พลพรรคเสรีไทยจากกองกำลังทั่วประเทศ เดินขบวนสวนสนามบนถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๔๘๘
วันนี้ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ เป็นวาระครบรอบ ๗๙ ปี วันสันติภาพไทย เพราะวันนี้ เมื่อ ๗๙ ปีที่แล้ว (๒๔๘๘) นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ได้ประกาศสันติภาพ ภายหลังที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เป็นการแสดงจุดยืนแห่งความเป็นกลางในสันติภาพและอิสรภาพต่อประชาคมชาวโลก ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศเอกราชอธิปไตย
การประกาศสันติภาพของประเทศไทยในวันนี้ เมื่อเจ็ดสิบเก้าปีก่อน ทำให้ประเทศไทยไม่ตกอยู่ในฐานะประเทศผู้แพ้สงครามรัฐบาลไทยไม่ต้องยอมจำนน กองทัพไทยไม่ต้องวางอาวุธ ดินแดนไทยไม่ต้องถูกยึดครอง
ดังนั้น วันนี้เมื่อ ๗๙ ปี ที่แล้ว จึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า วันประกาศอิสรภาพ (Independence Day) ๔ กรกฎาคม ของสหรัฐอมริกา หรือวันประกาศอิสรภาพของประเทศอีกหลายประเทศ ซึ่งสถาปนาวันอิสรภาพให้เป็นวันชาติ (National Day) ด้วยซ้ำ
เพราะสำหรับประเทศไทยแล้ว หากไม่มีวันนี้ ประเทศไทยก็คงตกเป็นชาติผู้แพ้ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยประสบมา
แม้ไทยจะไม่ได้ก่อสงครามนี้ แต่ก็ต้องถูกดึงเข้าไปร่วมเคราะห์กรรมในเหตุการณ์อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ แต่ด้วยความเสียสละและสติปัญญาความสามารถของชาวไทย โดยเฉพาะ “ขบวนการเสรีไทย” (Free Thai Movement) ที่นำโดย รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ประเทศไทยก็รอดพ้นจากการสูญเสียอิสรภาพและกลับคืนสู่ความสงบ โดยได้มีการประกาศสันติภาพ ในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘
โดยก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน คือวันที่๑๕ สิงหาคม รัฐบาลไทยได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากกองบัญชาการทหารสูงสุดของสัมพันธมิตรประจำเอเชียอาคเนย์ว่า สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่นได้สั่งกองทัพญี่ปุ่นยอมจำนนต่อสัมพันธมิตรในวันที่๑๔ สิงหาคม
อันเป็นผลมาจากกองทัพอากาศสหรัฐได้ทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ในวันที่ ๖ และ ๘ สิงหาคม ตามลำดับ ก่อความเสียหายร้ายแรงเกินความคาดหมาย มีผู้เสียชีวิตทันที รวมกันมากกว่าสองแสนห้าหมื่นคนรัฐบาลญี่ปุ่นจึงต้องยอมแพ้สงครามโดยปราศจากเงื่อนไข ในวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๔๘๘
วันเดียวกันนั้นเอง ลอร์ดหลุยส์เมาน์แบตแทน ผู้บัญชาการสูงสุดสัมพันธมิตรประจำภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ ได้ส่งสารมาถึง นายปรีดี พนมยงค์ แนะนำให้รีบประกาศว่า การประกาศสงครามของรัฐบาลไทยซึ่งมีจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ต่ออังกฤษและสหรัฐอเมริกาที่รัฐบาลไทยได้ประกาศไปในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ เป็นโมฆะ รวมทั้งยกเลิกการเป็นพันธมิตรและข้อตกลงทั้งปวงกับญี่ปุ่น
ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘ ในพระบรมราชโองการ ประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ประกาศว่า การประกาศสงครามต่ออังกฤษและอเมริกา ในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๘ เป็น
“การกระทำอันผิดจากเจตจำนงของประชาชนชาวไทย และฝ่าฝืนขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกฎหมายบ้านเมือง” และคนไทยทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ได้ร่วมมือกันทุกวิถีทางในการช่วยเหลือฝ่ายสัมพันธมิตร ดังนั้น จึงขอประกาศว่า “การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เป็นโมฆะ ไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย” และประเทศไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติใน การสถาปนาสันติภาพในโลกนี้
ภายหลังจากที่ประกาศสันติภาพในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘ หลังจากนั้นตัวแทนพลพรรคเสรีไทยจากทั่วประเทศกว่าแปดหมื่นคนได้ทำการสวนสนามผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๔๘๘ โดยมี นายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และหัวหน้าขบวนการเสรีไทยเป็นประธาน ซึ่งการเดินขบวนสวนสนามเสรีไทย มีวัตถุประสงค์สองประการคือ
๑. เพื่อแสดงให้สหประชาชาติเห็นว่าอาวุธยุทธภัณฑ์ที่สัมพันธมิตรมอบให้แก่พลพรรคเสรีไทยนั้นมีอยู่ครบถ้วน
๒. เพื่อแสดงให้เห็นความพร้อมของขบวนการเสรีไทยในการสู้รบหากจำเป็น
ตกเย็นวันเดียวกัน นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทยได้เชิญผู้แทนของกองกำลังเสรีไทยทุกหน่วยงานไปร่วมงานสโมสร ณ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ในงานสโมสรเย็นวันนั้นนายปรีดีได้กล่าวคำปราศรัยต่อหน้าผู้แทนหน่วยต่างๆ ของเสรีไทยทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการปิดฉากขบวนการเสรีไทยที่เป็นการรวมตัวกันของผู้คนที่มีความหลากหลายที่มา หลากหลายอุดมการณ์ ภายใต้อุดมการณ์เดียวกันซึ่งก็คือการรักษาเอกราช อธิปไตยของประเทศไทยไว้ให้ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี