แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้า รู้สึกว่าทำงานเท่าไรก็ยังไม่คุ้ม ยังไม่สมกับที่บรรพบุรุษของเผ่าไทยทั้งหลายผู้มีพระคุณ ผู้ที่ได้ปกป้องยึดผืนแผ่นดินนี้ได้มาตลอด แล้วดูตามประวัติศาสตร์แล้ว ท่านทั้งหลายได้ประสบความทุกข์ยากอย่างมากมาย ท่านทั้งหลายก็แน่วแน่ในปณิธานที่จะทำนุบำรุงผืนแผ่นดินนี้ไว้ให้เป็นแผ่นดินที่ร่มเย็น เป็นแผ่นดินที่ทุกคนมีอิสระเสรีที่จะมีความเชื่อถือในศาสนาใดก็ได้ มีความสงบสุขอยู่ในศาสนาของตนโดยที่ไม่มีการข่มเหงรังแกบีบคั้น อันนี้เป็นลักษณะประเสริฐของบรรพบุรุษของไทยทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าอยากขอให้ทุกท่านนำคำพูดของข้าพเจ้าไปคิดดูให้ดี แล้วก็จะเห็นว่าข้าพเจ้านั้นไม่ได้ดีวิเศษอะไรเลย เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงพระคุณอย่างนี้แล้ว ก็ต้องยิ่งพยายามที่จะทำให้สุดความสามารถ... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2522 ณ ศาลาดุสิดาลัยพระราชวังดุสิต วันที่ 11 สิงหาคม 2522)...
nn 14 สิงหาคมนี้ สาธารณชนชาวไทยจะได้ทราบกันทั่วหน้าว่า เศรษฐา ทวีสิน จะพ้นจากหรือยังจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะในวันดังกล่าวนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีที่ (อดีต) สว. 40 คนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ (อดีต) ประธานวุฒิสภา คือ พรเพชร วิชิตชลชัย ว่า เศรษฐา ในฐานะนายกรัฐมนตรีนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ หรือควรรู้ว่าพิชิตขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ก็ต้องมารอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาในรูปใด ระหว่างมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือวินิจฉัยว่ายังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้...
nn คำถามคือหากเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะใช่หรือไม่ หากไพ่ออกมาหน้านี้ ก็หมายความว่าต้องลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ แล้วก็ต้องแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด หลังจากได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่คำถามก็ยังตามมาอีกว่า แล้วใครจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายกฯคนใหม่จะชื่อ แพทองธาร ชินวัตร จริงๆ หรือ คุณหญิงอ้อ-พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร ดามาพงศ์ ผู้เป็นแม่ของแพทองธารจะยอมให้ลูกสาวคนเล็กรายนี้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือ พจมานมั่นใจแล้วหรือว่าฉากการเมืองหน้าใหม่ เรื่องนายกรัฐมนตรีต้องหลบหนีคดีอาญาไปร่อนเร่อยู่นอกประเทศไทย จะไม่บังเกิดกับแพทองธาร เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ (นักโทษชาย) ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...
nn สำหรับประเด็นการวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของเศรษฐานั้น หลายคนนำไปเทียบเคียงกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นเป็นนายกฯ ครบ 8 ปี แล้วหรือยัง ในกรณีที่เกิดกับประยุทธ์นั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับเรื่องไว้พิจารณา แล้วเมื่อถึงวันลงมติว่าจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ศาลรัฐธรรมนูญลงมติในประเด็นนี้ 5 ต่อ 4 คือให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 คอการเมืองไทยยังจำได้ดีว่าในวันเวลานั้น หลายคนคาดการณ์ว่าประยุทธ์น่าจะหลุดจากตำแหน่งนายกฯ โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่าไม่หลุดจากตำแหน่งนายกฯ...
nn แต่สำหรับกรณีของเศรษฐานั้นศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่าไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 โดยคำวินิจฉัยครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 แต่ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ก็ต้องรอฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติอย่างไร ระหว่างให้พ้นจากตำแหน่งหรือให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป แต่ไม่ว่าเศรษฐาจะอยู่หรือไปจากตำแหน่งนายกฯ ก็จะมีสิ่งหนึ่งที่ต้องเกิดแน่ๆ คือ การปรับคณะรัฐมนตรี เพราะหากเศรษฐาหลุดจากตำแหน่งนายกฯก็จะทำให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไปทั้งคณะ แต่หากเศรษฐายังอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ก็จะต้องถึงเวลาปรับคณะรัฐมนตรีเช่นกัน เพราะความเป็นรัฐบาลผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้นจะเน้นการปรับคณะรัฐมนตรีทุก 6 เดือน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีแรงกดดันภายในพรรคเพื่อไทยให้ต้องปรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากก๊วน สส. ของเพื่อไทยที่มีจำนวนเก้าอี้ สส. มาก ก็จะมีโควตาของการได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี แล้วก็จำเป็นต้องให้แต่ละคนที่มีก๊วนต้องได้เป็นรัฐมนตรีให้จงได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถปฏิเสธการปรับคณะรัฐมนตรีได้ด้วยประการทั้งปวง...
nn หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล แล้วพรรคก้าวไกลก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน โดยยกขบวน สส. ก้าวไกลไปอยู่พรรคประชาชน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือชื่อพรรคประชาชนถูกยุบในครั้งล่าสุดประมาณ 20 ปี คำถามคือ แล้วจะใช้ชื่อพรรคประชาชนได้หรือ แต่ได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ต้องดูว่าผิดข้อบัญญัติตามกฎหมายหรือไม่ หากไม่ผิดก็ใช้ชื่อพรรคประชาชนได้ แต่หากผิดก็ต้องหาชื่อพรรคใหม่ ส่วนประวัติของพรรคประชาชนนั้นมีมายาวนานตั้งแต่ปี 2490 โดยแยกมาจากประชาธิปัตย์ แล้วก็มาเกิดพรรคประชาชนอีกครั้งในปี 2499 จากนั้นก็มาใช้ชื่อนี้อีกครั้งในปี 2531 โดยแยกจากประชาธิปัตย์อีก แล้วก็ใช้ชื่อนี้อีกครั้งในปี 2541 แล้วมาล่าสุดคือใช้ชื่อพรรคประชาชนในปี 2567...
nn คำว่าประชาชนนี่มันแสนจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เพราะเป็นมงคลนาม เป็นคำที่นักการเมืองใช้อ้างเพื่อความชอบธรรมของการดำเนินกิจกรรมการเมืองมาทุกยุค แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประชาชนไม่ได้รับการเคารพในสิทธิเสรีภาพมากเท่าที่ควร แต่ถูกอ้างชื่อมาโดยตลอด เพราะจะเห็นได้ว่าทุกพรรคอ้างประชาชนตลอดเวลา เช่น ทำเพื่อประชาชน ประชาชนต้องการ ประชาชนเรียกร้อง และประชาชนเป็นเจ้าของ แต่ทั้งหมดมันคือคำหวาน คำลวงโลกทั้งสิ้น เพราะในความเป็นจริง ประชาชนไม่เคยมีอำนาจใดๆ เหนือพรรคการเมือง หรือนักการเมืองแม้แต่วันเดียว เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยถูกซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงโดยนักการเมือง แล้วชื่อประชาชนก็ถูกอ้างเพื่อผลประโยชน์การเมืองของนักการเมืองตลอดมา...
nn ส่วนพรรคประชาชนในครั้งนี้จะดำเนินนโยบายของพรรคเหมือนหรือต่างจากพรรคก้าวไกล หรืออนาคตใหม่ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป แต่เท่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนคนใหม่ล่าสุด คือณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ก็ยังคงบอกว่าจะเดินตามนโยบายพรรคก้าวไกลในเรื่องมาตรา 112 ต่อไป ก็ต้องเตือนสติหัวหน้าพรรคประชาชนว่า กลับไปพิจารณาคำวินิจฉัยเรื่องยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญให้จงดี เพราะหากยังดันทุรังทำผิดกฎหมายอีกก็ต้องถูกยุบพรรคอีกอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วก็ไม่ต้องอ้างว่าพรรคประชาชนมาจากความต้องการของประชาชน เพราะในความเป็นจริงพรรคประชาชนก็เป็นเ
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี