฒิสภา 40 คนยื่นเรื่องให้พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาประเด็นความเป็นรัฐมนตรีของเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงหรือไม่ ในกรณีแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคำร้องที่ว่านั้นร้องโดยสมชาย แสวงการ ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา และยังมีสมาชิกวุฒิสภารายอื่นๆ รวมทั้งหมด 40 คนเป็นผู้ร้อง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2567 และแล้วในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็ประกาศว่านัดฟังคำวินิจฉัยคดีนี้ในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น.
ย้อนหลังคดีนี้สักเล็กน้อย จะพบว่าหลังจาก สว. ทั้ง 40 คนยื่นเรื่องนี้ ก็ปรากฏว่าพิชิตชื่นบาน ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประกาศกร้าวไม่ลาออก และไม่สนใจคำร้อง เพราะตนเองมั่นใจว่าไม่ผิดกฎหมาย และไม่ขาดคุณสมบัติของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่หลังจากนั้นไม่นาน พอถึงวันที่ 21 พฤษภาคม พิชิตก็ประกาศลาออก ชนิดที่ว่าลาออกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุย ทั้งๆ ที่ประกาศกร้าวว่าไม่ลาออก แต่ก็ลาออกแบบที่ทำให้คนตั้งคำถามว่าใครสั่งให้พิชิตลาออก
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเรื่องคุณสมบัติ ของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 23 พฤษภาคมแล้วก็ประกาศให้ฟังคำวินิจฉัย 14 สิงหาคม
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งให้เศรษฐา ทวีสิน หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่รับคำร้องไว้พิจารณา โดยมีมติ 5 ต่อ 4 ซึ่งนับว่าฉิวเฉียดมากอย่างมีนัยสำคัญ
สิ่งที่สาธารณชนต้องจับตาดูและฟังคำวินิจฉัยวันที่ 14 สิงหาคม คือเศรษฐาจะอยู่หรือไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากเศรษฐาไปจากตำแหน่ง ก็หมายความว่าคณะรัฐมนตรีต้องไปทั้งคณะ แล้วจะเข้าสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อจากเศรษฐา
คำถามต่อมาคือ หากเศรษฐาต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใครจะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะเป็นชัยเกษม นิติศิริหรือแพทองธาร ชินวัตร จากเพื่อไทย หรือจะเป็นอนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย หรือจะเป็น ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพลังประชารัฐ ส่วนชื่อของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากก้าวไกลนั้นตัดทิ้งได้ทันที เพราะ 7 สิงหาคมนี้ พรรคก้าวไกลก็จะถูกลบชื่อแล้ว เพราะทำผิดอย่างโจ่งแจ้งในกรณีล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คำถามเดิมคือใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีแทนเศรษฐา ในกรณีที่เศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่ง หากเป็นชัยเกษมก็ไม่น่าจะได้ เพราะสุขภาพย่ำแย่มากจนเกินจนรับหน้าที่ ส่วนแพทองธารก็คงพอจะเป็นได้ เพราะมีพ่อเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่ปัญหาอยู่ที่สติปัญญาและความสามารถของแพทองธาร หลายคนจับตามองไปที่อนุทินผู้ที่ตอนนี้คอการเมืองบอกว่ามีราศีจับค่อนข้างชัดเจน ส่วนประวิตรนั้นน่าจะตัดทิ้งไปได้เลย เพราะโอกาสน้อยมาก เพราะฉะนั้น ถามใจคุณเองก็แล้วกันว่าต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีแทนเศรษฐา แต่ทว่า คนในใจของคุณ กับคนที่จะได้รับการลงมติเลือกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่ใครมีกำลังภายในในสภาฯมากกว่ากัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี