วันนี้บอกได้เต็มปากเต็มคำไม่ต้องอ้อมแอ้มเลยว่า “ทีมไทยแลนด์” ที่เต็มไปด้วยทุกอณูของสังคมไทยไม่มีใครไม่เคยหรือไม่อยากได้ยินเพลงที่ชื่อ “คิดถึงลุงตู่” ที่ต้องออกตัวว่าไม่อ้อมแอ้ม เพราะก่อนหน้านี้ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนมีเสียงพร่ำเพรียกเป็นระยะ ทว่า ผลสำรวจความคิดเห็นคือ ผลสำรวจความคิดเห็น วินาทีผลสำรวจความคิดเห็นทางการเมืองขึ้นอยู่กับว่าใครว่าจ้างองค์กรใดทำการสำรวจเท่านั้น
รัฐบาลเป็ดง่อยของ “นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ -เศรษฐา ทวีสิน” ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้ประดับเป็นแค่นายกรัฐมนตรีนอมินี รอการสั่งการจาก “สัมภเวสีชาย-หญิง”คู่หนึ่งให้อยู่ครบวาระหรือไปก่อนวาระจะ “สำเหนียก”กับเสียงคร่ำครวญผ่านบทเพลง “คิดถึงลุงตู่”มากน้อยเพียงไหน แต่จากบทสัมภาษณ์ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 - เศรษฐา ทวีสิน”เหมือนจะเข้าใจบริบทที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดี
เป็นบริบทที่ไม่มีใครปลุกปั่นสร้างวาทกรรมสร้างภาพหลอกมวลมนุษยชาติที่เรียกว่า ราษฎรไทย/สังคมไทย แต่มันเกิดขึ้นจากความหมดกลั้นหมดความอดทนกับรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไม่เกิดประโยชน์อย่างใดเลย ตรงข้ามเสียงสำรอกสำรากบนเวทีหาเสียงเลือกตั้งกลายเป็นแค่วาทกรรมลวงโลกลวงประชาชน
เพราะ “นายกรัฐมนตรี - เศรษฐา ทวีสิน”บอกว่า “ลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”อดีตนายกฯ คนที่ 29 บริหารประเทศมานานมีผลงานเป็นรูปธรรมมากมาย ย่อมต้องเกิดการเปรียบเทียบสิ่งที่เป็นอยู่กับอดีตที่ผ่านมาโดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพ, หนี้สินครัวเรือนที่รัฐบาลลุงตู่ต้องเผชิญบนสถานการณ์ที่อ่อนไหวจากสถานการณ์สงครามการค้า และสงครามด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ที่เกิดขึ้นทุกภูมิภาคของโลก และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
“นายกรัฐมนตรี - เศรษฐา ทวีสิน” คงลืมบทบาทตัวเองในช่วงการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งไปแล้วว่าขึ้นมาทั้งสิ้นจากเหนือจรดใต้กี่ครั้งกี่เวทีและทุกเวทีได้ถ่มน้ำลายรดฟ้าเหน็บแนมหยิกกัดรัฐบาลลุงตู่อย่างสาดเสียเทเสีย แล้วบอกด้วยว่าเลือก “พรรคเพื่อไทย”...ประเทศไทยเปลี่ยนทันที
เลือก “พรรคเพื่อไทย”...ประเทศไทยเปลี่ยนทันที และนี่คือประโยคเดียวที่เกิดขึ้นจริงหลัง “พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ”
ประเทศไทยเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามกับผลการบริหารประเทศที่ถูกนักธนกิจการเมือง ทุนสามานย์ นักการเมืองเสียชาติเกิด “บูลลี่”มาตลอดว่า “...ตลกบนเวทีโลกบ้าง, รปภ.โง่บ้าง” ไหนล่ะคิดใหญ่ทำเป็น มุ่งมั่นแต่จะกู้เงินจะเกลี่ยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และ ปี 2568เพื่อดำเนินตามนโยบาย “เติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต แก่ประชาชนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปตามเงื่อนไข
รัฐบาลควรสำเหนียกและฟังเสียงของ ประชาชนอย่างรอบด้านอย่างที่สำรอกสำรากไว้จนเป็นนิจสิน
ประเด็นสินค้าแพงระยับทั้งแผ่นดิน น่าจะเป็นประเด็นแรกๆ ที่รัฐบาลต้องสำเหนียกรับฟัง และเร่งเยียวยาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เสนาบดีบางคนสำรอกอย่างไม่เกรงใจประชาชนว่า “เรื่องนี้เดี๋ยวเอาไว้ค่อยคุยกัน”
พรุ่งนี้พรรคเพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน
แต่รัฐบาลไม่ชี้แจงแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงทั้งแผ่นดิน ไม่ฉลาดคิดฉลาดรู้แนวทางปฏิบัติเหมือนตอนเป็น “พรรคฝ่ายค้านที่กระสันขออำนาจบริหารประเทศเลยสักนิด
ยุคสมัยนี้ “คนตรง/คนดีอยู่ยาก ...คนสร้างภาพอยู่สบาย”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี