แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป (พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ 4 พฤษภาคม 2562)...
nn วันที่ 7 สิงหาคม 2567 เป็นอีกวันหนึ่งที่คอการเมืองไทยกำลังเฝ้าจับตามองว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดอนาคตพรรคก้าวไกลสถานใด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คอการเมืองไทยฟันธงไปนานแล้วว่า ยุบพรรคแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็ต้องรอฟังคำวินิจฉัยชัดๆ ว่าจะออกมาอย่างไร ขณะเดียวกัน คอการเมืองก็เชื่อว่าคนในพรรคก้าวไกลก็ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า พรรคก้าวไกลต้องถูกยุบแน่นอน เพราะกรรมคือเครื่องชี้เจตนา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรมากนัก เพราะถึงพรรคก้าวไกลถูกยุบแต่ก็มีพรรครองรับไว้แล้ว แต่ทว่าปัญหาสำคัญอีกประการคือจะมีงูเห่าก้าวไกลเลื้อยไปเข้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ แล้วหากมีจะมีกี่สิบตัว เรื่องนี้น่าสนใจมากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่คนในพรรคก้าวไกลก็พอจะรู้ๆ กันอยู่ เพียงแต่ไม่กล้าพูดชัดๆ เพราะอุดมการณ์การเมืองมันไม่สามารถเอาชนะความอุดมสมบูรณ์ของเงินทองในกระเป๋าของ สส. ที่อยู่ในซีกรัฐบาล...
nn ส่วนพรรคลุงบ้านป่า คือพรรคพลังประชารัฐ ของป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็พยายามจะหางูเห่าจากพรรคก้าวไกลให้เลื้อยไปอยู่ในพรรค เพราะป้อมเชื่อว่าหากมี สส. เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองทางการเมือง แล้วอาจจะทำให้ความหวังสุดท้ายของป้อมคือ ขอเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงสักครั้งก่อนหมดลมหายใจ กลายเป็นความจริงขึ้นมา แต่คอการเมืองก็บอกว่าความฝันของป้อมนั้นค่อนข้างเลือนลาง และเลื่อนลอย ก็คงได้แต่หวัง และฝันไปอย่างลมๆ แล้งๆ เท่านั้น...
nn ส่วน 14 สิงหาคม 2567 ก็เป็นวันระทึกอีกวันของเศรษฐา ทวีสิน ผู้ที่ก้าวขี้นไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแบบง่ายๆ แต่ทว่าเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วกลับไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย จนได้ฉายาว่าเป็นนายกฯ เซลส์แมน ที่ดีแต่ร่อนเร่ไปต่างประเทศ แต่ไปแล้วก็ไม่มีผลงานใดๆ ติดมือกลับมาอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน จนถูกนำไปเปรียบเทียบกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงที่ยังคงหนีคดีอยู่ในต่างแดนว่า ระหว่างเศรษฐากับยิ่งลักษณ์มีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือขยันบินไปต่างประเทศมาก ราวกับว่าเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อบินเก็บไมล์สะสม แต่ไม่มีผลงานใดๆ เป็นประโยชน์กับประเทศแม้แต่น้อย...
nn คราวนี้ก็ต้องมาดูกันว่า 14 สิงหาคมนี้ เศรษฐาจะอยู่หรือไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้คอการเมืองบอกว่าหวาดเสียวมาก เพราะครั้งก่อนศาลรัฐธรรมนูญลงความเห็นเรื่องสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ด้วยคะแนนฉิวเฉียด 5 ต่อ 4 เพราะในครั้งนั้น เศรษฐายังคงบินไปทำหน้าที่นายกฯ ของไทยในประเทศญี่ปุ่น คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะตุลาการที่ไม่ได้มาจากสายนิติศาสตร์ ก็เลยลงความเห็นว่ายังไม่สมควรให้เศรษฐายุติการเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น เพราะอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทยต่อสายตาของญี่ปุ่นได้ แต่ในเวลานี้ เศรษฐาไม่ได้บินว่อนไปไหนอีกแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องห่วงภาพลักษณ์ของความเป็นนายกฯ ของไทยต่อสายตานานาชาติอีกต่อไปดังนั้นจึงมีผู้ฟันธงว่าเศรษฐาน่าจะไม่รอดอีกแล้ว แต่ก็ยังมีความเห็นแย้งว่า เศรษฐาน่าจะรอดก็ได้ เพราะบัดนี้มีกุญซือด้านกฎหมายคือเนติบริกรที่ชื่อวิษณุ เครืองามไปรับหน้าที่ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แล้วเนติบริกรก็ต้องทำทุกหนทางเพื่อให้คนที่ใช้บริการตนเองไม่ต้องเสียหน้าและเสียตำแหน่ง...
nn หนู-อนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทยถูกสาธารณชนที่สนใจการเมืองมองว่านับวันจะมีรัศมีการเมืองแจ่มจรัสมากขึ้น และมากขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ได้พบความจริงว่าสมาชิกวุฒิสภาชุดล่าสุดนั้น ส่วนใหญ่ มาจากสายสีน้ำเงิน เมื่อสายสีน้ำเงินมีอำนาจเพิ่มเติมมากขึ้นจากการมีวุฒิสมาชิกเป็นจำนวน 3 ใน 4 ของวุฒิสภา ก็หมายความว่าอำนาจต่อรองทางการเมืองของพรรคสีน้ำเงินก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นก็จึงทำให้เกิดเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า อนุทินน่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หากเศรษฐากระเด็นตกจากเก้าอี้นายกฯ ในวันที่ 14 สิงหาคม...
nn แต่อนุทินก็ยังคงแสดงบทขอส่งกำลังใจให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และสนับสนุนให้เศรษฐาอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไป โดยตัวของอนุทินเองยังไม่คิดจะเป็นนายกฯ ในขณะนี้ แต่คำพูดของอนุทินหาได้ทำให้คอการเมืองไทยหลงเชื่อถือ แต่คอการเมืองกลับมองว่า นี่คือการจงใจเล่นละครของอนุทิน เพราะคนอย่างอนุทินนั้นกินตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ มาแล้วหลายกระทรวง ซึ่งการที่เคยกินตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงหลักๆ มาแล้วหลายแห่ง ก็ย่อมหมายความว่าต้องหมายตาจะขึ้นไปกินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างไม่ต้องปฏิเสธ ส่วนการที่อนุทินบอกว่าให้กำลังใจเศรษฐาให้เป็นนายกฯ ต่อไป ก็เป็นเพียงการแสดงบทการเมืองของคนที่ยังมีสถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น แต่หากมองให้ลึกแล้วจะพบว่ามีการหักเหลี่ยมเฉือนมุม ชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบทางการเมืองตลอดเวลาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย โดยเฉพาะประเด็นดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยเพื่อไทย และการยื้อว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติดโดยภูมิใจไทย...
nn และในเดือนสิงหาคมอีกเช่นกัน โดยเฉพาะในวันที่ 22 สิงหาฯ ที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร จะพ้นโทษทัณฑ์ ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่ทักษิณมีสถานภาพเป็นนักโทษ ก็ไม่เคยพบว่านักโทษชายทักษิณจะต้องติดคุกติดตะรางแม้แต่วินาทีเดียว มิหนำซ้ำยังสร้างเรื่องว่าป่วยหนักจนใกล้ตาย แต่สุดท้ายภาพที่ออกมาคือเริงร่า ลั้ลลาฮาเฮ ราวกับคนไม่เคยป่วยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเมื่อนักโทษชายทักษิณพ้นโทษ ก็จะต้องแสดงอิทธิฤทธิ์การเมืองมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะขนาดอยู่ในสถานภาพนักโทษที่ได้รับการพักโทษ เขายังแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ นานาจนหลายคนบอกว่าอภินิหารเฮ่งเจียต้องชิดซ้าย เมื่อเจออภินิหารของนักโทษชายทักษิณ...
nn ภาพนักโทษชายทักษิณที่ปรากฏความเบิกบานหรรษาแบบที่ปรากฏทำให้หลายคนถามซ้ำๆ ว่าคนป่วยที่ใกล้ตายสามารถมีสภาพเบิกบานได้เช่นนี้หรือ หากเป็นคนป่วยใกล้ตายจริง แล้วสามารถฟื้นอาการป่วยขั้นวิกฤตได้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ก็ต้องถามหากันต่อไปว่า หมอคนไหนให้การรักษา เพราะน่าจะเป็นหมอเทวดาหรือไม่ก็ต้องเป็นหมอผีแน่ๆ เพราะการทำให้คนป่วยใกล้ตาย สามารถลุกขึ้นมาเริงร่า กระดี๊กระด๊าได้เช่นนี้ ต้องไม่ใช่หมอธรรมดาอย่างแน่นอน เรื่องนี้มีคำถามไปยังแพทยสภาว่าหมอคนไหนหนอที่เป็นเจ้าของไข้ของนักโทษชายทักษิณ หากฝีมือการรักษาดีเช่นนี้ รักษาคนป่วยใกล้ตายให้ลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็ควรจะให้รางวัลแพทย์ดีเด่นของประเทศไทย เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป...
nn มีคำถามจากพรรคก้าวไกลฝากมาว่า ทำไมสื่อมวลชนไทยไม่จี้ไปที่ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ในประเด็นการยุบพรรคภูมิใจไทยบ้าง สื่อฯ ลืมไปหรือว่าพรรคภูมิใจไทยมีคดีที่ศักดิ์สยามชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรคฯ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องคดีถือหุ้นบริษัท บุรีเจริญคอนสตรัคชันโดยมิชอบ คดีนี้ถือว่าผิดจริยธรรมของนักการเมืองอย่างร้ายแรงคดีนี้ยังคาอยู่ที่ ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) เรื่องที่คนของก้าวไกลฝากถามนี้ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และต้องถามไปยัง ป.ป.ช. กับ กกต. ว่าทำไมเรื่องที่ว่านั้นจึงเงียบเหงาจัง มีอะไรค้ำคอของ ป.ป.ช. และ กกต. หรือ ทำไมจึงไม่เร่งทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง แล้วทำไมจึงเร่งรัดทำเรื่องของก้าวไกลจังเลย...
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องน่าสมเพชและน่าสังเวชใน กสทช. (สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ต้องบอกว่าในสำนักงานแห่งนี้มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ทว่าไม่มีใครสามารถทำความกระจ่าง หรือทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรนี้ดีงาม และน่าเชื่อถือขึ้นมาได้ ประเด็นคุณสมบัติของประธาน กสทช. ก็ยังคาราคาซัง เรื่องก็ยังค้างอยู่ท่ีวุฒิสภา ยังไม่มีการปลดประธาน กสทช. ส่วนประธาน กสทช. ก็ยังคงไม่สามารถสร้างความกระจ่างในเรื่องที่ถูกตั้งคำถามสารพัดเรื่อง แต่ที่น่าสมเพชคือ มีคนใน กสทช. เล่าให้ฟังทำนองว่า ทุกวันนี้ กสทช. เป็นเสมือนสมบัติส่วนตัวของประธาน กสทช. คนใน กสทช. ทุกคนมีสภาพเหมือนลูกน้องของประธาน กสทช. ประธาน กสทช. สั่งการทุกอย่างในสำนักงาน กสทช. ได้อย่างเด็ดขาด ส่วน กสทช. อื่นๆ ไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ และยังมีเสียงวิจารณ์อีกว่า กสทช. คนไหนที่ตั้งคำถามกับ ประธาน กสทช. คือคนที่ทำให้ กสทช. เสียหาย จนเกิดเสียงวิจารณ์ว่า เฮ้ย! กสทช. ยุคนี้มันยุค Hitler ครองสำนักงานหรือกระไร...
nn ว่าแล้วก็มีเสียงสะท้อนไปยังวุฒิสภาชุดล่าสุดว่าโปรดเข้าไปทำความสะอาดและความกระจ่างใน กสทช. ด้วยเถิด เพราะรอ สส. จากทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะเข้าไปสะสางปัญหาใน กสทช. สักที...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี