ในที่สุดที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็ผ่านวาระสองและสาม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เพราะเสียง สส. ฝ่ายรัฐบาลมีมากกว่าเสียง สส. ฝ่ายค้าน
การผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมนี้ เท่ากับเป็นการสร้างหนี้ก้อนมโหฬารให้ประเทศไทย ต้องย้ำว่านี้คือการสร้างหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดก้อนหนึ่งให้คนไทยและประเทศไทย และเราก็ต้องจารึกไว้ว่านี่คือหนี้ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก่อให้กับคนไทยทั้งประเทศ และคนไทยก็ต้องชดใช้ชำระหนี้ก้อนนี้ในอนาคต และนี่คือการนำเงินอนาคตมาใช้เพื่อสนองนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ใช้หาเสียงกับประชาชน
ถามว่าในขณะนี้ ประเทศไทยยังมีมูลหนี้ไม่มากพออีกหรือ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงปรากฏชัดว่าประเทศไทยมีหนี้สาธารณะก้อนใหญ่จำนวนประมาณ 68 เปอร์เซ็นต์ของ GDP (รวมมูลหนี้ก้อนล่าสุดที่รัฐบาลจงใจก่อขึ้นในครั้งนี้ด้วย) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเมื่อประเทศไทยมีหนี้สาธารณะจำนวนมาก ก็หมายความว่าคนไทยทุกคนต้องรับภาระหนี้พร้อมหน้ากันและนั่นก็หมายความด้วยว่าภาระดอกเบี้ยก็ต้องมากตามไปด้วย
การหาเสียงของพรรคเพื่อไทยด้วยการสร้างหนี้สินมหาศาลให้ประเทศ นับเป็นการหาเสียงที่ถือได้ว่าเลวทรามและชั่วช้าอย่างที่สุด เพราะเป็นการจงใจสร้างภาระการคลังอย่างเข้มข้นและรุนแรงอย่างที่สุด การจงใจสร้างหนี้แบบนี้คือการสร้างภาระให้ประชาชนอย่างน่าละอายที่สุด และหากรัฐบาลไม่มีปัญญาแก้ปัญหาหนี้สินของประเทศได้ในอนาคต รัฐบาลก็อาจจะต้องนำเงินคงคลังออกมาใช้ แล้วหากมีการนำเงินคงคลังออกมาใช้ ก็หมายความว่ารัฐบาลต้องไปดึงเงินเก็บของประเทศออกมาใช้เพื่อรักษาหน้าของรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
ไม่ผิดที่รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่มันเป็นเรื่องผิดมหันต์ที่รัฐบาลจงใจสร้างหนี้ก้อนมหึมาให้กับประชาชนโดยไม่เหมาะสม และไม่พิจารณาถึงความจำเป็นที่แท้จริงของการจงใจสร้างหนี้
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่ารัฐบาลไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ให้ชัดเจน และเห็นชัดเจนว่ารัฐบาลทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต แบบทำไปแก้ไป วันนี้พูดอย่าง อีกวันพูดอีกอย่าง พูดแต่ละครั้งไม่มีความคงเส้นคงวา และยังถูกวิพากษ์ว่าจัดทำงบประมาณโครงการดิจิทัล วอลเล็ตแบบไม่ตรงไปตรงมา และการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการนี้ก็ยังเป็นการกู้เงินแบบเต็มเพดาน ไม่มีการเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้สำหรับเหตุวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และก็มีคำถามที่รัฐบาลตอบไม่ได้คือ หากไม่สามารถเก็บรายได้ไม่เข้าตามเป้าที่ตั้งไว้ รัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่รัฐบาลก็อ้างแค่เพียงขอให้เชื่อใจรัฐบาล แต่จะไว้ใจหรือเชื่อใจรัฐบาลได้อย่างไร ในเมื่อรัฐบาลไม่เคยพูดความจริงกับประชาชน
ขอย้ำอีกทีว่าหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ แล้วรัฐบาลก็ยังจงใจสร้างหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อนำเงินไปใช้เพื่อการกินการใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า โดยไม่ได้นำเงินไปลงทุนเพื่อสร้างอนาคตที่ดีของประเทศชาติและประชาชน และยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือการกู้เงินครั้งนี้น่าจะผิดพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังอีกด้วย การกู้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จะส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สิน แล้วจะเกิดปัญหาดอกเบี้ยมหาศาลตามมา รัฐบาลต้องสำเหนียกไว้ด้วยว่าจำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยก้อนมหึมาตามไปด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาเพียงสังเขปนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นที่สุ่มเสี่ยงกับการสร้างวิกฤตเศรษฐกิจให้ประเทศในอนาคต แล้วยังพบอีกว่าการทำงบประมาณเช่นนี้คือการทำงบประมาณขาดดุลจำนวนมหาศาลจนเกือบเต็มเพดานของการทำงบประมาณขาดดุลของประเทศ ซึ่งหนี้สินจำนวนมากมายเช่นนี้ คือระเบิดเวลาที่จะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเมื่อประเทศประสบวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นมา รัฐบาลจะมีปัญญาแก้ไขวิกฤตหรือ หรือจะหนีความรับผิดชอบไปซ่อนตัวในต่างประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี