พรุ่งนี้วันที่ 14 สิงหาคม 2567..วันชี้ชะตา“เศรษฐา ทวีสิน”อดีตพ่อค้าด้านอสังหาริมทรัพย์, วัยย่าง 63 ปีที่ผันอาชีพเข้ามาสู่เส้นทางแห่งอำนาจ..เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดให้แก่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง
นายเศรษฐา ทวีสิน จะอยู่หรือจะไปบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย..ก็อยู่ที่ผลการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน..อันเป็นผลมาจากการที่อดีตสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คน ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา..ว่าจะสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่..ฐาน“กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง”
ปมเหตุของเรื่องนี้มาจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง“ทนายถุงขนม-พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี..ซึ่งอดีต 40 สว.ที่เป็นผู้ร้องเห็นว่า..นายพิชิต ชื่นบาน ขาดคุณสมบัติ
โดยขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) และ (5) ของรัฐธรรมนูญปี 2560..แต่นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ยังดันทุรังแต่งตั้ง
ทั้งนี้ มาตรา 160 (4) บัญญัติไว้ว่า..“มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ (5) บัญญัติไว้ว่า..“ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
ในสองข้อดังกล่าวนั้น..ได้เป็นที่ประจักษ์และปรากฏต่อสาธารณะว่า นายพิชิต ชื่นบาน ขาดคุณสมบัติ..ประการหนึ่ง ศาลฎีกาได้มีค่ำสั่งตามคำพิพากษาของศาลฎีกา“4599/2551”ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2551..ว่านายพิชิตและพวกอีก 2 คนร่วมกันกระทำผิด..ฐานละเมิดอำนาจศาลเกี่ยวกับ“คดีถุงขนม 2 ล้านบาท”โดยสั่งจำคุกคนละ 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
และอีกประการหนึ่ง..จากคำพิพากษาดังกล่าวของศาลฎีกา..ได้ส่งผลให้นายพิชิต ชื่นบาน และพวกอีก 2 คน คือ นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ..และนายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดี..ซึ่งเป็นทีมทนายความของนายพิชิต ที่รับว่าความคดี“ทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก”ให้แก่“ทักษิณ ชินวัตร” และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ สองจำเลยในคดีนี้..ต้องถูกสภาทนายความฯเพิกถอนใบอนุญาตว่าความเป็นเวลา 5 ปี..ฐานประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี
หากตามไปดูในรายละเอียดของคดีที่นายพิชิต ชื่นบาน และพวก 2 คนถูกศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 เดือน..ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา..นั่นก็เพราะศาลพิจารณาเห็นว่า..เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551..นายพิชิต ชื่นบาน กับพวก คือ นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ..นำถุงกระดาษใส่เงิน 2 ล้านบาทให้ ม.ล.ฐิติพงศ์ ชมพูนุช นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา..ถือว่าเป็นเหตุจูงใจให้เจ้าหน้าที่ของศาลฎีกาฯ กระทำการอันมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่..ที่อาจเชื่อมโยงเป็นประโยชน์ในคดี“ทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก”
ศาลฎีกาจึงพิพากษาว่า “การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม..ซึ่งกระทำการร่วมกันจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาล..ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพานิชย์ มาตรา 31 (1) มาตรา 33..ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83..และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ตามประมลกฎหมายอาญา มาตรา 144..หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน..การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทาย..และเกิดขึ้นที่ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลยุติธรรมสูงสุดของประเทศ”
เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว..ในวันที่ 8 กันยายน 2551 สภาทนายความฯ โดยคณะกรรมการมารยาท 13 คนที่มีนายสิทธิโชค ศรีเจริญ เป็นประธาน..ก็ได้มีการประชุมและลงมติเป็นเอกฉันท์..ว่านายพิชิตและพวกอีก 2 คน กระทำผิดข้อบังคับสภาทนายความฯ..จากการที่ไม่เคารพยำเกรงศาลและดูหมิ่นศาล..ประพฤติตนเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ..จึงลบชื่อบุคคลทั้งสามออกจากทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ..ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความได้เป็นเวลา 5 ปี
เรื่องราวทั้งหมดอันเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายพิชิต ชื่นบาน..ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) ห้ามไว้นั้น..นายเศรษฐา ทวีสิน ได้อ้างในคำแถลงปิดคดีที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ..เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมเดือนที่แล้วว่า..ตนเองไม่มีภูมิหลังทางการศึกษาด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์..ประกอบกับมีประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินที่จำกัด..จึงไม่อาจรู้..หรือควรรู้ว่านายพิชิต ชื่นบาน เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
พรุ่งนี้รู้กัน..ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาว่าอย่างไร..เหตุผลของนายเศรษฐา ทวีสิน จะฟังขึ้นหรือไม่..ถ้าหากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นว่าฟังไม่ขึ้น..นายเศรษฐาก็ต้องกลับไปเป็นเซลส์แมนพ่อพ่อค้าบ้านจัดสรรรตามอาชีพเดิม..เรียกว่ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้น
ถือว่าเวลาเกือบหนึ่งปีหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ด้วยคะแนนเสียง 482 เสียง..จากจำนวนสมาชิกที่ลงคะแนนทั้งหมด 728 เสียง นั้น..คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
อย่างน้อยก็ได้“คอนเนคชั่น”เพื่อเป็นทุนต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตได้อย่างดี..ก็ลองคิดดูเล่นๆ ช่วงเวลา 12 เดือน..นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เดินทางแบบออนทัวร์และโรดโชว์..ทั้งในและนอกประเทศเป็นว่าเล่น
เฉพาะไปเยือนต่างประเทศ..ได้เหมาเครื่องบินไปมาแล้วถึง 17 ครั้งใน 14 ประเทศ กับ 1 เขตเศรษฐกิจพิเศษ..ประเมินกันว่านายเศรษฐา ทวีสิน ถลุงงบประมาณแผ่นดินไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท..โดยที่ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเป็นเป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเลย
เงินส่วนตัวไม่ต้องควัก..แต่ได้รู้จักผู้นำโลกระดับอภิมหาอำนาจ..และทุนใหญ่ๆ ทางธุรกิจบนโลกใบนี้..ซึ่งถ้าเป็นชีวิตพ่อค้าธุรกิจบ้านจัดสรรตามอาชีพเดิม..ย่อมไม่มีโอกาสเช่นนี้แน่นอน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี