ในปี 1938 (๒๔๘๑) หนึ่งปีก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะปะทุขึ้น จิตแพทย์เยอรมันกลุ่มหนึ่ง

นำโดย Dr.Karl Bonhoeffer ได้ทำการวินิจฉัยพฤติกรรมและสภาพจิตใจของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และได้ข้อสรุปว่า เป็นผู้มีอาการป่วยทางจิต (symptomatic psychoses) แต่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อที่จะร้องขออำนาจศาลให้ถอดถอนฮิตเลอร์ออกจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเยอรมัน เพื่อเข้าทำการบำบัดรักษา ฮิตเลอร์ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเรื่องนี้เสียก่อน และได้ข้อสรุปว่า จิตแพทย์กลุ่มนี้แท้จริงแล้วเป็น ขบถจิตแพทย์ หรือ ผู้ทรยศต่อชาติ...หลังจากนั้น ชะตากรรมของจิตแพทย์กลุ่มนี้จะเป็นยังไงต่อไป คงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก ในยุคที่พรรคนาซีครองเมือง

ปัจจุบัน แนวคิดเรื่องผู้มีอาการป่วยทางจิตที่ Dr.Bonhoeffer บุกเบิกไว้ ได้ถูกนำมาขยายต่อโดยนักจิตวิเคราะห์รุ่นต่อๆ มา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางจิตและอธิบายพฤติกรรมของผู้นำทางการเมืองที่มีลักษณะเผด็จการหรือผู้นำที่บ้าอำนาจ เช่น ทฤษฎีคนบ้า (madman theory)

นักจิตแพทย์กลุ่มนี้นำทีมโดย Dr.Jerrold Post กับ Dr.Otto Kernberg ทั้งคู่เป็นศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิเคราะห์ (psychoanalyst) จาก มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน และ มหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

ดร.โพสต์ นั้นเป็นอดีตผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการคนแรก แผนกกองข้อมูลประวัติทางการเมือง (Political Profiling Program) สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ (CIA) ซึ่งปัจจุบันคือ ศูนย์การวิเคราะห์เรื่องบุคลิกภาพและพฤติกรรมทางการเมือง (Center for the Analysis of Personality and Political Behavior) ของ CIA

แผนกนี้มีหน้าที่เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเมืองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) ในการวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายต่างๆ ของอเมริกา โดยเฉพาะนโยบายด้านการเมืองระหว่างประเทศ

หลังออกจาก CIA ดร.โพสต์ก็มาสอนหนังสือและทำงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยในระยะหลังนี้ ดร.โพสต์สนใจศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการวิเคราะห์พฤติกรรมทางด้านจิตใจของบรรดาผู้นำทางการเมืองในประเทศต่างๆ ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว

ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งของ ดร.โพสต์ที่ศึกษาร่วมกับ ดร.เคอร์นเบอร์ก ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมทางด้านจิตใจของผู้นำสามคนที่ถูกแขวนป้ายไว้ว่าเป็นจอมเผด็จการ ได้แก่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และ โจเซฟ สตาลิน ซัดดัม ฮุสเซนอดีตผู้นำจากเยอรมัน รัสเซียและอิรัก ตามลำดับ

จากผลการศึกษาของ ดร.โพสต์ และ ดร.เคอร์นเบอร์กนั้นพบว่า จอมเผด็จการทั้งสามคนนี้มีพฤติกรรมทางด้านจิตอันหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความผิดปกติของพฤติกรรมทางจิตที่แสดงออกมาในรูปของการมีความลุ่มหลงในตัวเองมากจนไม่สามารถระงับได้ (Malignant Narcissism)

คำว่า Narcissism หมายความว่า ความรักตัวเอง หรือ ความชื่นชมในลักษณะทางกายและทางใจของตัวเองนั้นมีที่มาจากตำนานเทพปกรนัมหรือเทพนิยายเกี่ยวกับเทวดากรีก (mythology) ในตำนานนี้เล่าว่า มีเทพองค์หนึ่งชื่อ นาร์ซิสซัส เป็นเทพที่มีรูปโฉมงดงามและเป็นที่หมายปองของบรรดาเหล่านางฟ้าต่างๆ แต่เทพนาร์ซิสซัสนี้ก็ไม่เคยสนใจหรือเห็นใครอยู่ในสายตาสักคน

จนมีอยู่วันหนึ่ง นาร์ซิสซัส ได้ไปเดินเที่ยวเล่นในป่าและเมื่อมาถึงลำธารแห่งหนึ่ง นาร์ซิสซัส ก็บังเอิญมองเห็นเงาของตัวเองในน้ำ นาร์ซิสซัส ก็เกิดความรู้สึกหลงใหลในรูปโฉมที่งดงามของตนเอง หลังจากนั้น นาร์ซิสซัส จึงได้แต่เฝ้ามอง ชื่นชม ดื่มด่ำกับรูปเงาของตัวเองทั้งวันทั้งคืน ไม่ลุกไปไหน ไม่ยอมกินอะไร จนกระทั่งตายอยู่ตรงนั้น

พฤติกรรมที่เรียกว่า “Malignant Narcissism” ดังกล่าวข้างต้น อันเป็นลักษณะร่วมของจอมเผด็จการทั้งสาม ดร.โพสต์และดร.เคอร์นเบอร์ก ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมนี้ในทางจิตวิเคราะห์ เป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่มีลักษณะของความหลงในตนเองอย่างรุนแรงแบบนาร์ซิสซัส

พฤติกรรมที่แสดงออกมาจะมีลักษณะโอ้อวด เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ไม่คำนึงถึงผู้อื่น ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักคำว่าคุณธรรมและจริยธรรม ไม่สามารถทนและยอมรับต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น และมักจะตอบโต้ โดยการแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เกรี้ยวกราดต่อผู้ที่ตนเองคิดว่าเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้าม

แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะพิเศษอันหนึ่งของผู้นำทางการเมืองที่มีพฤติกรรมแบบ “MalignantNarcissism” ก็คือ ลักษณะที่เป็นธรรมชาติในการชักจูงผู้คนที่อยู่รอบตัว รวมไปถึงความสามารถในการพูดจาโน้มน้าวฝูงชนเป็นจำนวนมาก ให้มีความคิดคล้อยตามคำพูดของตนเองได้ยอดเยี่ยม

ดร.โพสต์ และ ดร.เคอร์นเบอร์ก ยังได้วิเคราะห์ต่อไปว่า คนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ สุดท้ายที่จริงแล้ว เกิดจากความต้องการที่จะปิดปังความจริงอะไรบางอย่างในส่วนลึกที่มีอยู่ในจิตใจตนเอง ไม่ว่าจะเป็นความผิดที่เคยทำในอดีต ปมอะไรสักปมหนึ่งในอดีตที่ฝังใจตัวเองมาโดยตลอด หรือ ความลับที่ปกปิดคนเป็นจำนวนมากไว้ ด้วยสาเหตุเหล่านี้จึงทำให้พฤติกรรมของจอมเผด็จการเหล่านั้นถูกแสดงออกมาในลักษณะพฤติกรรมดังกล่าว งานวิจัยชิ้นนี้ต่อมาได้พิมพ์ออกมาเป็นหนังสือชื่อNarcissism and Politics

และไม่เฉพาะแต่พฤติกรรมทางจิตที่มีเหมือนกันแล้ว จอมเผด็จการทั้งสามยังมีเค้าโครงใบหน้าที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย อันสอดคล้องกับทฤษฎีอาชญาวิทยา
(Criminology) ของ เซซาเร ลอมโบรโซ(Cesare Lombroso) ศาสตราจารย์ด้านอาชญาวิทยาและจิตเวชศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยตูริน ประเทศอิตาลี ที่ชอบทำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของอาชญากรด้วยการศึกษาลักษณะกะโหลกศีรษะและรูปลักษณ์ภายนอก

ลอมโบรโซจบการศึกษาทางแพทยศาสตร์ เชี่ยวชาญทั้งจิตแพทย์ ชีวภาพ กายภาพ ไปจนถึงมานุษยวิทยา เคยทำงานเป็นแพทย์ทหารและในโรงพยาบาลโรคจิตหลายแห่งจนได้เป็นผู้อำนวยการ ระหว่างนี้จึงมีโอกาสได้ศึกษาลักษณะต่างๆ ของคนไข้โรคจิต โดยได้ศึกษาค้นคว้าและเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่มีอาการป่วยทางจิตและอาชญากร ทั้งหมด 13,666 ราย แบ่งเป็นคนปกติธรรมดา 4,376 ราย ผู้ป่วยทางจิต 2,843 ราย และอาชญากร 6,347 ราย

เมื่อได้ผ่ากะโหลกศีรษะดู ลอมโบรโซ พบว่าด้านหลังของกะโหลกศีรษะที่ต่อกับไขสันหลังมีลักษณะผิดปกติไม่เหมือนบุคคลปกติที่มิได้กระทำผิด แต่ไปเหมือนกับมนุษย์ในสมัยดิบเถื่อนหรือสัตว์ป่า ลอมโบรโซ เห็นว่าพวกนี้มีลักษณะถอยหลังทั้งในเรือนร่างและสัญชาตญาณยังมีความป่าเถื่อนที่ติดมาจากบรรพบุรุษทางสายเลือด ลอมโบรโซยังชี้ให้เห็นลักษณะที่เด่นชัดของอาชญากรตั้งแต่แรกเกิดที่จะสังเกตได้จากรูปลักษณ์ภายนอกโดยได้บรรยายลักษณะร่วมทางใบหน้าของอาชญากรส่วนใหญ่นี้ไว้ 5 ประการด้วยกัน คือ....

“มีลักษณะหน้าผากต่ำ, กะโหลกศีรษะผิดส่วน, หูกางและกว้าง, ขากรรไกรโต และใบหน้าเหลี่ยม”

หมายเหตุ

1.การวินิจฉัยตรวจสอบสภาพจิตใจของฮิตเลอร์ของ Dr.Bonhoeffer อ่านเพิ่มเติมได้จาก

“A Psychiatrist Under the Nazi dictatorship--Karl Bonhoeffer’s Commitment to Racially and Politically PersecutedColleagues” https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11488248/

2.งานวิจัยเรื่องการศึกษาพฤติกรรมทางด้านจิตใจของผู้นำของ ดร.โพสต์ อ่านเพิ่มเติมได้จาก Jerrold M. Post. Narcissism and Politics: Dreamof Glory. New York, Cambridge University Press. 2015.

3.งานศึกษาทางด้านชีวภาพของผู้ป่วยทางจิตและอาชญากรของ ศาสตราจารย์ลอมโบรโซ อ่านเพิ่มเติมได้จาก Gina Lombroso Ferrero. Criminal Man: According to the Classification of Cesare Lombroso. New York and London, the Knickerbocker Press. 1911.