น่าอดสู น่าสมเพช น่าทุเรศ และน่าขยะแขยงมากที่สุดกับภาพนายทุน เจ้าของธุรกิจใหญ่โตระดับประเทศ และข้ามประเทศ (บรรษัทข้ามชาติ) สัญชาติไทยจำนวนสองสามรายที่เข้าไปแห่แหน หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเข้าไปเฝ้าผู้ต้องคดีอาญาฐานทุจริตฉ้อฉลโกงบ้านกินเมืองและปล้นประเทศ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าภาพความทุเรศนี้ คือเครื่องบ่งบอก ยืนยันว่านายทุนใหญ่บางรายของไทยยังคงใช้กลวิธี และเพทุบายสามานย์เพื่อหากิน หาผลประโยชน์หล่อเลี้ยงกระเพาะอาหารตัวเอง โดยเอาตัวเข้าไปผูกไปพันกับผู้มีอำนาจรัฐ โดยมินำพา ไม่ใส่ใจว่าผู้มีอำนาจรัฐรายนั้นเป็นโจร ผู้ร้าย นักโทษ หรือมาเฟีย

น่าสังเวชสุดๆ ที่คนในสังคมไทยบางกลุ่มบางพวกยกย่องนักโทษคดีอาญาผู้ปล้นประเทศ ทำร้ายประเทศ สร้างความแตกแยกร้าวฉานให้ประเทศ การที่คนจำนวนหนึ่งยกย่องคนเลวคนชั่วก็คือการประกาศให้สาธารณชนเห็นชัดว่า ผู้ที่ยกย่องคนชั่ว คนเลว ก็คือคนชั่ว คนเลวด้วยเช่นกัน เพราะหากมิใช่คนเลว คนชั่วแล้ว จะต้องอยู่ห่างๆ จากคนเลว คนชั่ว แล้วไม่สุงสิง ไม่ข้องเกี่ยว ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับคนเลว คนชั่วเป็นอันขาด

การที่นายทุนใหญ่ของประเทศไทยจำนวนสองสามราย (ตามที่ปรากฏในภาพข่าวเมื่อเร็วๆ นี้) เข้าไปแสดงอาการพินอบพิเทา กราบกรานผู้มีสถานะเป็นนักโทษคดีอาญา คือสิ่งบ่งบอกชัดเจนว่านายทุนใหญ่ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว คือผู้ไม่รังเกียจสิ่งสกปรกโสโครก ซึ่งเท่ากับบ่งบอกว่านายทุนใหญ่เหล่านั้นนิยม และเสพของสกปรกโสโครกเป็นประจำ

ในมงคล 38 ประการ กล่าวไว้ในข้อแรกๆ ดังนี้ มงคลข้อที่ 1 อเสวนา จ พาลานํ คือ ไม่คบคนพาล มงคลข้อที่ 2 ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา คือ คบหาสมาคมแต่นักปราชญ์ มงคลข้อที่ 3  ปูชา จ ปูชนียานํ คือ บูชาคนที่ควรบูชา แค่สามข้อแรกของมงคล 38 ประการ ก็บ่งชัดแล้วว่าคนที่มีมงคลในชีวิต หรือเป็นผู้ซึ่งชีวิตมงคลจะไม่คบคนพาล แต่คบหาเฉพาะนักปราชญ์ และไม่บูชาคนที่ไม่ควรบูชา 

ต้องย้ำว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์มาก ที่คนมีฐานะร่ำรวยล้นฟ้า จนติดอันดับมหาเศรษฐีของไทยบางรายชอบคบหาคนเลว คนชั่ว สาเหตุที่คนรวยล้นฟ้าบางรายของไทยคบคนเลว โดยเฉพาะคนเลวที่มีอำนาจรัฐ เพราะคนรวยเหล่านั้นรวยล้นฟ้าขึ้นมาได้ เพราะว่าฝักใฝ่ และกระทำแต่สิ่งชั่วช้าสามานย์มาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนเลวผู้มีอำนาจรัฐ 

แต่มีคำถามว่า แล้วการที่คนรวยล้นฟ้าเอาเงิน (สกปรก) ไปทำบุญ ไปสร้างศาสนสถาน หรือไปสร้างสาธารณสถานต่างๆ จะทำให้ความชั่วความเลวที่เขาก่อไว้ ถูกลบล้างจางหายได้หรือไม่ในประเด็นนี้พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีท่านบอกว่าบุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป เป็นคนละส่วนกันทำเลวก็คือทำเลว ทำดีก็คือทำดี แต่การทำเลวและทำความดีไปด้วย ไม่ได้หมายความว่าความดีจะลบล้างความเลวให้หมดสิ้นไปได้ เพราะความเลวที่กระทำไปแล้วนั้น จะส่งผลให้ผู้กระทำอย่างแน่นอน ส่วนความดีที่ได้กระทำไว้ก็จะอยู่ในส่วนของความดี มันเป็นคนละส่วน คนละบัญชีกัน ไม่สามารถลบล้างกันได้ 

อย่างไรก็ตาม ในเมืองไทยมีความจริงอย่างหนึ่งคือ คนบางคนไม่แยกแยะว่าใครดีหรือเลว แต่มองเพียงว่าหากคนนั้นมีอำนาจรัฐ สามารถใช้อำนาจรัฐเสกเป่าดลบันดาลให้ผู้ที่เข้าไปสยบยอม แล้วได้ผลประโยชน์มหาศาล ร่ำรวยล้นฟ้า หรือใช้อำนาจรัฐผลักดันให้ธุรกิจของตนเติบโตต่อไปได้ ดังนั้นจึงพบว่านายทุนใหญ่ระดับชาติบางรายไม่ลังเลไม่รีรอที่จะเข้าไปสยบยอมและอิงแอบอำนาจรัฐ ต่อให้รู้ดีว่าอำนาจรัฐมันสามานย์ เต็มไปด้วยความไม่สุจริตก็ตาม 

วันนี้เราได้เห็นชัดแล้วว่านักโทษกลับมากุมอำนาจรัฐ แล้วก็เห็นชัดด้วยว่านายทุนใหญ่บางรายของประเทศไทยเข้าไปสวามิภักดิ์ต่อนักโทษที่มีอำนาจรัฐ ขอให้มองต่อไปว่าจุดจบของนักโทษที่กุมอำนาจรัฐไว้ได้จะจบลงอย่างไร จะต้องหนีคดีอาญาออกนอกประเทศพร้อมครอบครัวอีกหรือไม่ หรือจะจบชีวิตในประเทศ ขอให้เราทุกคนเตือนใจตัวเองตลอดเวลาว่า ต้องไม่สนับสนุนธุรกิจหรือกิจการใดๆ ของนายทุนใหญ่ระดับประเทศกลุ่มที่สวามิภักดิ์ต่อนักโทษปล้นประเทศ ต่อให้นายทุนใหญ่จะแปรเปลี่ยนไปซบอำนาจรัฐชุดใหม่ที่จะขึ้นมากุมอำนาจรัฐต่อจากนักโทษคดีอาญาก็ตาม ก็ต้องตามไปให้บทเรียนที่ล้ำค่ากับนายทุนใหญ่ผู้เกาะแข้งขาของผู้มีอำนาจรัฐทุกยุคทุกสมัยให้จงได้