ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของตำรวจไทยทั้งในสายตาประชาชนและชาวต่างชาติได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่เรื่องที่ไม่ค่อยจะดีนัก ทั้งกรณีปัญหาความขัดแย้งของผู้บริหารระดับสูงภายในองค์กรไปถึงการทุจริตและการกรรโชกทรัพย์ทั้งต่อคนในประเทศและนักท่องเที่ยวที่ได้รับการเผยแพร่เป็นข่าวอย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักท่องเที่ยวรวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในภาพรวม
สำหรับคนไทย ปัญหาการทุจริตในหน่วยงานตำรวจไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายคนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันผลสำรวจจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ยิ่งตอกย้ำความจริงข้อนี้ โดยแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานตำรวจเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ได้รับความไว้วางใจน้อยที่สุดในประเทศไทย โดยผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 70% ไม่ไว้วางใจหน่วยงานตำรวจทั่วไป
ในขณะเดียวกัน มุมมองของชาวต่างชาติก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันถ้าท่านผู้อ่านยังจำกันได้ ไม่นานมานี้มีกรณีที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการตำรวจไทยอย่างมาก คือคดีที่เกี่ยวข้องกับชาร์ลีน อัน นักแสดงสาวชาวไต้หวัน เมื่อเธอโพสต์ในโซเชียลมีเดียถึงประสบการณ์ถูกเรียกเก็บเงินจากตำรวจไทยระหว่างมาท่องเที่ยวที่กรุงเทพฯ โดยเล่าว่าถูกเรียกเก็บเงินกว่า 20,000 บาท ในข้อหาครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าและไม่พกพาสปอร์ต แม้ว่าเธอจะยืนยันว่าได้แสดงวีซ่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล้วก็ตาม
เหตุการณ์นี้นำไปสู่การสอบสวนและตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ในข้อหาติดสินบนและละทิ้งหน้าที่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงระบบที่ฝังรากลึกในหน่วยงานตำรวจไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงกับต้องออกมาขอโทษต่อชาร์ลีน อัน และเพื่อนๆ ของเธอ พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม สุดท้ายประชาชนก็ไม่รู้ว่ามีการลงโทษผู้กระทำผิดจริงหรือไม่ หรือเรื่องดำเนินไปถึงไหนแล้ว
เรื่องปฏิรูปตำรวจมีความซับซ้อนมาก เพราะต่อให้ตำรวจมีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่อยากรับสินบนแต่ถ้าระบบไม่เอื้อให้ตำรวจน้ำดีแบบนี้เจริญเติบโตในหน้าที่การงานได้ เพราะยังมีข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งที่ต้องใช้เงินมากออกมาอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลโยกย้ายตำแหน่ง หรือการที่ตำรวจต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายในการทำงาน ตามที่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ไม่นานมานี้ ดังนั้นการปฏิรูปต้องดูที่โครงสร้างเชิงระบบ ไม่ใช่ดูแค่การอบรม ปลูกฝังจิตสำนึกเท่านั้น
เมื่อปีที่แล้ว ธานี ชัยวัฒน์ และ ต่อภัสสร์ ยมนาค คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เคยได้ร่วมกันทำงานวิจัยชิ้นหนึ่งชื่อ Criminal behaviour on detection and penalty: an experimental evidence from drug market game หรือแปลเป็นไทยได้ว่า พฤติกรรมของอาชญากรต่อการตรวจจับและบทลงโทษ: หลักฐานเชิงทดลองจากเกมตลาดยาเสพติด เพื่อศึกษาพฤติกรรมของอาชญากรต่อการเพิ่มการลงโทษหรือเพิ่มการตรวจจับ เมื่อมีการคอร์รัปชันในการบังคับใช้กฎหมาย ผลการวิจัยพบว่า การเพิ่มโอกาสการตรวจจับมีผลกระทบต่อการลดอาชญากรรมอย่างมากตั้งแต่แรก ในขณะที่การเพิ่มบทลงโทษส่งผลให้อาชญากรรมลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ การวิจัยยังพบว่า หากสังคมรับรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายที่ไม่ซื่อสัตย์ ประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรมจะลดลงอย่างรวดเร็วและมาก
จากผลการวิจัยนี้ สามารถสรุปได้ว่า หากต้องการลดอาชญากรรมในสังคม เราต้องให้ความสำคัญกับผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างมากและเป็นลำดับแรกๆซึ่งหมายถึงทั้งตำรวจและหน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชันทั้งหลาย เพราะถ้าป้องกันการโกงในกลุ่มผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ก่อน ระบบก็จะพังทลาย และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและคอร์รัปชันในส่วนอื่นๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ยากมาก
สิ่งที่ประชาชนสามารถช่วยกันทำได้ คือ การติดตามการทำงานของตำรวจ ออกมาพูดถึงความไม่พอใจต่างๆ ที่เคยได้รับ หรือชื่นชมการบริการที่ดีที่เคยได้รับ เพื่อใช้กระแสสังคมกดดันให้เกิดการปฏิรูปอย่างจริงจังสักที
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถจับตาการทำงานของตำรวจได้คือ การสร้างความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลต่างๆ อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างของตำรวจ การดำเนินคดีความต่างๆ ขั้นตอนการดำเนินงาน ผลการปฏิบัติงาน โดยที่ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ต้องเปิดเผยตามกฎหมายอยู่แล้ว
นักวิจัยได้เสนอแนวทางในการป้องกันการโกงในกลุ่มผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยเน้นการเปิดข้อมูลสาธารณะให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐอีกชั้นหนึ่ง เช่น การติดกล้องที่ตัวตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือการใช้เทคโนโลยีอย่าง ACT AI ที่รวบรวมข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างของรัฐทั้งหมดไว้ ให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบความผิดปกติได้โดยง่ายและสะดวก
ท้ายที่สุด การแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย รวมถึงในหน่วยงานตำรวจ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการร่วมกันสร้างสังคมที่โปร่งใสและปราศจากการทุจริตเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่อประเทศไทย และเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี