ผู้นำจีนชุดปัจจุบันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำพาของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ตัดสินใจที่จะนำพาให้ประเทศจีนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลก ไม่เป็นรองใคร และจะไม่ยอมให้อิทธิพลของฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐอเมริกามาครอบงำความเป็นไปในประชาคมโลกโดยทั่วไปและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอีกต่อไป บวกกับเหตุผลที่ว่าจีนเองต้องการลบล้างความทรงจำอันแสนขมขื่นจากอดีตร่วมร้อยปีที่ต้องตกต่ำจากที่เคยเป็นเจ้าโลก กลายเป็นไก่รองบ่อนให้กับฝ่ายตะวันตกและญี่ปุ่น
บัดนี้ จีนเองสามารถพัฒนาประเทศจนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 2 รองจากสหรัฐอเมริกาได้แล้ว ภายใต้ระบอบพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียวนำพา และด้วยระบบเศรษฐกิจแบบผสมผสานระหว่างบทบาทของรัฐโดยวิสาหกิจรัฐ กับบทบาทของภาคเอกชน โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้กำกับและดูแลทิศทาง
ในการนี้จีนก็ได้ขยายบทบาทโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจไปทั่วโลก และกลายเป็นคู่ค้าหลักของประเทศส่วนใหญ่ในโลก โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค การเข้าไปลงทุนพัฒนาเหมืองแร่ต่างๆ เพื่อนำมาป้อนอุตสาหกรรมของจีน ไปจนถึงการจัดตั้งโครงการเพื่อเชื่อมโยงประเทศต่างๆ กับจีน ทั้งทางบก ทะเล และอากาศ พร้อมกับการลงทุนต่างๆ ของจีนภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Belt and Road Initiative – BRI (โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง) พร้อมกับการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (The Asian Infrastructure Investment Bank - AIIB) และในกรอบความร่วมมือขององค์กร BRICS จีนก็ได้เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (New Development Bank) ซึ่งทั้งสองธนาคารดังกล่าวก็จะเป็นทางเลือกให้กับประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพาธนาคารโลก สถาบันการเงิน IMF และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ซึ่งฝ่ายตะวันตกรวมทั้งญี่ปุ่นครอบงำอยู่
ทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ จีนก็ยังประสบความสำเร็จในการจัดให้อิหร่านและซาอุดีอาระเบียพบปะเจรจาที่กรุงปักกิ่ง จนนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นคู่อริกันมานานปี ทั้งในเรื่องศาสนา (อิหร่านเป็นผู้นำศาสนานิกายชีอะห์ ส่วนซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้นำศาสนานิกายสุหนี่) และการแข่งขันกันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง หรือเอเชียตะวันตก
ล่าสุด จีนก็ได้ประสบความสำเร็จในการเชื้อเชิญให้ฝ่ายอาหรับปาเลสไตน์ต่างๆ ได้มาประชุมหารือกันที่กรุงปักกิ่ง เพื่อหาทางปรองดองสมานไมตรีออมชอมซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะได้เป็นหนทางของการต่อกรกับอิสราเอล และการจัดตั้งประเทศปาเลสไตน์ นอกจากนั้นจีนก็มีกำลังทหารร่วมในกองกำลังสันติภาพของสหประชาชาติมากที่สุด
โดยรวมที่กล่าวมาข้างต้น ก็จัดได้ว่าจีนได้กระทำตนเป็น “นักบุญ” โดยการยืนเคียงข้างกับประเทศกำลังพัฒนา และวางตัวเป็นแบบผู้หลักผู้ใหญ่ในเวทีระหว่างประเทศ จนเป็นที่ชื่นชมนับถือกันในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ในทางตรงกันข้าม จีนก็ยังได้กระทำตนเป็น “นักบาป” อยู่พอสมควร ดังจะเห็นได้ว่าจีนได้ใช้เงินใช้ทองเข้าไปซื้อผู้นำ ในหลายประเทศกำลังพัฒนาให้กู้ยืมเงินจากจีนเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ในที่สุดจัดหารายได้ไม่เพียงพอและไม่มีกำไร และไม่สามารถที่จะจ่ายคืนเงินกู้ให้กับจีนได้ เปิดทางให้จีนสามารถเข้าไปยึดในกิจการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งก็เป็นเสมือนการดำเนินการแบบเจ้าจักรวรรดินิยมแบบใหม่
นอกจากนั้น จีนก็ทำตนในลักษณะคุกคามและบีบคั้นอินเดียในกรณีข้อพิพาทว่าด้วยดินแดนในเทือกเขาหิมาลัย โดยการเสริมกำลังทัพและการพัฒนาถนนหนทางและสนามบินเพื่อการส่งกำลังบำรุง ส่วนในทะเลจีนตอนใต้นั้น จีนก็ส่งทั้งเรือรบและเรือตรวจยามชายฝั่งคุกคามทั้งฟิลิปปินส์และเวียดนามอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการถมทะเลขยายพื้นที่เกาะเพื่อพัฒนาฐานทัพ อันสืบเนื่องมาจากข้อพิพาทว่าด้วยเขตแดนทางทะเลกับประเทศทั้งสอง อีกทั้งจีนร่วมกับรัสเซียก็ได้มีการลาดตระเวนร่วมและการซ้อมรบในทะเลตะวันออก หรือทะเลจีนตอนเหนือ เป็นการคุกคามและป้องปรามญี่ปุ่น ซึ่งมีเรื่องข้อขัดแย้งพื้นที่ทางทะเลและหมู่เกาะกับทั้งจีนและรัสเซีย
พร้อมกันนั้น จีนก็ยังคงทำการคุกคามสาธารณรัฐจีนเกาะไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางเรือและทางอากาศ เพื่อเตือนไต้หวันมิให้ดำเนินการแยกตัวออกจากแผ่นดินจีนทั้งหมดอย่างเด็ดขาด
ที่ผ่านมา จีนก็ยังมิเคยได้ดำเนินการอย่างใดกับพฤติกรรมที่ไม่งดงามของเกาหลีเหนือ เช่น การที่เกาหลีเหนือไม่ปฏิบัติตามข้อมติใดๆ ของสหประชาชาติเลย และอีกทั้งยังมุ่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ที่จะมีการซ้อมยิงเป็นประจำ เข้าทำนองคุกคามญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และกองกำลังของสหรัฐฯ ในละแวก
นอกจากนั้น ในกรณีแม่น้ำโขง จีนก็ค่อนข้างจะดำเนินการตามอำเภอใจในบริเวณแม่น้ำโขงตอนบนที่อยู่ในเขตแดนของจีน แล้วก็มีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันในบรรดาแม่น้ำต่างๆ ที่มีต้นน้ำอยู่ในจีน (ในเขตทิเบต) ที่ไหลลงสู่อ่าวเบงกอลผ่านอินเดียและบังกลาเทศ
ทั้งนี้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีหน่วยงานหนึ่งชื่อว่า National Front Department ซึ่งมีหน้าที่สอดส่องดูแลคนจีนในต่างประเทศ และเข้าแทรกซึมในวงการต่างๆ ของประเทศนั้นๆ เช่น การเข้าไปให้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง หรือองค์กรที่มิใช่รัฐ เพื่อแพร่ขยายจุดยืนและท่าทีของจีนให้เกิดการยอมรับ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ ความเป็นนักบุญ นักบาป ของจีน ก็เป็นเรื่องที่ชาวโลกต้องตระหนัก พินิจพิจารณา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติของตน
ที่น่าห่วงใยสำหรับกรณีของไทยก็คือ การศึกษาเรื่องจีนยังไม่กว้างขวาง และฉะนั้นนโยบายและท่าทีของไทยต่อจีนจึงขาดภาพกว้าง ภาพใหญ่ (The Big Picture) และไทยเรามักจะดำเนินความสัมพันธ์กับจีนแบบเป็นกรณีหรือเป็นเรื่องๆ ไป ไม่มียุทธศาสตร์และเป้าหมายที่แน่ชัด ก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายหน่วยงานความมั่นคงและการต่างประเทศ ไปจนถึงแวดวงวิชาการของจีนศึกษา จะพึงได้มีการทบทวนและปรับแก้ไขให้เหมาะสม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี