ด้วยอุดมการณ์มั่นคง ตรงไปตรงมา เราเชื่อมั่นโดยสุจริตใจว่า “การยุบพรรคการเมือง ไม่ใช่การสลายเจตจำนงของประชาชน” อย่างแน่นอน ...
ทว่า การยุบพรรคการเมืองเป็นการลงโทษ “พรรคการเมือง, กลุ่มผลประโยชน์และหรือถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นกติกาที่สร้างขึ้นและบังคับใช้กับทุกคนภายในรัฐ เสมอภาคและเท่าเทียมกันทางกฎหมาย การตัดสินของศาลต้องยึดหลักนิติรัฐ บนพื้นฐานหลักนิติธรรม, หลักนิติรัฐ เป็นการคานอำนาจสามฝ่ายอย่างมีระบบ ดำเนินการตามหน้าที่เหมือนอย่างที่ “พรรคก้าวไกล” เคยเสนอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของลุงตู่/พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” สิ้นสุดลงเหตุตีความว่าดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จำได้หรือไม่??”
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ชัยธวัช ตุลาธน, ศิริกัญญา ตันสกุล,อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” เหล่าขุนพลตัวตึงพรรคก้าวไกลที่เคลื่อนไหวนอกลู่นอกทาง น่าจะมีสามัญสำนึกสำเหนียกทิศทางความต้องการของประชาชนได้เป็นอย่างดีหลังจากที่ประกาศกับสังคมลงสนามสู้ศึกเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น กระทั่งประชาชนไม่เอาด้วยจึงสั่งสอนพอเป็นพิธีในสนามเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา, พระนครศรีอยุธยา, ชัยนาท ที่ผลออกมาแลนด์สไลด์
ยุบพรรคจึงไม่ใช่การสลายเจตจำนงประชาชนอย่างแน่นอน แต่สั่งสอนนายทุนและกรรมการบริหารพรรคที่เหิมเกริม
ทำไมนโยบายและการทำกิจกรรมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ที่รณรงค์ให้มีการแก้ไข/ยกเลิกปอ.มาตรา 112 จึงถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และอาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เพราะพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในพระราชสถานะ “ปกเกล้าฯแต่ไม่ปกครองและเป็นศูนย์รวมใจของชนในชาติ” ทรงไม่มีพระราชอำนาจแท้จริง แต่ทรงใช้พระราชอำนาจผ่าน ตุลาการ, นิติบัญญัติ และบริหาร เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงไม่มีพระราชอำนาจจริงจึงไม่สามารถกระทำความผิดได้
วาทกรรมที่ว่า “The King Can Do No Wrong” จึงเป็นที่มาของบทบัญญัติมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ เพื่อคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ห้ามมิให้บุคคลฟ้องพระมหากษัตริย์ได้
ดังนั้นการเสนอ,เรียกร้องให้มีการแก้ไข/ยกเลิกปอ.มาตรา 112 ย่อมทำให้เกิดการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ได้อันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในที่สุดนั่นเอง
ซึ่งเท่ากับเป็นการบ่อนทำลายศูนย์รวมใจของชนในชาติ จึงไม่ต่างจากทำลายความมั่นคงและล้มล้างการปกครอง
การใช้อำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย “ยุบพรรคการเมือง” ที่พฤติกรรมพฤติการณ์บ่อนทำลายศูนย์รวมใจของชนในชาติและทำลายความมั่นคงไปจนล้มล้างการปกครอง
การ “ยุบพรรค” จึงเป็นอำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2561 โดยยึดหลักนิติรัฐ, นิติธรรมตามระบอบประชาธิปไตยสากล
มิใช่การทำลายเจตจำนงของประชาชนอย่างที่ผู้ถูกร้องสำรอกสำรากเล่นบาลีเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี