วันนี้ 1 สิงหาคม 2567 ฝันของพรรคเพื่อไทยที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบาย“ตกเขียว”ในโครงการแจกเงิน“ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท”เริ่มเดินเครื่อง..ส่วนฝันจะกลายเป็นฝันลมๆ แล้งๆ เพราะ“พายุหมุนทางเศรษฐกิจจำนวน 4ลูก”ที่รัฐบาลคาดหวังอ่อนกำลังทำให้หมุนไม่ไหวหรือไม่อย่างไร..คงต้องจับตาดู
รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้เปิดให้ประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟนลงทะเบียนผ่านแอปเพื่อรอรับเงินตกเขียวตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้..ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567แบบไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียน..ซึ่งถ้าหากคุณสมบัติผ่านก็เข้าร่วมได้..และจากการคาดการณ์ของกระทรวงการคลังที่เป็นเจ้าภาพโครงการนี้..จะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการประมาณ 45 ล้านคน
แต่ในอีกด้านหนึ่ง..จากการฟังเสียงของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบาย“ตกเขียว”ของพรรคเพื่อไทยในโครงการนี้..ทั้งจากในโลกโซเชียลและจากชาวบ้านร้านถิ่นทั่วไป..มีจำนวนนับล้านคนเหมือนกัน..ที่จะไม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ..เพราะเห็นว่าโครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย..เป็นการล้างผลาญงบประมาณแผ่นดิน..และจะเป็นปัญหาที่ต้องแบกรับภาระหนี้ของประเทศในอนาคต
นอกจากนั้นก็ยังมีข้อสงสัยว่า..ทำไมถึงไม่แจกเป็นเงินบาท..ซึ่งรัฐบาลก็ไม่เคยชี้แจงในเรื่องนี้ให้ชัดเจน..และทำให้เกิดข้อกังขาว่า..ผู้ที่จะได้ประโยชน์จริงๆจากโครงการนี้นอกจาก“ทุนใหญ่”แล้ว..กลุ่มคนที่ถือ“โทเคน”หรือสกุลเงินดิจิทัลไว้ในมือ..จะเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยน“โทเคน”มาเป็น“เงินบาท”
โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการเงินทางด้านนี้ที่จะได้ประโยชน์เต็มๆ..คือ "บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัลจำกัด หรือ XD" ซึ่งบริษัทแสนสิริของครอบครัวนายเศรษฐษา ทวีสิน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่..แม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งนายเศรษฐาและกลุ่มบริษัทเอ็กซ์สปริงจะออกมายืนยันว่า..ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือได้รับผลประโยชน์จากนโยบายหรือโครงการแจกเงินดิจิทัลก็ตาม..แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
อนึ่ง XD หรือ“บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด” เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือของ“บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอลจำกัด (มหาชน) หรือ XPG”..ซึ่ง บมจ.แสนสิริ หรือ“SIRI”ที่นายเศรษฐา ทวีสินโอนหุ้นให้บุตรสาวถือไว้..เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 1,221,281,042 หุ้น-คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.8
บริษัทที่ว่านี้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก..และดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer)..รวมทั้งเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกในประเทศไทย ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.ให้ประกอบธุรกิจผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ICO Portalที่มีความเชี่ยวชาญในการเสนอขายโทเคนดิจิทัล
และถึงแม้นายเศรษฐา ทวีสิน จะยืนยันว่า XD หรือ“บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด”ไม่มีส่วนกี่ยวข้อง..แต่ก็มิอาจทำให้คนทั่วไปไม่เชื่อว่า..นายเศรษฐาโดยครอบครัวทวีสินไม่มี“ผลประโยชน์ทับซ้อน”ในโครงการนี้
อย่างไรก็ตามปัญหาคาใจของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้..ซึ่งนอกจากจะมีข้อสงสัยว่าทำไม่ไม่แจกเป็นเงินบาทที่สะดวกแก่ทุกฝ่ายทั้งกับประชาชนและร้านค้าแล้ว..รัฐบาลก็ยังจำกัดเรื่องการใช้จ่ายเงิน..โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายจำเป็นพื้นฐานของทุกครัวเรือน..ไม่ว่าจะค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าแก๊ส, ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และอื่นๆที่มีความจำเป็นจริงๆ
ดังนั้นเงิน 4.5แสนล้านบาทที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะนำมาล้างผลาญและส่อเค้าว่าจะมีการทุจริตอย่างมโหฬาร..จึงน่าจะนำไปช่วยประชาชนกลุ่มเปราะบางยังจะเกิดประโยชน์มากกว่า..ซึ่งรัฐบาลโดยนายพิชัย ชุชุณหวชิรรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง..ก็รับรู้ถึงปัญหาอยู่แล้วว่า..เวลานี้ประชาชนในระดับฐานล่างที่มีหนี้สินท่วมตัวกำลังจะหายใจไม่ออก..รวมทั้งร้านค้าขนาดเล็กก็ขายของไม่ได้..และอาจจะต้องปิดตัวเลิกกิจการ
อีกทั้งจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมวานนี้..เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาทเพื่อใช้สำหรับโครงการนี้ในวาระ 2 และ 3..ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญที่มีนายพิชัย ชุณหวชิรเป็นประธานพิจารณาเสร็จแล้ว..ยังมีการจับโป๊ะได้อีกว่า..รัฐบาล“มั่วนิ่ม”
ทั้งนี้ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล..ได้อภิปรายจับผิดเกี่ยวกับการประเมินผลการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการดำเนินโครงการนี้ของกระทรวงการคลังจะอยู่ที่ร้อยละ 0.9 เปอร์เซ็นต์..จากที่เคยประเมินว่าจะเติบโต 1.2- ร้อยละ 1.8โดยกระทรวงการคลังยกข้ออ้าง 4 เงื่อนไข..คือ แหล่งที่มาของเงิน, เงื่อนไขของโครงการ, จำนวนผู้เข้าร่วมและพฤติกรรมการใช้จ่าย
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ชี้ว่า..“ประเด็นที่ต้องขีดเส้นใต้ คือแหล่งที่มาของเงินที่คำนวณมาจากเงินอัดฉีดใหม่เข้าระบบเศรษฐกิจ..ไม่ได้มาจากการนำเงินที่ใช้จ่ายภายใต้ภารกิจอื่น..หมายความว่าตัวเลขที่ 1.2 เปอร์เซ็นต์ – 1.8เปอร์เซ็นต์..เป็นสมมติฐานว่าเป็นเงินใหม่ทั้งหมด..ดังนั้นตัวเลขดังกล่าวจึงมีปัญหาสองเรื่อง..คือแหล่งที่มาของเงินที่ชัดเจนแล้ว คือไม่ใช่เงินใหม่ทั้งหมด เพราะใช้จากงบฯเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท
และในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท รวมเป็นเงิน 2.7แสนล้านบาท..คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของ 4.5 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1.7แสนล้านบาท เป็นเงินเก่าโยกงบฯจากโครงการเดิม”
สรุปก็คือ..ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่รัฐบาลและกระทรวงการคลัง“ฝันกลางอากาศ”..ที่จะก่อให้เกิด“พายุหมุนทางเศรษฐกิจ”จำนวน 4 ลูก
คือลูกที่ 1 การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ถือเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานรากกระจายไปพร้อมกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน
ลูกที่ 2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่
ลูกที่ 3 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อการบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ
ลูกที่ 4พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม
เอาเข้าจริงจะเป็น“พายุหมุนทางเศรษฐกิจ”ที่กระตุ้นเงินพัดเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของคนไม่กี่ตระกูล..และนักเมืองฉ้อฉลที่มีสันดานโกงชาติโกงแผ่นดินหน้าเดิมเท่านั้น !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี