“พรรคประชาธิปัตย์” กำลังยืนอยู่บน “ทางสองแพร่ง”บน “สองความต้องการ” ที่จะนำไปสู่ทั้ง “จุดจบ” และ “จุดเริ่ม” หาก “หัวหน้าพรรค” นายเฉลิมชัยศรีอ่อน” กับเลขาธิการพรรค “นายเดชอิศม์ ขาวทอง”และ สส.ส่วนใหญ่ เลือกตัดสินใจ “เข้าร่วมรัฐบาล” แพทองธาร ชินวัตร ภายใต้การกำกับบงการของ “นายทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งความจริงแล้ว ให้มันจบๆ ลงเสียเลยก็ดี แต่-มันจะจบแบบไหนล่ะ
1) ต้องเข้าใจก่อนว่า “พรรคประชาธิปัตย์” ขณะนี้ ตั้งอยู่บน “เรือสองแคม” มีคน 2 กลุ่มมีความต้องการ 2 แนว ที่ “ไม่ลงรอยกัน”
กลุ่มแรก - คือ กลุ่มที่ชนะการเลือกตั้งมาได้ กุมเสียงข้างมากในระดับ “กรรมการบริหารพรรค”จนสามารถ “ชี้เป็นชี้ตาย” ทิศทางและความเป็นไปของพรรคได้ คือกลุ่มของหัวหน้าพรรค-นายเฉลิมชัย เลขาฯพรรค-นายเดชอิศม์ และ สส.-กลุ่มที่ควบคุมชี้นำได้ โดยนายชัยชนะ เดชเดโช
กลุ่มนี้มี “อำนาจอยู่ในมือ” และ “มีความต้องการร่วมรัฐบาล” ด้วย เพราะเมื่อได้ร่วมรัฐบาล ตามข่าวชื่อของทั้ง 3 คน ดังกล่าว “คั่วเก้าอี้รัฐมนตรี” อยู่เช่น เฉลิมชัย-เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากคุณสมบัติมีปัญหา ก็จะสละเก้าอี้ให้ ชัยชนะ เดชเดโช ขณะที่ เดชอิศม์ คั่วเก้าอี้รมช.สาธารณสุข
เราไม่ต้องพูดถึง “ความรู้ความสามารถ” หรอก เราพูดกันที่ “ความอยาก” จะดีกว่า
ต้องพูดกันตรงๆ ว่า เฉลิมชัย-เดชอิศม์-ชัยชนะ “ลงทุนไปกับการเลือกตั้ง” ครั้งที่ผ่านมา หนักมาก ถ้าจะพูดให้สวยๆ ก็คือ พวกเขา “ชนะ” มา จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ หากมี “เหรียญรางวัล” ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ ที่พวกเขาทั้งสามจะ “ยื่นคอ” ออกไปรับเรื่องอะไรจะให้คนอื่น
กลุ่มที่สอง - คือ กลุ่ม “อุดมการณ์”อันประกอบไปด้วย 3 อดีตหัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ พ่วงด้วย นายสรรเพชญ บุญญามณีลูกชายนายนิพนธ์ บุญญามณี จาก จ.สงขลาเป็น สส.บัญชีรายชื่อ 3 คน สส.เขต 1 คน เป็น “เสียงข้างน้อย” ในกลุ่ม สส. กลุ่มนี้ไม่ต้องการให้ “พรรคประชาธิปัตย์” ร่วมรัฐบาล “ทักษิณ”
2) นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ยังไม่มีการแจ้งมาจากกรรมการบริหารพรรค แต่ตามระเบียบข้อบังคับพรรค จะต้องขออนุมัติจากที่ประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรค แต่ทราบว่ามีความพยายามของกรรมการบริหารและ สส.บางคนที่อยากจะเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งเห็นได้จากพฤติกรรมในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ครั้งแรก และตอนลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ตนจึงเห็นว่า “ไม่ควรมาอ้างว่าประชาชนอยากให้ร่วม หากอยากเป็นรัฐบาลก็ควรพูดตรงๆ ว่าอยากเป็น”
นายชวน ยังยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล เนื่องจากเคยไปรณรงค์ให้ประชาชนในภาคใต้ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะถูกเลือกปฏิบัติ ไม่พัฒนาภาคใต้ เนื่องจากคนใต้ไม่เลือก จึงไม่อยากทรยศ แต่หากเสียงส่วนใหญ่มีมติให้เข้าร่วมรัฐบาล ก็ต้องว่ากันไปตามมติของพรรค ย้ำว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนไม่ใช่ตัวปัญหาของพรรค ซึ่งตนอยู่กับพรรคมาเกือบ 60 ปี มีส่วนร่วมล้มลุกคลุกคลานตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกัน ฟื้นฟูพรรคจนกระทั่งได้เป็นรัฐบาล
“หากอยากเป็นก็บอกตรงๆ ว่าอยากเป็นรัฐบาล อย่าไปอ้างคนอื่น เราควรพูดเรื่องจริงว่า เพราะอยากเป็น เราก็ไม่ว่าอะไร และหากมติส่วนใหญ่ให้เป็น เราก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าไปหลอกไปอ้างเหตุผลอะไรมาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็ทำให้คนที่ติดตามเราอยู่ จะมีความรู้สึกในทางลบกับพรรคไป”
ส่วนที่มีกระแสข่าว หากร่วมรัฐบาลนายชวนจะลาออกนั้น นายชวนกล่าวว่า ตนไม่เคยพูด และตนเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมาก ซึ่งตนเคยบอกว่า ใครชนะเลือกตั้งได้ที่ 1 เป็นรัฐบาล ตอนนั้นตนแพ้ไป 2 เสียง และรวมเสียงได้มากกว่าด้วยซ้ำแต่ต้องรักษาคำพูด ตนเป็นนักการเมืองที่อยู่มาได้ เพราะประชาชนเลือก เพราะความเชื่อถือ คำไหนคำนั้นอะไรทำได้ ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ ก็บอกตรงๆ ตนจึงไม่พูดว่าจะลาออก เพราะถ้าพูดต้องลาออก
เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลหรือไม่ นายชวน ยืนยันว่า ไม่แน่นอน เพราะตนเป็นนักการเมืองตัวจริง ไม่ใช่นักฉวยโอกาส ไม่ใช่นักกินเมือง ไม่ใช่นักปล้นเมืองโกงเมือง ตนเป็นนักการเมือง ตนรู้ในกติกา จึงไม่เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล แต่จะใช้สิทธิ์โดยชอบธรรมที่มี เช่น กฎหมายที่ดีของรัฐบาล ตนก็พร้อมที่จะสนับสนุน ยกเว้นบางเรื่อง เช่น หากมีกรณีพฤติกรรมที่ทุจริต หากมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนก็ไม่ควรที่จะยกขบวนกันไปยอมรับสิ่งเหล่านี้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุด คือจุดยืนของพรรคต้องมีไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลในสมัยของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีการไปเจรจา ไม่ได้อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วขอร่วมหน่อย แต่เป็นการร่วมโดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และประกันรายได้เกษตรกร
นายชวน ย้ำว่า ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว หรือไปอาฆาตแค้นอะไรกับนายกรัฐมนตรีหรือคนในพรรคเพื่อไทย แต่ตนต้องการตอบแทนบุญคุณคนภาคใต้ โดยการทำหน้าที่แทนชาวบ้าน และที่เหนือไปกว่านั้น คือพรรคมีเกียรติยศมายาวนาน เราไม่เคยถูกประณามว่า เป็นพรรคอะไหล่ หรือ ถูกกล่าวหาว่า เป็นพรรคที่คอยเสียบ ตนก็รู้สึกเจ็บร้อนแทน และรู้สึกว่าไม่เห็นมีใครออกมาปกป้องพรรค และอยากขอร้องว่า หากจะพูดถึง พฤติกรรมคอยเสียบ ขอให้เจาะจงไปที่ตัวบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น เพราะพรรคไม่ได้ประกอบด้วยสส.เพียง 25 คน แต่ยังมีสมาชิกซึ่งอยู่ข้างนอกอีกจำนวนมาก และคงไม่พอใจกับพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้น แต่คงไม่สามารถทำอะไรได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ติดใจที่อยากได้พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลสักเท่าไหร่ แต่ปัญหาคือคนของเราอยากร่วมรัฐบาลมากกว่า
สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หากพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะสูญพันธุ์นั้น นายชวน ยืนยันว่า ไม่สูญ เพราะอย่างน้อยก็น่าจะเหลือตนอีกคน แต่ไม่มั่นใจว่า ได้รับเลือกเข้ามาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เห็นว่ากรรมการบริหารพรรคชุดนี้ก็มาจากชุดที่แล้ว จึงน่าจะทราบว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหนและยังเชื่อว่า สส.บัญชีรายชื่อในสมัยหน้า น่าจะได้มากกว่าเดิม เพราะจากการลงพื้นที่เห็นปฏิกิริยาชาวบ้านก็พอจะรู้ว่า หลายคนก็ยังอาลัย และเสียดายพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตอนนี้ระบบการเลือกตั้งเปลี่ยนไป และคนก็เปลี่ยนไปมาก
นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ นักการเมือง มี2 ประเภท และมีพวกที่พูดเก่งชอบตำหนิแต่ทำงานไม่เก่ง ว่า ตนอยู่สภามากว่า 50 ปี ไม่เคยได้ยินว่าแบ่งกันเช่นนี้ และเห็นว่านายเดชอิศม์เป็นฝ่ายค้านมาเกือบ1 ปี แทบไม่เคยพูดในสภาเลย หรือจะพูดเพียง 1 ครั้ง ในขณะที่ลูกชายพูดเก่ง ซึ่งหากพูดอย่างนี้ อยากย้อนถามว่า ลูกชายทำงานไม่เก่งหรืออย่างไร เพราะลูกชายนายเดชอิศม์อภิปรายงบประมาณได้ดีมาก ตนอยู่สภามาเคยได้ยินแต่ว่า มีนักการเมืองที่โกงกับไม่โกง และคนที่เป็นคนอภิปรายได้ดีในสภา เป็นเพราะเตรียมตัวมา
ดังนั้น จึงไม่ควรพูดเช่นนี้
นายชวน ยังเชื่อว่า แม้มีความเห็นต่างในการที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่ทำให้พรรคแตก เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยู่มายาวนาน ผ่านอะไรมาเยอะ แต่สิ่งสำคัญคือ พรรคต้องมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี
3) นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุประชาชนจังหวัดสงขลาเกือบทั้งหมดต้องการให้ไปร่วมรัฐบาล ว่า ไม่สามารถตอบแทนพี่น้องชาวสงขลาได้หมด จะไปตอบแทนหรือเหมารวมพี่น้องชาวสงขลาไม่ได้ แน่นอนเขาเลือกตัวแทนเขามาก็ต้องอยากให้เป็นรัฐบาล แต่ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์มี 25 เสียงเราจึงตั้งใจทำงานเป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบถ้าเราทำงานตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง และมีวุฒิภาวะ ตรงไปตรงมา เชื่อว่าการเลือกตั้งสมัยหน้าคงจะมีทิศทางที่ดีขึ้น
“เป็นระยะเวลา 1 ปีแล้วที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เราจะเข้าร่วมรัฐบาลนี้ เพราะตัวเลขของรัฐบาลมีเสถียรภาพพอสมควรแล้ว สิ่งที่พี่น้องตั้งตารอคือการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาล ให้รัฐบาลใช้อำนาจของประชาชนอย่างโปร่งใสที่สุด เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเรียกความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนคืนมานั่นคือแนวทางในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและศรัทธา”นายสรรเพชญ กล่าว
เมื่อถามถึงท่าที สส.ส่วนใหญ่ของพรรคแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายสรรเพชญ กล่าวว่า ถ้าจะไปคงมีการเทียบเชิญและพูดคุยกันภายในพรรค ซึ่งเป็นประเพณีของพรรคประชาธิปัตย์ การที่มีสมาชิกหลายคนแสดงความคิดเห็นก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลที่สามารถทำได้ แต่สุดท้ายก็ไปจบที่มติพรรคจะว่าอย่างไร ทุกคนพร้อมที่จะเคารพมติพรรค
เมื่อถามว่าข้อวิเคราะห์ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลอาจสูญพันธุ์ได้ นายสรรเพชญ กล่าวว่า เราทำงานในแนวทางของเรา วันนี้เมื่อเป็นเสียงข้างน้อยในสภาก็ต้องตรวจสอบ การทำประโยชน์เพื่อประเทศไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลเพียงอย่างเดียว หน้าที่สส.สามารถใช้กลไกรัฐสภาในการทำหน้าที่แก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนทั้งในระดับประเทศและในระดับพื้นที่ได้ ไม่ว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ต่างคนต่างมีหน้าที่ เป็นรัฐบาลก็ทำหน้าที่บริหาร เป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ้าทุกคนบอกว่าต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแล้วจะทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ ก็ไม่ต้องมีฝ่ายค้านแล้ว ประชาธิปไตยทั่วโลกก็ไม่ต้องมีฝ่ายค้านฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านทุกคนอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญกฎระเบียบเดียวกัน
สรุป : ผมเชื่อว่า หากเพื่อไทยส่งเทียบเชิญ ประชาธิปัตย์ยุคเฉลิมชัย-เดชอิศม์-ชัยชนะ ตอบรับแน่นอน เพราะกลุ่มนี้ไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน มีความเชื่อว่า“ต้องทำงาน จึงจะมีคะแนน” และคนกลุ่มนี้ไม่ได้ยี่หระอะไรกับ “ตำนาน” ใน “ยี่ห้อประชาธิปัตย์” เพราะพวกเขา “มีวิธีชนะเลือกตั้งได้ด้วยตัวเอง”พันธกิจ “รักษาเกียรติภูมิของพรรค” จึงไม่ใช่เรื่องหลักของพวกเขา
ถ้าเลือกจะร่วมรัฐบาล ภาพก็จะกลายเป็น “บริวารของทักษิณ” และจมหายไปเหมือนกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าเลือกไม่ร่วมรัฐบาลหรือเขาไม่เอาไปร่วมจริงๆ ก็ต้องเป็น “ฝ่ายค้านที่เอาจริงเอาจังกว่าเดิม” ซึ่งก็พอจะโดดเด่นได้ แฟนกลุ่มเดิมไม่หาย ไม่หด และแฟนกลุ่มที่ทิ้งไปเลือกรวมไทยสร้างชาติคราวก่อน เพราะชู “ลุงตู่” อาจหวนกลับมาเลือกบ้าง
“ประชาธิปัตย์” จะจบในสภาพไหน อีกไม่นานก็คงเห็น พวกหนึ่งจบที่ไปร่วมกับ “ทักษิณ” แล้วอีกพวกหนึ่งจะ “เริ่ม” อะไรใหม่ไหม ที่ไหน กับใครอย่างไร ตรงนี้ต่างหาก ที่น่าลุ้นกว่า!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี