พรรคก้าวไกลจะยิ่งทุบยิ่งโตอย่างไรนั้น..เป็นเรื่องของอนาคต..แต่สำหรับปัจจุบันขณะในวันนี้..ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567..สั่งยุบพรรคปิดกิจการไปเรียบร้อยแล้ว
ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้..ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด..หรือเป็นเพราะมีการเมือง“ใต้เข็มขัด” หรือ “การเมืองสกปรก” ดังที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล..ให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นการดูหมิ่นกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
แต่เป็นเพราะพรรคก้าวไกลมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ..อันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ.. เป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย..ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..และเป็นเหตุทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง..เป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 เสียง..สั่งยุบพรรคก้าวไกล..และจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้..เรียกว่าเก็บรายละเอียดทุกเม็ดที่พรรคก้าวไกลเคลื่อนไหว..แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของนักการทูตต่างชาติ 18 ประเทศที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ วิ่งโร่ไปหา..ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการแสดงออกของนักการทูตต่างชาติเหล่านี้ไร้ซึ่งมารยาท
ผลจากคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกลที่อวตารมาจากพรรคอนาคตใหม่..ส่งผลให้กรรมการบริหารและอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 11 คน..ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามมิให้ผู้ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง..ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง..หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ภายในกำหนด 10 ปี..เรียกว่าถูก“บอนไซ”ไม่ให้ลงเล่นการเมืองและยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเวลา 10 ปี
กรรมการบริหารและอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 11 คนนั้น ประกอบด้วย 1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 2.นายนายชัยธวัช ตุลาธน 3.นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 4.นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล 5.นายปดิพัทธ์ สันติภาดา 6.นายสมชาย ฝั่งชลจิตร 7.นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 8.นางสาวเบญจา แสงจันทร์ 9.นายอภิชาติ ศิริสุนทร 10.นายสุเทพ อู่อ้น และ 11.นายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์
ในจำนวน 11 คนดังกล่าว มี 5 คนที่ต้องพ้นจากการเป็น สส.ไปด้วย..นั่นก็คือ..นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, นายชัยธวัช ตุลาธน, นางสาวเบญจา แสงจันทร์, นายอภิชาติ ศิริสุนทร และนายสุเทพ อู่อ้น
ส่วนอีก 6 คน มีเพียงนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.เขต 1 จังหวัดพิษณุโลก คนเดียวซึ่งถูกขับออกพรรคก้าวไกลและย้ายไปสังกัดพรรคเป็นธรรม ที่จะต้องพ้นสภาพการเป็น สส. และพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ..พร้อมกันนี้ก็จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลกแทนนายปดิพัทธ์ด้วยเช่นกัน
ขณะที่อีก 5 คนไม่ได้เป็น สส. แต่ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี คือ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์, นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล, นายสมชาย ฝั่งชลจิตร และนายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์
อย่างไรก็ตาม รวมอายุพรรคก้าวไกลที่เดินมาถึงป้ายสุดท้ายโดยมิอาจข้ามไปถึงฝั่งฝันที่ปลายฟ้าได้..ก็แค่ 4 ปีเท่านั้น..โดยเริ่มถือกำเนิดเป็นพรรคก้าวไกลหลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563..ด้วยเหตุที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่..ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ..ศาลรัฐธรรมนูญจึงสั่งยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี
พรรคก้าวไกลเข้าไปเทคโอเวอร์“พรรคร่วมพัฒนาชาติไทย”ที่จดทะเบียนก่อตั้งพรรคการเมืองในปี 2557 และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น“พรรคผึ้งหลวง”ในปี 2562 ก่อนจะกลายมาเป็น“พรรคก้าวไกล”ในปี 2563 และส่งสมาชิกพรรคลงสมัคร สส.ครั้งแรกในนามพรรคก้าวไกลจาการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566..โดยได้รับเลือกเข้ามาทั้งหมด 151 คน..แยกเป็นแบบแบ่งเขต 112 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 39 คน
เบ็ดเสร็จนับจากวันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเมื่อวานนี้..เป็นผลทำให้พรรคก้าวไกลเหลือ สส.รอดตายมาได้ 143 คน..ที่จะต้องไปหาพรรคสังกัด หรือตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ด้วยการเข้าไปเทคโอเวอร์พรรคการเมืองที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว..ซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 56 พรรคการเมืองที่ยังดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
เทคโอเวอร์เสร็จก็เปลี่ยนชื่อใหม่..ให้มีนัยเหมือนเดิม..ซึ่งต้องมี“ก้าว”, มี“อนาคต”, มี“ใหม่”, มี“ไกล” หรือถ้าจะให่เท่ในแบบฉบับของนักการเมืองสายพันธุ์นี้..ก็อาจจะใช้ชื่อว่า..“ก้าวใหม่ไม่ไกลฝัน” อะไรประมาณนั้น..และหัวหน้าพรรครุ่นที่ 3..ที่จะสืบทอดอุดมการณ์ก็มีอยู่แล้ว..คือ“ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล”วัย 43 ปี
ถึงอย่างไรก็ต้องเชื่อไว้ก่อนว่า“ยิ่งทุบยิ่งโต”..เพราะอย่างที่“ศิริกัญญา ตันสกุล”ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า..“ไม่ว่าคนจะเปลี่ยนไปกี่รุ่น..หัวหน้าพรรคจะเปลี่ยนกี่คน..แต่ความเป็นอนาคตใหม่ และก้าวไกลยังคงอยู่..ไม่ว่าพรรคต่อไปจะชื่ออะไรก็ตาม”
จากพรรคอนาคตใหม่ที่ก่อตั้งในปี 2561 มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรค..ได้ สส.ครั้งแรกในปี 2562 จำนวน 81 คน..ถือว่ามี สส.มากเป็นลำดับสามในสภาฯ..ในปี 2566 หลังอวตารมาเป็นพรรคก้าวไกล..มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค ได้ สส.มาทั้งหมด 151 คน..กลายเป็นพรรคที่มีจำนวน สส.มากเป็นลำดับหนึ่งในสภาฯ
ต้องดูว่าในยุคที่พรรคการเมือง“สายพันธุ์ฝันให้ไกลไปให้ถึง” ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคที่เป็นสตรีชื่อ“ศิริกัญญา ตันสกุล”คนนี้..จะ“ยิ่งทุบยิ่งโต”จริงหรือไม่ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี